เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
อ่าน: 21796 สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 10 ธ.ค. 11, 05:59




       ในพระชันษาของท่านหญิงเมื่อพ้นระยะปฐมวัยแล้ว   ไม่ค่อยจะมีระยะห่างกับความวิปโยค  กล่าวคือ

พอทรงรับหมั้นแล้ว   ยังไม่ทันได้อภิเษกสมรส  พระบิดาก็สิ้นพระชนม์   อันเป็นทุกข์ใหญ่ครั้งที่ ๑

ต่อมาทรงอภิเษกสมรสแล้วไม่นาน   ทูลกระหม่อมสวามีก็สิ้นพระชนม์อันเป็นทุกข์ใหญ่ครั้งที่ ๒    ต่อจากทูลกระหม่อมฟ้าติ๋ว

สิ้นพระชนม์ไม่นานก็ถึงสมเด็จหญิงพระองค์กลางผู้ปกครองอันเป็นที่น่าเสน่หาอาลัยซึ่งกันและกันก็สิ้นพระชนม์ลงอีก

พระองค์หนึ่ง    ท่านหญิงทรงชินกับการกระทบกระเทือนขนาดหนัก ๆ     จนเป็นที่ชำนิชำนาญกับการลำลองเลี้ยงพระองค์เอง

ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว   ทรงมีไหวพริบรักษาพระเกียรติรักษาทรัพย์   อันตั้งแต่เล็กถึงใหญ่โตกว้างขวางขึ้นตามลำดับการณ์

จนกระทั่งการที่สูงสุดคือ   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หังองค์ปัจจุบันทรงพระพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แบ่ง

พระราชมรดกอันเป็นสังหาริมทรัพย์ของสมเก็จพระพันปีหลวง   เฉลี่ยเป็นกอง ๆ   พระราชทานพระสุณิสาและพระราชนัดดา

ในสมเด็จพระพันปีหลวงพระองค์นั้นเป็นส่วนเท่า ๆ กันทุกพระองค์


       ท่านหญิงมีพระนิสัยโปรดการวาดเขียนมาแต่เยาว์ตาที่กล่าวมาแล้ว   และงานชิ้นนี้นั่นเองทำให้ท่านหญิงเชี่ยวชาญในการออกแบบ

และโปรดพลิกแพลงเลือกเฟ้นในเครื่องประดับได้อย่างเก่งพอดู   และพอจะพูดได้ว่าโปรดปรานทรงงานจำพวกนี้ยิ่งกว่างานอื่นและวิชาใด ๆ หมด

เมื่อท่านหญิงได้รับพระราชทานมรดกอันเป็นเครื่องประดับ    ท่านหญิงจึงแก้ไขดัดแปลงให้เข้าที่  สมกาลเทศะและทันความนิยมโดยมาก

ในเรื่องนี้รุ้สึกว่าทำให้ท่านหญิงทรงเพลิดเพลินเจริญพระทัยไม่น้อย     เท่ากับเป็นยาบำรุงชีวิตอย่างหนึ่ง        ส่วนอสังห่ริมทรัพย์

ท่านก็ทรงทำธุระกิจต่าง ๆ ของท่านเองเจริญขึ้นตามลำดับกาลเวลาโดยราบรื่นตามสมควร
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 10 ธ.ค. 11, 06:12




       ถ้าจะพูดเรื่องน้ำใสใจคอที่แท้จริง     ท่านหญิงเป็นผู้ที่ถี่เหนียวมาก   ไม่มีคำว่าสุรุ่ยสุร่าย

ใจคอกว้างขวางตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ   ซึ่งท่านออกโอษฐ์ว่าสุภาษิตข้อที่ว่า  ขายผ้าเอาหน้ารอดนั้นท่านไม่ใช้เลย

ท่านทรงใช้เงินอยู่ในขอบเขตแต่ในสิ่งจำเป็นและควรกระทำ


        ในเรื่องการตั้งองค์วางองค์    ท่านหญิงตั้งองค์เหมาะสมพอดี   เข้าใครเข้าได้ทุกชั้นทุกวัย
   
