เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
อ่าน: 23890 กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 05:37



       ในตอนกลับเข้าเมือง  อิเหนาทำทีเป็นม้าพยศบุกเข้ามาในขบวนของนางบุษบา

นางบุษบานั้นปิดม่านสองไขทันที          บาหยันพระพี่เลี้ยง(แป้งน้ำชนิดหนึ่งก็ใช้ชื่อบาหยัน)

จึงโผล่หน้าไปดูว่าใครบุกเข้ามา  และได้ต่อปากต่อคำกับอิเหนาว่า  ม้าของอิเหนาคงคิดถึงโรง

เร่งควบคืนหลังยังสถาน                            หญ้าน้ำสำราญเคยอาศัย

จึงจะสิ้นพยศสะกดใจ                               ที่ปั่นป่วนก็จะได้สมประดี


อิเหนาว่าถ้าม้ารักโรงจริงคงกลับไปแล้ว

ทั้งนี้เพราะพี่ไม่เมตตา                               วาสนาน้อยแล้วไม่เห็นใจ


นางบาหยันตอบว่ารักอิเหนาจะเปรียบราวรักเส้นผม

ถึงรักก็เป็นแต่รักเร้น                                  ยากจะชี้เช่นให้เห็นจริง


อิเหนาแก้ตัวรักพี่จริงดังพูดอยู่นี่ล่ะ

รักเหมือนหนึ่งกริชที่น้องเหน็บ                       ยากที่จะเก็บเอามาว่า

ถ้าแหวะอกยกใจได้ออกมา                           จึงจะแจ้งวิญญาณ์ว่ารักนาง           
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 05:48



       บัดนั้น                                         บาหยันแก้ไขไม่ขัดขวาง

พระเป็นปิ่นกษัตริย์เลิศปาง                         ทรงอาวุธต่างต่างมี

เห็นจะรักไปสิ้นทั้งนั้น                                จะผูกพันแต่กริชก็ใช่ที่

อันเกศาของข้าน้อยนี้                                ไม่มีสิ่งจะเปรียบเทียบทัน


       เมื่อนั้น                                         ระเด่นมนตรีตอบบาหยัน

ถึงจะรักอาวุธทั้งนั้น                                  ไม่เท่ากริชเทวัญเล่มนี้

รักนักเหน็บอยู่ไม่รู้ขาด                              จึงอาจเอาเปรียบกับรักพี่

ครั้นถึงประตูพระบุรี                                  ทีนี้จะแลลับตา

จะตามไปส่งด้วยมิตรจิต                             พี่คิดถึงบ้างอย่าลืมข้า

สิ่งใดที่ได้จำนรรจา                                   อย่าลืมสัญญาที่ว่าไว้

บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 08:24


มิชอกช้ำดังมีดมากรีดหิน...องค์พระปฏิมาในถ้ำ ถือเป็นสิ่งเคารพสูงสุดเป็นองค์ประธานแห่งสถานที่
ต้องตกแต่งให้งามงด เรื่องสลักเข้าไปในภูเขาทั้งลูกยังทำได้งาม นะขอรับ ที่อินโดนิเซียภูเขามากมายให้เลือกปีน
จะโดยเกาะต้นหมากก็กระทำได้  ยิงฟันยิ้ม

ถามต่อไปว่า  ถ้าเพดานถ้ำสูงดังที่ปรากฏในภาพวาดแล้ว
พลพรรคของอิเหนาจะต้อนค้างคาวออกมาดับเทียนทุกเล่มหมดด้วยวิธีการใด 
ท่าทางอิเหนาจะบังคับค้างคาวได้กระนั้นฤา

อันที่จริงก็สงสัยอยู่ว่า  ตกลงจะเป็นถ้ำหรือวิหารกันแน่
เพราะในบทละครในนั้น  บอกว่า วิหารพระปฏิมาอยู่บนเขา
แสดงว่าใช้ถ้ำเป็นวิหาร  ถ้ำนั้นน่าจะเพดานไม่สูงมาก


