เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 02 ธ.ค. 11, 12:33
|
|
พระราชวงศ์และญาติที่มาร่วมงานพระศพ จากซ้ายเจ้าชายฟิลิป พระสวามีสมเด็จพระราชินีฯ เจ้าชายวิลเลียม เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์น้องชายของเจ้าหญิง เจ้าชายแฮร์รี่พระโอรสองค์เล็ก และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 02 ธ.ค. 11, 12:54
|
|
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในงานพระศพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 02 ธ.ค. 11, 12:55
|
|
จากวันนั้น ถึงวันนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 02 ธ.ค. 11, 16:06
|
|
คนที่ทำใจไม่ได้มากที่สุดคือนายโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเยด มหาเศรษฐีพ่อของโดดี้ผู้สูญเสียลูกชายคนเดียว เขาปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นแผนลอบสังหารเจ้าหญิงและลูกชายของเขา คนบงการที่นายโมฮัมเหม็ดระบุในศาล ในเวลาต่อมาเมื่อมีการพิจารณาคดีสิ้นพระชนม์ คือ เจ้าชายฟิลิป พระบิดา และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 02 ธ.ค. 11, 16:13
|
|
อุบัติเหตุมีบางอย่างเป็นเงื่อนงำให้คนเคลือบแคลงจริงๆเสียด้วย ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สืบสวนของฝรั่งเศสพบเศษกระจกไฟท้ายหล่นกระจายอยู่ ไม่ยักใช่รถเมอเซเดส-เบนซ์ 280S ที่เจ้าหญิงกับโดดี้นั่งมา แต่เป็นรถเฟียต อูโน ผลิตระหว่างปี 1983-1989 พร้อมกับรอยขูดสีขาวที่ติดอยู่ด้านข้างของรถเบนซ์ ซึ่งสีขาวนี้ตรงกับสีที่ใช้พ่นรถเฟียต อูโนโดยทั่วไป ทางการฝรั่งเศสสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ว่า การที่รถเมอร์เซเดสชนกับรถเฟียต อูโน ทำให้รถของเจ้าหญิงไดอาน่าควบคุมไม่ได้จนแฉลบออกนอกทาง ไปกระแทกกำแพงด้านข้างของอุโมงค์ แล้วเสียหลักหมุนไปฟาดเข้ากับอีกข้างจนรถพังยับทั้งคัน ส่วนรถเฟียตอูโนไม่ยักสะท้านสะเทือน แค่กระจกท้ายแตก คนขับก็ยังขับต่อไปได้ด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นปกติ เห็นได้จากเขาพารถอันตรธานหายแว้บไปทางไหนก็ไม่มีใครเห็น ภายในไม่กี่วินาที เมื่อปาปารัสชี่ห้อรถมาถึง และเข้ามุงอยู่รอบรถของโดดี้ ตำรวจฝรั่งเศสก็ยังหาเจ้าของรถเฟียตไม่พบจนบัดนี้ เอารูปรถเบนซ์ 280s กับรถเฟียตอูโนมาให้ดูค่ะ จะเห็นว่าเบนซ์เป็นรถใหญ่แข็งแรงมาก ส่วนเฟียตอูโนคันเล็กนิดเดียว ลองชนกับเบนซ์แรงจนเบนซ์เสียหลัก ชนกำแพงพังพินาศทั้งคันแบบนี้ แต่เฟียตกลับไม่ระคายผิว ตัวถังและเครื่องยนต์ของเฟียตต้องแข็งแรงเหมือนหุ้มเกราะทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 02 ธ.ค. 11, 16:55
|
|