ไม่ทรงสมาคมอยู่แต่ในกรอบชั้นสูงเป็นพระเกียรติแต่อย่างเดียวแต่ทรงแสดงพระมารยาทได้กว้างขวางในสังคมทั่วไป

ไม่เคยได้ยินคำครหานินทาถึงพระมารยาทท่านหญิงเลย
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 10 ธ.ค. 11, 06:35




        มีเรื่อง ๆ หนึ่งในพระประวัติท่านหญิง    ที่ข้าพเจ้าอยากจะเล่าแต่เกรงว่าจะละลาบละล้วงมากไปหรืออย่างไร

และบางคนอาจว่าไม่น่าเชื่อ   หรือจะเชื่ออะไรกะฝัน   แต่อย่างไรก็ตาม   ข้าพเจ้าติดใจจะเล่า

ข้าพเจ้าได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่า   ท่านหญิงเป็นผู้หญิงที่น่าดูน่าชมความอ่อนหวานนิ่มนวลความเรียบร้อย

เป็นที่พึงพอใจของผู้เจาะจงจะดูผู้หญิง    ท่านหญิงจึงเข้าประทับในพระหฤทัยเจ้าชายหลายพระองค์

แต่ได้กล่าวแล้วเหมือนกันว่า       ท่านหญิงเป็นเด็กโบราณ   ท่านหญิงไม่เคยทอดสะพานให้ผู้ใดไต่ตามได้เลย

ท่านหญิงจึงผ่านวัยสาวถึง  ๒๕ ปี  จึงถึงทรงอภิเษกกับทูลกระหม่อม


       ทีนี้จะกล่าวถึงจุดสำคัญที่อยากจะเล่า    คือกาละคืนหนึ่ง     ท่านหญิงทรงฝันว่า

พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระราชกระแสรับสั่งกับท่านว่า   จะให้ของสิ่งหนึ่งในหีบไม้ใหญ่ซึ่งตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ในขณะนั้น

และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ทรงเลือกเอาของในหีบ        ท่านหญิงก็ทรงหยิบพระจุฑามณี(ปิ่นซ่นโบราณสำหรับปักผมจุก)

ขึ้นมา     แล้วท่านหญิงก็ตื่น      ท่านหญิงจะได้ทรงแก้ฝันกับผู้ใดหรือเปล่าไม่ทราบ     ข้าพเจ้าเห็นแปลกจึงเก็บมาเล่าอย่างคนแก่

เพราะท่านหญิงทรงเล่ากับข้าพเจ้าเมื่อท่านมีพระชันษาได้ ๗๐ ปีแล้วนี่เอง

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 10 ธ.ค. 11, 21:19




       ตอนมัชฉิมวัย   หลังจากที่ต้องประสบเหตุการณ์วิปโยคทุกข์ต่าง ๆ ล่วงไปแล้ว   ไม่ช้าก็ทรงประสบ

แต่พระอนามัยไม่ดี   พูดกันอย่างเก่า ๆ ก็เรียกว่าขนอน  เลือดจะไปลมจะมา    ตอนนั้นท่านหญิงจับบทขี้โรค

เดี๋ยวประชวรโรคนั้น  เดี๋ยวประชวรโรคนี้   ล้วนเป็นโรคที่รุนแรงต้องได้รับการรักษาและทนุบำรุงกันอย่างเต็มที่อยู่เป็นเวลานาน

เป็นปี ๆ        อันที่จริงในระยะนั้นท่านหญิงกับข้าพเจ้าเหินห่างกันมาก   ต่างฝ่ายต่างอยู่     คุณพฤกธ์เป็นผู้ใหญ่ผู้ดีและเป็นผู้ฉลาดเฉลียว

มีความสามารถในการช่างฝีมือดีต่าง ๆ อย่างกุลสตรีผู้ดีเก่านั้น     และเป็นบุตรีพระอินทรเดชสังวาลย์  พี่คุณจอมแฉ่ง  คุณจอมเชื้อ

พระวิมาดาประทานให้ไปเป็นผู้ใหญ่ไปมาติดต่ออยู่กับท่านหญิงที่วังเพชรบูรณ์  เกิดเป็นโรคมะเร็งที่น่าอกตาย    วังเพชรบูรณ์กับ