การสลักภูเขานั้นทราบอยู่  ที่อินเดียนั้นทำได้วิจิตรวิตถารมาก
ที่ชวาซึ่งรับอิทธิพลอินเดียมาก็น่าจะมีบ้าง 
แต่อยากเห็นภาพ ไม่ทราบว่าจะหามาให้ทัศนาได้หรือไม่

ถ้าพิจารณาพระปฏิมาในภาพวาด  น่าจะเป็นปฏิมากรรมพระโพธิสัตว์ในพุทธมหายาน
อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร  หรือพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี (เดาไปเรื่อยๆ)


ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน

ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 10:38

    พระพี่เลี้ยงชองบุษบาทั้งสี่คือ  บาหยัน  ส่าเหง็ด   ปะเสหรัน  และ ประลาหงัน

เป็นสี่คนเท่านั้นที่ มะเดหวีให้ติดตามเข้าไปในวิหารซึ่งเป็นถ้ำสูงใหญ่  มีถ้ำน้อยๆเป็นบริวารที่ค้างคาวมาเกาะอยู่      ทุกคนนั่งเงียบเรียบร้อย

ไม่ได้ลุกขึ้นร่ายระบำหงายหลังแต่อย่างใด(ดูจากการประกวดร้องเพลงของโรงเรียนหนึ่ง)


ฉากวิหารของคุณจักรพันธุ์ โปษยกฤต เพดานสูง


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 10:47

แบบฉากของละคอนดึกดำบรรพ์ เรื่องอิเหนา ตอนไหว้พระ แสดงระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๒-๒๔๕๒ ออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นฉากวิหารเล็ก ซึ่งมะเดหวีพานางบุษบา เข้าไปเสี่ยงเทียนว่าจะได้เสกสมรสกับ อิเหนา หรือจรกา แสดงให้เห็นภายในวิหาร และองค์พระปฏิมาซึ่งอิเหนาเข้าไปแอบซ่อนอยู่ข้างหลัง

ให้สังเกตเพดานว่าไม่สูงมาก เหมาะแก่การไล่ค้างคาวมาดับเทียนนัก

 ยิงฟันยิ้ม

ภาพจาก เว็บลักษณะไทย


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 11:55

อันที่จริงก็สงสัยอยู่ว่า  ตกลงจะเป็นถ้ำหรือวิหารกันแน่
เพราะในบทละครในนั้น  บอกว่า วิหารพระปฏิมาอยู่บนเขา
แสดงว่าใช้ถ้ำเป็นวิหาร  ถ้ำนั้นน่าจะเพดานไม่สูงมาก

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดโสมนัสวิหาร ผนังที่ ๗ ภาพที่สอง เป็นภาพเขียนในสมัยรัชกาลที่สี่ เป็นตอนที่ท้าวดาหาเสด็จมาแก้บนที่ภูเขาวิลิศมาหรา คำบรรยายจาก เว็บวัดโสมนัสวิหาร มีว่า อันมีสถาปัตยกรรมเทวสถานเบื้องบนอย่างอลังการ  เขียนด้วยสไตล์ทันสมัย  (คือนิยมฝรั่ง)  ดูเป็นชั้นเชิง  เบื้องล่างฐานไพทีเห็นเป็นเนินไศลหินผา  โตรกศิลาอันมืดทมิฬ  ท่านจิตรกรได้รจนาออกมาเป็นภาพอันวิจิตรที่มีสีหนัก ๆ ห่อหุ้มโดยรอบ  ประสงค์จะให้เห็นนิติอันเร้นลับและวังเวงชวนให้ฝันเฟื่องเป็นดรามาติก  คลุกคละระคนกับความเป็นจริง

มะเดหวีพานางบุษบาไปไหว้พระปฏิมาเพื่ออธิษฐานเสี่ยงทายเนื้อคู่ที่เขาวิลิศมาหรานี้ในคราวเดียวกัน