ในตอนแรก ตำรวจฝรั่งเศสหาตัวรถเฟียตและคนขับไม่เจอ แต่ 3 ปีต่อมา ก็เกิดคดีขึ้นมาอีกคดีหนึ่งที่นายโมฮัมเหม็ดเชื่อว่าพัวพันกับอุบัติเหตุในคืนนั้น นั่นก็คือมีช่างภาพฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อนายเจมส์ Andanson (ไม่แน่ใจว่านามสกุลแกออกเสียงฝรั่งเศสว่าอะไร เพราะดูแล้วเหมือนอังกฤษ) เป็นหนึ่งในปาปารัสชี่ที่ติดตามทำข่าวเจ้าหญิงกับโดดี้มาหลายวันแล้ว คืนเกิดเหตุเขาก็อยู่ในฝรั่งเศส ทีสำคัญเขาเป็นเจ้าของรถเฟียตอูโนสีขาว เดือนพฤษภาคม ปี 2000 มีผู้พบศพช่างภาพคนนี้ถูกไฟคลอกอยู่ในรถบีเอ็มดับบลิว ในป่าละเมาะแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทำให้เกิดข่าวลือว่า เขาทำงานให้กรมสืบราชการลับของอังกฤษ แล้วถูกฆ่าตัดตอน แต่เมื่อมีการสอบสวนคดี ภรรยาเขาให้การว่าคืนนั้นสามีไม่ได้ไปปารีส แต่อยู่บ้านในเมืองลินนิแยร์ ซึ่งห่างปารีสไป 170 ไมล์ เขาเพิ่งกลับมาจากทำข่าวไดอาน่าในประเทศซาดิเนีย เหนื่อยมากก็เลยพักผ่อนอยู่บ้านทั้งวันไปจนกลางคืน ก่อนจะออกเดินทางจากบ้านตอนตีสี่เพื่อบินไปทำงานที่เกาะคอร์ซิกา ส่วนการตายของสามี ภรรยาให้การว่าเธอเชื่อว่าเขาฆ่าตัวตาย ส่วนรถเฟียตอูโน มีอยู่คันหนึ่งจริง แต่แทบจะไม่ได้ขับออกถนนเลย
ในเมื่อพยานให้การแข็งขันอย่างนี้ นายโมฮัมเหม็ดก็หมดหลักฐานไปอีก 1 เรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
werachaisubhong
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 03 ธ.ค. 11, 16:28
|
|
นั่งหลังห้องมาหลายวันแล้วครับวันนี้ขออยู่หน้าห้อง ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 03 ธ.ค. 11, 19:04
|
|
หนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับเริ่มขุดคุ้ยสาเหตุของโศกนาฏกรรมในคืนนั้น แล้วรายงานเหตุผิดปกติหลายจุดเช่น - จู่ๆรถยนต์ก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังอุโมงค์ Pont de L’Alma ทั้งๆจุดหมายเดิมของเจ้าหญิงกับโดดี้คือไปโรมแรมริทซ์ที่ฝ่ายชายเป็นเจ้าของ - วิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีสเกิดใช้การไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์แล่นเข้าอุโมงค์ ทำให้ตอนเกิดเหตุร้าย ไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที - อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย กล้องวิดีโอวงจรปิดภายในอุโมงค์ใช้การไม่ได้ ทำให้ไม่มีภาพบันทึกอุบัติเหตุขณะเกิดขึ้น - พยานผู้ร่วมเหตุการณ์คือปาปารัสชี่ที่ห้อรถตามมา เอ่ยว่าได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิดในขณะเกิดเหตุ - รถพยาบาลใช้เวลาถึง 1 ชม.กับ 10 นาที ในการเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลเพียง 3 ไมล์เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถจะพาเจ้าหญิงไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา
ภาพที่ถ่ายในรถก่อนเกิดอุบัติเหตุ จะเห็นคนขับและบอดี้การ์ดถูกแสงไฟจากแฟลชปาปารัสชี่ ส่องจ้าเข้าตา ส่วนเจ้าหญิงทรงเหลียวไปทางด้านหลังรถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 03 ธ.ค. 11, 19:08
|
|