วังสวนสุนันทาถึงออกจะขาดตอนกันทีเดียว


       เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าได้ฟังจากท่านหญิงเล่าเองว่า  เมื่อขนอนนั้นท่านแสนจะทุกข์เดือดร้อนเพราะความป่วยไข้

โรครุนแรงต้องรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่     เงินที่จะใช้ก็ไม่มีพอแก่การณ์   เพราะในเวลานั้นท่านยังไม่มีผลประโยชน์พิเศษอะไร

มีเงินสุทธิเป็นหลักอยู่แต่เงินสะใภ้หลวง     ส่วนค่าอาหารเป็นเงินกองกลางของวังเพชรบูรณ์         ในตอนนั้นท่านว่า  จะตายก็จะตาย

จนก็จน  แสนที่จะทุกข์กังวลเดือดร้อน

บังเอิญความทราบถึงทูลกระหม่อมฟ้าหญิง (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าวลัยอลงกรณ์  กรมหลวงเพ็ชรบุรีราชสิรินทร) พอทรงทราบก็เสด็จมาเยี่ยม

แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลสม้ด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า           


เมื่อสมเด็จทรงทราบความก็เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมทันทีทันใด    แล้วทรงแสดงพระอิริยาบถพระราชทานพระเมตตากรุณาสงสาร   

ถึงกับลงพระหัตถ์ปฏิบัติการพยาบาลด้วยพระองค์เองอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง  เช่น  ทรงใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นลูบเช็ดองค์ท่านหญิงทั่วร่างกายเป็นต้น

แล้วทรงมีพระราชกระแสกำชับหมอที่กำลังเฝ้ารักษาอยู่    แล้วยังทรงเป็นพระธุระเอื้อเฟื้อในสิ่งต่าง ๆ      ซ้ำยังมีพระราชกระแสดัง ๆ ว่า

ท่านหญิงเป็นลูกเจ้าพระเดชนายพระคุณของพระองค์ท่าน          พระราชกระแสนี้มีความกว้างขวางพิสดารสำหรับผู้ใกล้ชิดอยู่ในขอบข่ายพระมหากรุณา

ของสมเด็จพระองค์นี้


ถ้าจะกล่าวโดยย่อบ้างก็คือ   เสด็จในกรมพระบิดาท่านหญิง   ท่านทรงจงรักภักดีในสมเด็จพระพันวัสสาฯ มาแต่ต้น   นานตลอดพระชนม์ด้วยความหนักแน่นเยือกเย็น


พระธิดาพระองค์ใหญ่ของท่าน หม่อมเจ้าจงใจถวิล ชุมพล    ท่านเคยทรงเล่าแก่ผู้เขียนว่า   ท่านเคยอยู่กินที่พระตำหนักเป็นเพื่อนเล่นกับทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเล็ก

(สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์โสภณ)


แล้วยังทรงมีพระราชกระแสสั่งกับท่านหญิงว่า   ถ้าจะต้องการอะไรให้รีบกราบบังคมทูล   ไม่ต้องเกรงพระราชหฤทัย  จะช่วยทุกอย่าง

ตั้งแต่นั้นมาท่านหญิงก็เห็นน้ำพระราชหฟทัยอันแท้จริง  ซึ่งเปี่ยมด้วยพรหมวิหารธรรมปานใด          แต่ก่อนท่านไม่เคยรู้     ท่านหญิงเรียกได้ว่าเป็นคนไม่ขี้แย   

แต่เมื่อท่านเล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันวสา ฯ ตอนนั้นทีไร      ท่านก็มีสีพระพักคร์บ่งถึงความตื้นตันจับใจอย่างลึกซึ้ง

ข้าพเจ้าชอบใช้อาการอย่างนี้ว่า "จุกคอ"  คือไม่ถึงกับน้ำตาไหล


แต่นั้นมาท่านหญิงก็เคล้าเคลียสนิทสนมด้วย  แสดงความระลึกถึงพระเดชพระคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้จนตลอดการสวรรคต
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 11 ธ.ค. 11, 10:39

ขอแนบภาพหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช ไว้ให้ครับ


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 11 ธ.ค. 11, 10:59



        (ขอบคุณคุณหนุ่มสยามสหายผู้เอื้อเฟื้ออยู่เป็นนิจ)


       อนึ่งมีข้อความจะงดเว้นไม่กล่าวเสียไม่ได้อีกข้อหนึ่ง    ตามที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ข้างบนนี้  ว่าท่านหญิงเข้าใครเข้าได้

ทุกเพศทุกวัยและทุกชั้น           นั่นขอต่อว่าข้าพเจ้านิยมน่าเอ็นดูท่านในเวลาที่ท่านรับแขกคนเฝ้าที่เป็นชาวพื้นเมืองอุบล ฯ     

ท่านจะต้องใช้สำนวนสำเนียงของชาวเมืองนั้นอย่างคล่องแคล่วไม่ขัดเขิน       แล้วท่านก็แปลเป็นภาษากรุงเทพ ฯ ให้เราฟังอีกที

เมื่อท่านรับสั่งพื้นเมืองฟังเหมือนกับผู้ที่มาเฝ้าไม่ผิดเพี้ยน  ไม่แปร่งปร่าเลย        ผู้ที่มาเฝ้าก็ดูปลาบปลื้มที่ท่านหญิงสนทนาด้วยภาษาเดียวกัน

ดูถึงอกถึงใจ   นี้เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้านิยม            แบบนี้ได้เคยเห็นพระราชชายาเจ้าดารารัศมีก็ทรงปฏิบัติอย่างนี้   แต่พระกระแสเสียง

พระราชชายาท่านแปร่งในภาษากรุงเทพ ฯ    ท่านหญิงไม่แปร่งทั้งสองฝ่ายในเวลาที่ใช้เสียงกลับไปกลับมาในทันทีทันใด

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 11 ธ.ค. 11, 11:30


       หม่อมบุญยืน  ชุมพล ณ อยุธยา   เป็นหม่อมชั้นผู้ใหญ่    ท่านชอบอยู่เงียบ ๆ  ไม่ชอบออกจากวัง

และรับแขกแม้แต่ในสวนดุสิต   ซึ่งมีท่านหญิงอยู่กับสมเด็จหญิงพระองค์กลาง        และหม่อมยังได้ถวาย

หลานสาว แด่สมเด็จหญิงพระองค์กลาง  คือหม่อมหลวงไถง กุญชร    ซึ่งหม่อมหลวงไถงเป็นญาติ

กับหม่อม ๆ ก็ไม่ไปเฝ้าถวายหลานสาว  ส่งให้ท่านหญิงนำถวาย      ถ้าท่านมีของอะไรแปลก ๆ เช่น

เห็ดโคนสด ๆ ขึ้นที่วัง   ท่านก็เก็บส่งเข้าไปถวายสมเด็จหญิงพระองค์กลาง   หม่อมก็ไม่เข้าไปถวายเอง

เวลาท่านหญิงประชวรหม่อมก็เกณฑ์ให้หม่อมเจียงคำไปเยี่ยมแทน   หม่อมไม่ได้ไปเยี่ยมและเฝ้าสมเด็จหญิงเอง

ท่านเป็นคนชอบเงียบสงบถึงเพียงนี้


        ในเวลานั้นหม่อมในกรมพระบิดาท่านหญิงมีหม่อมบุญยืน  เป็นผู้สูงอายุกว่าเพื่อน   แต่ไม่ชอบเอะอะหรูหรา

เข้าสมาคมอะไรต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้วประการหนึ่ง     และอีกประการหนึ่งหม่อมเจียงคำมีพระโอรสเป็นองค์แรก  

รองจากท่านหญิง   เป็นท่านชายใหญ่อยู่ติดพระองค์เสด็จพ่อคือท่านชายอุปลีสาร            ส่วนท่านชายใหญ่แท้ๆ ของในกรม  

คือหม่อมเจ้าประสบประสงค์นั้น  หม่อมมารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว       ดังกล่าวเหตุผลแล้วนี้   หม่อมเจียงคำจึงได้รับพระราชทานตราทุติยจุลจอมเกล้า"            