วิหารพระปฏิมาอยู่แถว ๆ นี้แหละ

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 12:35

       วิหารพระปฎิมากรนั้นอยู่บนเขา        มืดต้องใช้แสงเทียนส่อง

มีค้างคาวอาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ๆที่ติดต่อกัน       ส่งคนไปไล่มาได้อย่างรวดเร็ว

ดีไม่ดีค้างคาวคงเกาะอยู่ในวิหารด้วยตามมุมมืด

เมื่อโดนไล่  ค้างคาวบินผ่านองค์พระปฎิมาเพราะทางประตูคงเป็นทางออก

ถ้ามีทางออกทางอื่นหรือปล่องเปลวก็คงไปทางนั้นและโน้นแล้ว

ถ้ำที่เป็นที่ประดิษฐานพระปฎิมาก็ต้องสูงกว่าองค์พระอยู่แล้ว   จะสูงแค่ไหนคิดไม่ออกค่ะ

กิจกรรมที่ถนัดทางปีนป่ายก็นานมากมาแล้วจนแทบจะจำไม่ได้  รู้จักเพียงต้นมะม่วง  ต้นชมพู่   มะขามนั้นไม่สู้

ระดับเก็บหมากโดยไม่ต้องลงดินนั้นอ่านมาจากหนังสือเท่านั้น

น่าจะสูงมากทีเดียวเพราะชวานั้นเป็นแผ่นดินที่มีภูเขามาช้านาน   แผ่นดินเป็นปล่องเป็นโพลงเป็นหลุมเป็นเหว

ชวาโบราณคงไม่ไปนั่งในถ้ำที่มีค้างคาวอยู่ใกล้เคียงเพราะกลิ่นไม่น่าอภิรมย์

วิหารน่าจะกว้างและสูงไม่น้อย(แปลว่าสูงมาก)

แต่บริเวณคงกว้างขวางพอที่มีคนหลายคนแอบอยู่แล้วผู้ที่เข้าไปไม่รู้สึก     ตัวอิเหนาเองก็คงอาบน้ำกุหลาบ

ทาน้ำหอมกลิ่นกำจายแน่ ๆ


       บุษบาเป็นเจ้าหญิงที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี   ความอับอายที่โดนเมืองกุเรปันเลื่อนงานวิวาห์นั้น

ประไหมสุหรีดาหาคร่ำครวญว่า

เสียทีที่เจ้าเกิดมา                                     ในตระกูลเทวาอันสูงศักดิ์

รูปทรงยงยิ่งนรลักษณ์                                แต่อาภัพอัปลักษณ์กว่าฝูงคน

แม่เห็นสมสุริยวงศ์จึ่งปลงใจ                         ควรฤาช่างไม่เป็นพักผล

จะได้คู่ไพร่ฟ้าประชาชน                              ไหนเลยจะพ้นอัปยศอดอาย

ในแว่นแคว้นแดนชวาจะลือทั่ว                       จะนินทาว่าชั่วไม่รู้หาย

ร่ำพลางทางสลดระทดกาย                           โฉมฉายกำสรดโศกี

     บุษบาอาย และโกรธค่ะ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 12:43



พระฤาษีที่รดน้ำมนต์นั้นชื่อ สังปะลิเหงะ  มีอภิญญาณ      ที่อยู่เรียกว่าอาศรมพระนักธรรม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 17 ธ.ค. 11, 12:50



ศาลเทพารักษ์ที่เมื่อเมืองมีภัยก็เป็นที่บนบาน

ศาลนั้นมีชั้นเชิงสนุกนัก                       ฉลุฉลักลายงามทั้งสามหลัง

ทองหุ้มซุ้มทวารบานบัง                       มีบัลลังก์ตั้งรูปอาลักษณ์ไว้

ริมรอบขอบเขตุอารามนั้น                     มีระเบียงสามชั้นกว้างใหญ่

พื้นผนังหลังคาพาไล                           แล้วไปด้วยสุวรรณบรรจง
บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 19 ธ.ค. 11, 11:28


ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย
ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน
องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์
ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย
เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน

ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว
หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ที่ยกเรื่องแกะเขาแลถ้ำเป็นวิหารเทวาลัยในอินเดียนั้น  ก็เพราะเห็นว่าที่นั่นเขามีหลักฐานชัดเจน
ว่าได้ทำวิหารเทวาลัยด้วยสัทธาปสาทะอย่างยิ่ง  ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็ยังปรากฏมีที่จีน
ซึ่งก็ไม่แปลกประหลาดอันใด  เนื่องจากวัฒนธรรมจากอินเดียได้อาศัยเส้นทางสายไหม
ในการแพร่กระจายวัฒนธรรมมาเป็นเวลาช้านาน  ซึ่งลักษณะเช่นนี้ก็ปรากฏอยู่ในเอเชียกลางด้วย

แต่ที่จะโยงชวาให้เป็นอย่างอินเดียนั้น  ยังไม่เห็นภาพจึงยังเชื่อไม่ได้ว่าจะมีเหมือนกัน
เพราะเท่าที่สังเกตจากถ้ำที่ใช้เป็นวิหารไว้พระปฏิมาในแถบอุษาคเนย์นี้ 
ก็ไม่ค่อยเคยเห็นที่ตกแต่งสลักเสลาให้วิจิตรพิสดาร จนถึงชั้นทำเสาที่ขื่อใส่ไว้ในถ้ำด้วย
ไม่ค่อยเห็นมีในแถบนี้

ส่วนเรื่องค้าวคาวนั้น  อาศัยว่าเป็นชาวสวน จึงรู้จักค้างคาวพอตัว
ค้างคาวที่อยู่ในถ้ำนั้น  มักจะอยู่ลึกจากปากถ้ำเข้าไปพอสมควร
จากเรื่องอิเหนา   สันนิษฐานว่า  ค้างคาวไม่ได้อยู่ในห้องวิหารที่ไว้พระปฏิมา
แต่คงจะอยู่ในถ้ำที่ต่อไปจากตรงที่ไว้พระปฏิมา ซึ่งมืดและเงียบกว่า
ไม่แน่ว่า  ถ้ำที่แยกออกไปอีกทางจากห้องวิหารนั้น  น่าจะเป็นทางออกอีกทาง
ซึ่งไม่กว้างนัก (อาจจะเป็นปล่อง) แต่ค้างคาวคงจะบินออกได้
ปกติค้างคาวคงไม่บินออกมาทางวิหาร  เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องไปต้อนมาทำไม
แค่ไปกวนให้ค้างคาวตื่นก็จะบินกรูหนีออกมาตามทางที่มันเคยบินอยู่ประจำ
แต่ที่ต้องไปต้อนค้างคาวมา  ก็เพราะค้างคาวอาจจะบินไปออกทางอื่นที่ไม่ใช่ทางวิหาร
เมื่อค้างคาวบินมาออกทางห้องวิหาร  อาจจะหาทางออกไม่ไม่ถูก เพราะไม่คุ้นทาง
จึงบินวนเวียนอยู่ในห้องนั้นอยู่ระยะหนึ่ง  เมื่อมีค้างคาวจำนวนมากบินวนในที่อย่างนี้
อาจจะไปชนเทียนให้ล้มดับได้ (ถ้าใครเคยเห็นค้างคาวบินเข้าบ้านเวลากลางคืน
คงทราบว่า  ค้างคาวจะบินวนหาทางออกทั้งสูงและต่ำไปทั่วทั้งบ้านจนกว่าจะหาทางออกเจอ)

ถ้าถ้ำวิหารนั้นมีเฉพาะคูหาที่ยาวตรงๆ และเป็นทางที่ค้างคาวบินไปมาเข้าออกเป็นปกติ
ค้างคาวคงจะบินออกไปโดยไม่ต้องมาวนเวียนหาทางออกในห้องวิหารจนชนเทียนล้มดับ
เพราะเป็นเช่นนั้น  ห้องวิหารคงจะอุดมขี้ค้างคาวเกลื่อนกลาดจนนั่งลงไม่ได้แน่