กรมตำรวจปารีสสอบสวนคดีโดยไม่ได้ติดใจประเด็นข้างบน แต่มุ่งไปที่สาเหตุของรถชน ใช้เวลาในการสอบสวนนานกว่า 2 ปีก็สรุปออกมาว่า เป็นอุบัติเหตุ สาเหตุที่คร่าชีวิตเจ้าหญิงไดอาน่า และ โดดี้ อัล ฟาเยด มาจากความประมาทของ นายอองรี ปอล คนขับรถ เนื่องจากอยู่ในสภาพเมาสุรา ตรวจศพพบมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าที่กฎหมายของฝรั่งเศสกำหนดถึง 2 เท่า เขาขับรถด้วยความเร็วสูงเกินกำหนด คือ 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหตุผลอีกอย่างคือคนสามคนในรถไม่มีใครรัดเข็มขัดนิรภัยเลยสักคน เมื่อรถชนเสาอุโมงค์โดยแรงจึงเป็นอันตรายถึงชีวิต ที่แย้งกันคือคนรอดชีวิตในรถมีคนเดียวเป็นบอดี้การ์ดชื่อเทรเวอร์ รีส โจนส์ เพราะรัดเข็มขัดนิรภัย หลายปีต่อมา เมื่ออังกฤษพิจารณาคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็มาให้การว่าเขาไม่เห็นนายอองรี ปอลดื่มเหล้าในค่ำนั้น รีส โจนส์บอกว่า“ผมไม่ได้สนใจว่าเขาดื่มอะไร ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแอลกอฮอล์ เพราะเขาดูปกติดี ผมไม่เห็นว่าเขาจะมีอาการเมาแต่อย่างใด เขาก็เป็นเหมือนที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้” รีสบาดเจ็บสาหัส แต่รอดตายมาได้ สูญเสียความจำไปพักใหญ่หลังประสบอุบัติเหตุ เขาให้การว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแผนลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงตามที่นายโมฮัมเหม็ด พ่อของโดดี้อ้างถึงแต่อย่างใด เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าว รูปนายอองรี พอล คนขับของโดดี้ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 05 ธ.ค. 11, 15:46
|
|
เมื่อไปอ่านประวัติของนายอองรี ปอล พบว่าเขาทำงานกับโดดี้มา 11 ปีแล้ว ไม่ใช่คนขับรถธรรมดาๆ แต่มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรมริทซ์ที่นายโมฮัมเหม็ดเป็นเจ้าของ ได้ใบอนุญาตขับเครื่องบินมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 1974 กล่าวกันว่าปอลชอบเช่าเครื่องบินไว้ขับเที่ยวจากปารีสไปลอเรียง เมื่อวันที่ 28 เดือนสิงหาคมปี 1997 สามวันก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ นายปอลเพิ่งผ่านการตรวจร่างกายประจำปีสำหรับนักบิน เพื่อดูความพร้อมทางกายภาพ เขาผ่านการตรวจ ได้คำรับรองว่าไม่มีปัญหาด้านแอลกอฮอล์ทั้งในเลือดและในตับ พ่อแม่ของปอลบอกว่าถ้าพอลติดสุราละก็ คงปรากฏผลอยู่ในการตรวจนี้แน่ แต่ก็ไม่มีอะไรชี้ให้เห็นว่านายพอลเป็นคนชอบกินเหล้าจนมีผลเสียกับร่างกาย อาชีพคนขับรถของมหาเศรษฐี ซึ่งกุมชีวิตนายเอาไว้ในมือ พอๆกับกุมพวงมาลัย ไม่ใช่ว่าแค่ขับรถได้นิ่ม หรือรู้ถนนหนทางดีเท่านั้น แต่ต้องเป็นบอดี้การ์ดสำคัญอีกคนหนึ่ง รู้จักรักษาชีวิตให้บุคคลสำคัญอย่างนายด้วย ปอลเคยถูกส่งไปฝึกด้านรักษาความปลอดภัยที่เมืองสตุตการ์ท ประเทศเยอรมนี ถึงสองครั้งในการฝึกอบรมพิเศษจัดโดยบริษัทรถเบนซ์ เพื่อฝึกเทคนิคการพานายและรถให้รอดปลอดภัย ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นถูกจี้โดยผู้ก่อการร้าย หรือถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ เพราะเรื่องพรรค์นี้อาจเกิดกับบุคคลสำคัญอย่างนายเขาเมื่อวันไหนเวลาไหนก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 05 ธ.ค. 11, 15:49