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 11 ธ.ค. 11, 11:35



จบพระประวัติตอนที่ ๑      สัญญาอดีต  เรื่องท่านหญิง   โดย  เจ้าจอม ม.ร.ว. สดับ  (ลดาวัลย์)  ในรัชกาลที่ ๕

คัดลอกด้วยความระมัดระวัง  เพื่อแสดงงานเขียนของเจ้าจอมสดับ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 11 ธ.ค. 11, 12:11


พระประวัติตอนที่  ๒     

เรื่องราวความเป็นมาจากหม่อมเจ้าอัปภัศราภา (ดิศกุล)  ทรงเล่า


       เมื่อหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรจะทรงอภิเสกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  เข้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  กรมขุนเพชรบูรอินทราชัยนั้น

สมเด็จพระพันวัสสาได้ตรัสกับหม่อมเจ้าอัปษรสมาน  กิติยากร (เทวกุล) ว่า     ทรงยินดีนักที่สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก

ได้ทรงเลือกหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรเป็นพระชายา    เพราะว่าหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรทรงเป็นพระธิดาของกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์

ซึ่งสมเด็จพระพันวัสสา ฯ  ทรงนับถือประดุจพระเชษฐา         เนื่องด้วยในคราวที่สมเด็จพระพันวัสสา ฯ  แรกจะเสด็จมาประทับที่วังสระปทุมนั้น

กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์  ขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีที่ปรึกษา     ได้เสด็จมาประทับเฝ้าแหนเป็นประจำ  ทำให้

รู้สึกอบอุ่นพระทัยคลายพระกังวลในเรื่องความปลอดภัย   เพราะพระโอรสยังประทับศึกษาอยู่ ณ ต่างประเทศ


       ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าน้องเธอ  เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  กรมขันเพขรบูรอินทราชัยสิ้นพระชนม์ลง   

พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าบุษบันบัวผันจึงได้ไปขอเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสา ฯ  กราบทูลว่าจะเสด็จกลับเข้าไปประทับ

ในพระบรมมหาราชวังดังเดิมกับพระองค์เจ้าสุทธิสิริโสภา  และพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช           ส่วนหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร

นั้นจะประทับอยู่วังเพชรบูรต่อไป    เนื่องจากทรงมีสุขภาพไม่แข็งแรงจะได้สะดวกในการตามแพทย์มารักษา

โดยจะมีหม่อมบุญยืนหม่อมมารดาเป็นผู้ใหญ่   และพระยาอนุศาสตร์เป็นมหาดเล็กผู้ใหญ่ซึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ

ทรงแต่งตั้งไว้

พระองค์เจ้าบุษบันฯ ทรงฝากหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรไว้กับสมเด็จพระพันวัสสา ฯ ให้ทรงดูแล  เพราะวังอยู่ใกล้กับวังสระปทุม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 11 ธ.ค. 11, 12:24

 

หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด  ชุมพล  เขียน  รำลึกในพระกรุณาธืคุณ  ว่า


        "เมื่อหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร (ชุมพล)  จุฑาธุช   ประชวร ณ พระตำหนักวังเพชรบูร   พระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวาปีบุษบากร

ได้ทรงพระกรุณาเสด็จมาประทานเยี่ยมพระอาการด้วยพระองค์เอง          แต่เนื่องจากทรงพระชรา  และทรงดำเนินไม่สดวก

จึงประทับในรถพระที่นั่ง            หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรได้เสด็จลงไปเฝ้า


เพียงเท่านี้หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรรู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาเป็นอย่างสูง

       
        แม้นเมื่อประชวร ณ โรงพยาบาลแล้ว   ต่างองค์ก็ทรงปรารถนาว่าอยากจะได้พบปะรับสั่งถามทุกข์สุขซึ่งกันและกัน

        เมื่อหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรได้ถึงชีพิตักษัยก็ได้ประทานพวงมาลาไปวางที่หน้าพระโกศพระศพ   และได้ประทานเงินมาช่วย

ในงานนี้  เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 19 คำสั่ง