ส่วนว่าเพดานถ้ำสูงหรือไม่นั้น   อาจจะไม่จำเป็นต้องคิด  ที่แน่ๆทางเข้าน่าจะแคบกว่าตรงห้องวิหาร

ส่วนภาพร่างฉากที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ทรงวาดนั้น  วิจิตรสวยงามดี
ทรงพระดำริออกแบบไว้งามตามทางศิลปะ   แต่ความสมจริงตามท้องเรื่องเดิมนั้น
เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณาครับ  ก็แปลกใจอยู่ว่า  หน้าต่างมีลูกกรงมะหวดนี้
จะเอาไปวาดตรงใดของถ้ำไว้พระปฏิมาบนภูเขา
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 19 ธ.ค. 11, 14:54


ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย
ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน
องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์
ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย
เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน

ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว
หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

 แต่ค้างคาวคงจะบินออกได้
ปกติค้างคาวคงไม่บินออกมาทางวิหาร  เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องไปต้อนมาทำไม
แค่ไปกวนให้ค้างคาวตื่นก็จะบินกรูหนีออกมาตามทางที่มันเคยบินอยู่ประจำ
แต่ที่ต้องไปต้อนค้างคาวมา  ก็เพราะค้างคาวอาจจะบินไปออกทางอื่นที่ไม่ใช่ทางวิหาร
เมื่อค้างคาวบินมาออกทางห้องวิหาร  อาจจะหาทางออกไม่ไม่ถูก เพราะไม่คุ้นทาง
จึงบินวนเวียนอยู่ในห้องนั้นอยู่ระยะหนึ่ง  เมื่อมีค้างคาวจำนวนมากบินวนในที่อย่างนี้
อาจจะไปชนเทียนให้ล้มดับได้ (ถ้าใครเคยเห็นค้างคาวบินเข้าบ้านเวลากลางคืน
คงทราบว่า  ค้างคาวจะบินวนหาทางออกทั้งสูงและต่ำไปทั่วทั้งบ้านจนกว่าจะหาทางออกเจอ)


คุณหลวงใช้วิธีการอย่างไร ที่จะต้อนให้ค้างคาวบินเข้ามาในวิหารได้ มิกลัวค้างคาวโฉบกัดหูกระนั้นหรือ  อีกอย่างสัตว์นั้นกลัวไฟ ประการหนึ่งค้างคาวตัวไหนทำให้เสียชื่อหมด บินชนได้อย่างไร น่าจับมาทอดกินให้เข็ด
บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 19 ธ.ค. 11, 15:47


คุณหลวงใช้วิธีการอย่างไร ที่จะต้อนให้ค้างคาวบินเข้ามาในวิหารได้
มิกลัวค้างคาวโฉบกัดหูกระนั้นหรือ  อีกอย่างสัตว์นั้นกลัวไฟ
ประการหนึ่งค้างคาวตัวไหนทำให้เสียชื่อหมด บินชนได้อย่างไร น่าจับมาทอดกินให้เข็ด


ก็ไฟนั่นแลที่ใช้ไล่ต้อน  ถ้าไล่ต้อนโดยดักตรงทางที่ค้างคาวออกประจำ
เมื่อค้างคาวแตกตื่นแต่บินออกทางที่เคยบินออกไม่ได้  ก็ต้องบินออกทางอื่น
ในกรณีนี้อาจจะต้องปิดปากทางที่ค้างคาวเคยบินออกไว้ด้วย
ส่วนที่ถามว่า ไม่กลัวค้างคาวกัดหูหรือไม่นั้น   อันนี้สุดวิสัยจะตอบแทนตัวละครได้
ก็ถ้ากลัวขนาดนั้น มีไฟอยู่กับมือ และไม่รู้จักป้องกันตัวเอง ปล่อยให้ค้างคาวโฉบหูไปกินได้ 
ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้  เหมือนคนไปตีรังผึ้งเอาน้ำผึ้งบนต้นไม้
แต่ไม่รู้จักหาทางหนีทีไล่ หรือ ไม่รู้จักหาทางป้องกันผึ้งต่อย 
ก็นับว่าเป็นการกระทำที่อ่อนประสบการณ์มาก  ถ้าถูกผึ้งต่อยตายก็คงสมควรแล้ว