|
|
ในเมื่อมีข้อมูลอย่างนี้ จึงทำให้เกิดกระแสคำถามว่า คนที่ทำงานกับนายมานานตั้ง 11 ปี ไม่บกพร่องเรื่องหน้าที่มาโดยตลอด เหตุไฉนจึงปล่อยตัวเองให้ดื่มเหล้าจนเกินขอบเขต ในคืนที่มีหน้าขับรถให้นายและเจ้าหญิงซึ่งเป็นคนสำคัญระดับโลก นอกจากนี้ ขนาดเครื่องบินยังขับได้ เรื่องขับรถในปารีสก็เรื่องจิ๊บๆ เมื่อเร่งรถหนีปาปารัสชี่กลุ่มเดียว คนที่ผ่านงานมาตั้ง 11 ปีจะขับผลีผลามจนเฉี่ยวรถเฟียตเล็กๆคันหนึ่ง แล้วเสียหลักพารถชนอุโมงค์พังยับทั้งคันได้ง่ายขนาดนั้นเทียวหรือ ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับคนที่ถูกฝึกมาแล้วเรื่องขับรถรับมือกับผู้ก่อการร้ายและโจรเรียกค่าไถ่
เงื่อนงำช็อคโลกอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมาเปิดเผยทีหลัง เริ่มจากปี 1995 เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าทรงหย่ากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทนายความฝ่ายเจ้าหญิงชื่อลอร์ดมิชคอน ได้รับคำบอกเล่าจากไดอาน่าว่าเธอกำลังถูกหมายหัวสังหาร โดยฝ่ายวางแผนทำให้ดูเป็นอุบัติเหตุ ให้เธอตายหรือบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นผู้ไม่สมประกอบ เพื่อเจ้าชายชาร์ลส์จะได้เสกสมรสใหม่ได้สะดวก ไม่มีข้อกีดขวาง เมื่อได้ฟังลอร์ดมิชคอนก็จดลงเป็นบันทึกทันที สองปีต่อมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุในปารีส ไม่กี่วันหลังจากนั้นเขาก็ส่งบันทึกคำบอกเล่าของเจ้าหญิง ซึ่งเรียกกันทีหลังว่า Mishcon note ให้กับลอร์ดคอนดอน ผู้บัญชาการตำรวจ
ภาพของลอร์ดมิชคอน ผู้ถึงแก่กรรมในปี 2006
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 05 ธ.ค. 11, 15:58
|
|
ทั้งลอร์ดมิชคอนและลอร์ดคอนดอน เห็นพ้องต้องกันว่าจะปกปิดเรื่องมิชคอนโน้ตเป็นเอกสารลับ ไม่กระโตกกระตากออกมาให้สื่อมวลชนรู้ เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ เปิดเผยออกไปก็เกรงว่าประชาชนจะแตกตื่นกันเข้าไปใหญ่ แต่เรื่องที่เข้าใจยากก็คือ ผู้บัญชาการปิดเงียบสนิทเป็นความลับสุดยอดจริงๆ แม้แต่กรมตำรวจปารีสซึ่งกำลังสอบสวนคดีอยู่ยังไม่รู้เรื่องมิชคอนโน้ต ทั้งๆเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นหลักฐานข้อหนึ่งในแนวทางสืบสวน ผู้บัญชาการตำรวจอังกฤษไม่ส่งเรื่องนี้ให้ทางฝรั่งเศสใช้เป็นเบาะแสในการสืบสวน ว่ามีอะไรในกอไผ่หรือไม่ นอกเหนือจากอุบัติเหตุธรรมดาๆ
v ลอร์ดคอนดอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 05 ธ.ค. 11, 16:02
|
|
คำกล่าวที่ว่าความลับไม่มีในโลก ใช้ได้ในเรื่องนี้จริงๆ
