ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย
ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน
องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์
ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย
เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน
ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว
หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า

ที่ยกเรื่องแกะเขาแลถ้ำเป็นวิหารเทวาลัยในอินเดียนั้น ก็เพราะเห็นว่าที่นั่นเขามีหลักฐานชัดเจน
ว่าได้ทำวิหารเทวาลัยด้วยสัทธาปสาทะอย่างยิ่ง ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็ยังปรากฏมีที่จีน
ซึ่งก็ไม่แปลกประหลาดอันใด เนื่องจากวัฒนธรรมจากอินเดียได้อาศัยเส้นทางสายไหม
ในการแพร่กระจายวัฒนธรรมมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งลักษณะเช่นนี้ก็ปรากฏอยู่ในเอเชียกลางด้วย
แต่ที่จะโยงชวาให้เป็นอย่างอินเดียนั้น ยังไม่เห็นภาพจึงยังเชื่อไม่ได้ว่าจะมีเหมือนกัน
เพราะเท่าที่สังเกตจากถ้ำที่ใช้เป็นวิหารไว้พระปฏิมาในแถบอุษาคเนย์นี้
ก็ไม่ค่อยเคยเห็นที่ตกแต่งสลักเสลาให้วิจิตรพิสดาร จนถึงชั้นทำเสาที่ขื่อใส่ไว้ในถ้ำด้วย
ไม่ค่อยเห็นมีในแถบนี้
ส่วนเรื่องค้าวคาวนั้น อาศัยว่าเป็นชาวสวน จึงรู้จักค้างคาวพอตัว
ค้างคาวที่อยู่ในถ้ำนั้น มักจะอยู่ลึกจากปากถ้ำเข้าไปพอสมควร
จากเรื่องอิเหนา สันนิษฐานว่า ค้างคาวไม่ได้อยู่ในห้องวิหารที่ไว้พระปฏิมา
แต่คงจะอยู่ในถ้ำที่ต่อไปจากตรงที่ไว้พระปฏิมา ซึ่งมืดและเงียบกว่า
ไม่แน่ว่า ถ้ำที่แยกออกไปอีกทางจากห้องวิหารนั้น น่าจะเป็นทางออกอีกทาง
ซึ่งไม่กว้างนัก (อาจจะเป็นปล่อง) แต่ค้างคาวคงจะบินออกได้
ปกติค้างคาวคงไม่บินออกมาทางวิหาร เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องไปต้อนมาทำไม
แค่ไปกวนให้ค้างคาวตื่นก็จะบินกรูหนีออกมาตามทางที่มันเคยบินอยู่ประจำ
แต่ที่ต้องไปต้อนค้างคาวมา ก็เพราะค้างคาวอาจจะบินไปออกทางอื่นที่ไม่ใช่ทางวิหาร
เมื่อค้างคาวบินมาออกทางห้องวิหาร อาจจะหาทางออกไม่ไม่ถูก เพราะไม่คุ้นทาง
จึงบินวนเวียนอยู่ในห้องนั้นอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อมีค้างคาวจำนวนมากบินวนในที่อย่างนี้
อาจจะไปชนเทียนให้ล้มดับได้ (ถ้าใครเคยเห็นค้างคาวบินเข้าบ้านเวลากลางคืน
คงทราบว่า ค้างคาวจะบินวนหาทางออกทั้งสูงและต่ำไปทั่วทั้งบ้านจนกว่าจะหาทางออกเจอ)
ถ้าถ้ำวิหารนั้นมีเฉพาะคูหาที่ยาวตรงๆ และเป็นทางที่ค้างคาวบินไปมาเข้าออกเป็นปกติ
ค้างคาวคงจะบินออกไปโดยไม่ต้องมาวนเวียนหาทางออกในห้องวิหารจนชนเทียนล้มดับ
เพราะเป็นเช่นนั้น ห้องวิหารคงจะอุดมขี้ค้างคาวเกลื่อนกลาดจนนั่งลงไม่ได้แน่
ส่วนว่าเพดานถ้ำสูงหรือไม่นั้น อาจจะไม่จำเป็นต้องคิด ที่แน่ๆทางเข้าน่าจะแคบกว่าตรงห้องวิหาร
ส่วนภาพร่างฉากที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ทรงวาดนั้น วิจิตรสวยงามดี
ทรงพระดำริออกแบบไว้งามตามทางศิลปะ แต่ความสมจริงตามท้องเรื่องเดิมนั้น
เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณาครับ ก็แปลกใจอยู่ว่า หน้าต่างมีลูกกรงมะหวดนี้
จะเอาไปวาดตรงใดของถ้ำไว้พระปฏิมาบนภูเขา