ค้างคาวถ้าบินในเวลาปกติ  สามารถบินหลบหลีกสิ่งที่กีดขวางได้แม้จะมืดจนมองไม่เห็น
แต่ถ้าในเวลาคับขันมีอันตรายมาจวนตัว  อารามตกใจ  มันก็จะบินว่อนไปไม่รู้ทิศ
ตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด  ถ้ามันจะบินชนกันบ้าง ก้ไม่น่าจะแปลก
บางทีมันอาจจะไม่บินชนจนเทียนดับ  แต่แรงกระพือปีกทำให้เกิดลม อาจจะทำให้เทียนดับได้เหมือนกัน
หรืออีกกรณีหนึ่ง  สาวเจ้า ตกใจกลัวแบทแมนที่บินโผไปมาในถ้ำ  สะดุ้งวี้ดว้าย
ทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ หลบหลีกค้างคาวจนกระทบกระแทกเทียนล้มล้มก็เป็นได้

ส่วนเรื่องไฟ  ไฟจากคบ กับไฟจากเทียน
ไฟจากแหล่งไหนที่ค้างคาวจะกลัวมากกว่ากันนั้น  ลองคิดดูเอาเถิดออกขุน
ก็ลองคิดดู
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 19 ธ.ค. 11, 15:53

อิเหนาตอนนี้ คงเกณฑ์ให้บุษบาเสี่ยงทายตามวิธีไทย ๆ นั่นแล

เรื่องเดิมของชวา มีการไล่ต้อนค้างคาวด้วยหรือเปล่ายังสงสัย

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 19 ธ.ค. 11, 16:11

อิเหนาตอนนี้ คงเกณฑ์ให้บุษบาเสี่ยงทายตามวิธีไทย ๆ นั่นแล

เรื่องเดิมของชวา มีการไล่ต้อนค้างคาวด้วยหรือเปล่ายังสงสัย

 ยิงฟันยิ้ม

คุณเพ็ญคิดว่า วรรณคดีไทยเรื่องใด ปรากฎมีการพาดพิงถึง "ค้างคาว" บ้างหนอ  ฮืม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 19 ธ.ค. 11, 17:11


คิดมาก่อนแล้ว  ว่าเทียนทองซึ่งคือเทียนขี้ผึ้งบริสุทธ์คงไม่สูงมาก

แสงไฟคงเป็นจานดินเผาใส่น้ำมันมากกว่า

สมัยทำกิจกรรมในสมาคมนักเรียนต่างชาติ    สหายซึ่่งเป็นประธานนักเรียนของอินโดนีเชีย    รำถ้วยน้ำมัน

ตั้งมือเป็นฉากอยู่ไปมา    นั่งลงบ้าง  กลิ้งไปมาบ้าง     ดูแล้วสวยดี   สง่ามาก


เทียนนั้นดับหลายครั้ง

        ครั้นถึงทวาราก็เพลิงดับ                               จึงกลับไปจุดมาใหม่

ถึงสามทีแล้วไม่ได้ไฟ                                          ด้วยค้างคาวบินไปบินมา

พอเหลียวไปเห็นปล้องไม้                                     วางอยู่แทบใกล้แผ่นผา

จึงหยิบเอาครอบไฟไคลคลา                                  แฝงตัววิ่งพาเข้ามาพลัน

       นี่คือนางประเสหรัน  พระพี่เลี้ยงคนหนึ่งที่โตขึ้นมาในวัง  ถวายตัวเข้ามาตั้งแต่บุษบาเกิด


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 20 คำสั่ง