ต่อมาในปี 2003 มีคดีเล็กๆคดีหนึ่ง ที่ตอนแรกประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก กล่าวคือนายพอล เบอร์เรลล์มหาดเล็กประจำพระองค์ของเจ้าหญิงถูกราชสำนักแจ้งความจับในข้อหาขโมยทรัพย์สินของเจ้าหญิงนายเก่า แต่ข้อหานี้ถูกถอนกลางคัน นายพอล เบอร์เนลล์ก็เเลยรอดตะรางไปได้ ราชสำนักถอนแจ้งความ เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธโปรดให้ระงับเรื่องนี้ เพราะทรงจำได้ว่านายเบอร์เรลล์เคยทูลไว้แล้วว่าเขาจะรักษาข้าวของส่วนพระองค์ดังกล่าวไว้เพื่อความปลอดภัย ข้อหาก็เลยตกไป ของพวกนี้ไม่ใช่เครื่องเพชรเครื่องทอง แต่เป็นพวกกระเป๋า ถุงมือ พระรูปเจ้าหญิงและพระโอรสพร้อมด้วยลายเซ็น กับจดหมายส่วนพระองค์จำนวนหนึ่ง
นายพอล เบอร์เรลล์ v
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 05 ธ.ค. 11, 16:05
|
|
10 เดือนต่อมาหลังจากรอดจากแจ้งความ นายเบอร์เรลล์ก็ช็อคคนทั่วโลกด้วยการเปิดเผยจดหมายส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงที่ทรงเขียนถึงเขาด้วยลายพระหัตถ์ ตอนหนึ่งบอกว่า "ฉันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในเดือนตุลาคม อยากจะมีใครสักคนกอดฉันไว้แล้ว ให้กำลังใจฉัน ให้เข้มแข็งต่อไป ชีวิตฉันช่วงนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงที่สุด สามีฉันกำลังวางแผนให้เกิด"อุบัติเหตุ" ในรถยนต์ ด้วยการทำให้เบรคเสีย ส่วนฉันก็ได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างหนัก กลายเป็นคนไม่สมประกอบ เพื่อเปิดทางสะดวกให้เขาจะแต่งงานกับทิกกี้ (หมายถึงเลจจี้-เบิร์ก พี่เลี้ยงของพระโอรส)ส่วนคามิลลาก็แค่นางนกต่อ เราทุกคนถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้ชายคนหนึ่ง ตรงตามความหมาย"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 06 ธ.ค. 11, 12:40
|
|
ผมได้แต่ติดตามอ่าน ความที่ไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นี้มาก่อน อ่านแล้วก็ได้แต่ปลงในพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่เข้าใครออกใคร ทุกชาติทุกภาษาทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะมีฐานะสูงส่งเทียมฟ้าหรืออนาถาติดดินก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม กิเลศบางตัวเช่นราคะ คนหล่อ สวย รวย และมีเกียรติ มักกะมีโอกาสให้ถลำไปเสพย์ได้มากกว่าคนหาเช้ากินค่ำ ที่ไม่มีเวลาจะไปฟุ้งซ่านอย่างอื่นนอกจากจะนอนก่ายหน้าผากเรื่องปากเรื่องท้อง
เมื่อใครละเมิดศีลละเมิดธรรมไปแล้ว ก็ต้องรับผลของมันด้วย ไม่ช้าก็เร็ว
เจ้าหญิงไดอาน่าคงมีกรรมอย่างอื่นอีกด้วย พระองค์จึงต้องทรงประสพชะตากรรมที่น่าอเน็ดอนาจ รูปนี้เป็นรูปที่หลุดมาในเวป ขอโทษด้วยหากแรงไป ส่วนคนอื่นที่ตายคาที่นั้น สภาพศพใช้ปลงอศุภกรรมฐานได้เลย
ใครอยากดู ใช้ภาษาไทยค้นหานะครับ ถ้าใช้ภาษาอังกฤษจะไม่เจอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|