เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 7493 บทกวี หัวใจกวี ของ นภาลัย สุวรรณธาดา
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 01 พ.ย. 11, 14:08

หัวใจกวีมีดอกไม้
อ่อนไหวอรชรซับซ้อนสี
ดอกไม้งดงามแห่งความดี
คำกวีหวานฟ้าสุมามาลย์

หัวใจกวีมีภูผา
ที่กล้าที่แกร่งกำแหงหาญ
ที่ไม่ก้มหน้าให้สาธารณ์
พายุรุกรานมิอาจรอน

หัวใจกวีมีสายน้ำ
ดื่มด่ำให้คลายหายเหนื่อยอ่อน
เย็นฉ่ำยามเศร้ายามเร่าร้อน
ซับ ซ่อน น้ำตาผู้ปราชัย

หัวใจกวีมีไฟโชติ
รุ่งโรจน์ร้อนแรงแสงสดใส
แดดเผาคนชั่วมิกลัวใคร
แรงไฟฝากแฝงในแรงคำ

หัวใจกวีมีฟ้ากว้าง
ไว้สร้างความฝันทุกคืนค่ำ
ฝันถึงโลกสุขหมดยุคดำ
เห็นธรรมรัฐฉายอยู่ปลายฟ้า

หัวใจกวีมีความรัก
พร้อมจักมอบผู้ที่รู้ค่า
อ่านกลอนอย่าอ่านเพียงผ่านตา
จงค้นหาข้างในหัวใจกวี
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 14:21

นึกถึง ขอบฟ้าขลิบทอง ของ อุชเชนี

ขลิบฟ้าขอบทอง

   มิ่งมิตร........    
เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน    
ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม

   ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว    
ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม    
ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน
 
   ที่จะแล่นเริงเล่นเช่นหงษ์ร่อน    
ที่จะถอนใจทอดกับยอดสน
ที่จะหว่านสุขไว้กลางใจคน    
ที่จะทนทุกข์เข้มเต็มหัวใจ

    ที่จะเกลาทางกู้สู่คนยาก    
ที่จะจากผมนิ่มปิ้มเส้นไหม
ที่จะหาญผสานท้านัยน์ตาใคร    
ที่จะให้สิ่งสิ้นเธอจินต์จง

    ที่จะอยู่เพื่อคนที่เธอรัก    
ที่จะหักพาลแพรกแหลกเป็นผง
ที่จะมุ่งจุดหมายประกายทะนง    
ที่จะคงธรรมเที่ยงเคียงโลกา

   เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น    
เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา
เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา    
เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ
 



 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 14:25

มีอีกไหมคะ  หากลอนเพราะๆมาให้คุณชูพงศ์อ่าน
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 15:43

เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู และท่านสมาชิกเรือนไทยทุกท่านครับ

   อ่าน “หัวใจกวี” แล้ว ผมอดสันนิษฐานมิได้ตามประสาคนชอบคิด (มาก) ครับ ว่า ท่านอาจารย์นภาลัย สุวรรณธาดา อาจเขียนงานชิ้นนี้ในช่วงวรรณกรรมเพื่อชีวิตกำลังเบ่งบานก็เป็นได้ เพราะปรากฏ “เปลวไฟ” อยู่ในนั้นประจุไว้มิน้อยเลย จากที่เคยสัมผัสหนังสือรวมกวีนิพนธ์ชุด  “ดอกไม้ใกล้หมอน” ของท่าน ผ่านการอ่านของคุณน้าผู้รักหลานเสมอ กลอนทั้งเล่มนั้นเป็นกลอน ๘ (กลอนสุภาพ) เดินลีลาเยี่ยงท่านมหากวีสุนทรภู่ หาก ใน “หัวใจกวี” เป็นกลอน ๗ เกือบทุกวรรค (เว้นวรรคสุดท้ายตอนจบ) ซ้ำหนักแน่นในอุดมการณ์ อุดมคติอีกด้วย ถ้าผมคาดคะเนผิดตามวิสัยคนปัญญาต่ำตื้น ขอท่านอาจารย์เทาชมพู และสมาชิกท่านอื่นๆโปรดท้วงติงชี้แนะด้วยเถิดครับ
 
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 16:05

ลีลาการแต่งละม้ายกับ อหังการของดอกไม้ ของ จิระนันท์ พิตรปรีชา

สตรีมีสองมือ                    มั่นยึดถือในแก่นสาร
เกลียวเอ็นจักเป็นงาน            มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ

สตรีมีสองตีน                    ไว้ป่ายปีนความไฝ่ฝัน
ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน               มิหมายมั่นกินแรงใคร

สตรีมีดวงตา                     เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่
มองโลกอย่างกว้างไกล          มิใช่คอยชะม้อยชวน

สตรีมีดวงใจ                     เป็นดวงไฟมิผันผวน
สร้างสมพลังมวล                ด้วยเธอล้วนก็คือคน

สตรีมีชีวิต                       ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล
คุณค่าเสรีชน                    มิใช่ปรนกามารมณ์

ดอกไม้มีหนามแหลม            มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม                ความอุดมแห่งผืนดิน

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 16:09

หนังสือเล่มนี้รวมเล่มเมื่อพ.ศ. 2552   คุณนภาลัยรวบรวมกลอนที่เคยนำลงในวารสารต่างๆ มาพิมพ์เป็นเล่ม  แต่ไม่ได้บอกว่าบทไหนแต่งในพ.ศ.ใด     ดิฉันก็เลยตอบคำถามคุณชูพงศ์ไม่ได้ว่าเธอเขียนในช่วงวรรณกรรมเพื่อชีวิตเบ่งบานหรือไม่
มีอีกหลายบท ที่น่าอ่านไม่น้อยกว่ากัน   จะทยอยนำลงในกระทู้ใหม่ต่อไปค่ะ

คุณนภาลัยแบ่งกลอนในเล่มออกเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น  เราเป็นหนึ่งเดียวกัน  ครู -บัณฑิต    อาชีพ  ครอบครัว  ความรัก  แด่ผู้เกษียณ    คุณสนใจอยากจะอ่านเนื้อหาในหัวข้อไหนบ้างคะ
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 16:27

เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูครับ

ณ ช่วงเวลาแบบนี้ บทกวีแบบใดก็ได้ครับสำหรับผม เพราะผมถือเอากานทนิพนธ์เป็นโอสถรักษาความเครียด รอน้ำไป อ่านกลอนไป ถึงน้ำมาแบบไม่มาก ยังเข้าเว็ปไซต์เรือนไทยได้ ก็อ่านกลอนต้อนรับน้ำเสียเลยครับอาจารย์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 01 พ.ย. 11, 17:01

ถ้างั้นก็แถมให้อีกบทค่ะ  กลอนของอุชเชนีข้างบนนี้ ทำให้นึกถึงกลอนของคุณประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2548  ชื่อ มิตรแท้ทุกยาม  แต่งเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2504
อยู่ในหนังสือรวมบทกวี ชื่อ สุดสงวน

มิ่งมิตร
คนจะคิดว่ากระไรช่างใครเขา
ทุกสิ่งสรรพ์ชั่วดีอยู่ที่เรา
มิตรอย่าเอาถือมาเป็นอารมณ์

ชีวิตเธอถูกกระหน่ำจนช้ำชอก
ทั้งกลับกลอก  ความทราม ความขื่นขม
คนอิจฉา  ฉ้อฉล  คนโสมม
ทั้งที่ซมซานทำแต่กรรมดี

เธอมิใช่ใบไม้ในหน้าแล้ง
จะเหี่ยวแห้งแกร่งกายตายเป็นผี
ถูกคนบาปหยาบหยามเหยียบย่ำยี
เพราะเธอมีชีวิตมีจิตใจ

ฉันจะเป็นเพื่อนผู้คอยคู่คิด
ช่วยชุบชูกู้ชีวิตมิ่งมิตรใหม่
ให้เป็นผู้กล้าแกร่งแรงฤทัย
สู่ธงชัยอนาคตอันงดงาม

ใครจะคิดว่ากระไรช่างใครเขา
ฉันจะเฝ้าเป็นมิตรไม่คิดขาม
แม้ใครใส่ความสิ้นด้วยลิ้นทราม
ฉันเป็นมิตรแท้ทุกยาม ชั่วชีวิต


บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 02 พ.ย. 11, 08:34

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เทาชมพูอย่างสูงยิ่งครับ สำหรับบทกวีอำนรรฆค่าของท่านอาจารย์ประยอม ซองทอง ผมเรียนสารภาพกับอาจารย์ตรงนี้เลยครับว่า ตนเองเพียรเสาะแสวงหามิตรแท้ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามในบทกวีกล่าวไว้ แหละก็พบแล้วครับ ถึงแม้จะมีจำนวนน้อยกว่าเพื่อนผู้คบกันอย่างผิวเผิน คบกันตามหน้าที่ แต่หากคิดถึงคำของปราชญ์ท่านอันกล่าวไว้ว่า มิตรแท้มีค่าเกินแก้วมณีใดๆในหล้า ผมก็โชคดีแล้วครับอาจารย์

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 02 พ.ย. 11, 09:36

นับว่าคุณชูพงศ์โชคดีมากค่ะ  คนเราพบมิตรแท้แม้แต่คนเดียว ก็ถือว่าพอแล้ว

ดิฉันไปปัดฝุ่นหนังสือในตู้เพื่อหาบทกวีมาลงให้อ่านกันในเรือนไทย  คลาดเครียดจากข่าวน้ำท่วม ก็เลยพบหนังสือรวมบทกวีของคุณนภาลัยอีกเล่ม ชื่อ "จะร้องเพลงชาติไทย"  กับหนังสือรวมบทกวี " ปานมณีรุ้ง"  บทกวีนิพนธ์คัดสรร ของศิลปินแห่งชาติ  สาขาวรรณศิลป์
จะทยอยคัดเลือกบางบท ที่ไม่ยาวนัก พอพิมพ์ไหว   มาตั้งเป็นกระทู้ใหม่ให้อ่านกันค่ะ
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 02 พ.ย. 11, 10:17

นับเป็นมหาลาภของผมและสมาชิกเรือนไทยอย่างยิ่งครับที่ท่านอาจารย์เทาชมพูกรุณาสละเวลา นำบทกวีล้ำค่ามาให้อ่านกัน ผมจะติดตามอ่านเป็นนิตย์เนืองๆครับ
 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 02 พ.ย. 11, 11:04

ขอเชิญไปต่อที่กระทู้ใหม่ค่ะ

รวมบทกวีของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 02 พ.ย. 11, 12:51

วิกเตอร์ ฮูโก Victor Hugo (1802-1885) กวีชาวฝรั่งเศส ได้เขียนถึงบทบาทของกวีไว้ตอนหนึ่งในบทกวีชื่อ Fonction du poete ในหนังสือรวมบทกวีชื่อ Les Rayons et les Ombres (1840) ดังนี้

Le poète en des jours impies
Vient préparer des jours meilleurs.
ll est l'homme des utopies,
Les pieds ici, les yeux ailleurs.
C'est lui qui sur toutes les têtes,
En tout temps, pareil aux prophètes,
Dans sa main, où tout peut tenir,
Doit, qu'on l'insulte ou qu'on le loue,
Comme une torche qu'il secoue,
Faire flamboyer l'avenir !

จิตร ภูมิศักดิ์ถอดความไว้ว่า

กวี  ภายใต้วันคืนอันอัปลักษณ์เช่นนี้
ย่อมจักแผ้วทางไว้เพื่อวันคืนอันดีกว่า
เขาคือบุรุษแห่งยุคสมัยของความใฝ่ฝัน
ตีนทั้งสองเหยียบยืนอยู่  ณ  ที่นี้
ตีนทั้งสองเพ่งมองไปเบื้องหน้าโน้น
เขานั่นเทียว  โดยไม่คำนึงถึงคำประณามและเยินยอ
เปรียบเสมือนผู้ทำนายวิถีแห่งอนาคต
จักต้องกระทำสิ่งที่จะมาถึงให้แจ่มจ้า
เสมือนหนึ่งโคมไฟในมืออันอาจรองรับสรรพสิ่งของเขา
ซึ่งกวัดไกวจ้าอยู่เหนือศีรษะ ของมวลชนทุกกาลสมัย

ขออนุญาตสรุปความเป็นบทกวีดังนี้

เพื่อแผ้วถางทางที่อันดีกว่า
ไม่นำพาคำเยินยอฤๅเย้ยหยัน
ถือโคมฉายส่องสว่างพร่างพรายพลัน
เป็นเช่นนั้นคือ "นิยามนามกวี"

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 02 พ.ย. 11, 13:44

เชิญอ่าน กว่าจะพ้น ของประยอม ซองทอง แต่งเมื่อกุมภาพันธ์ ๒๕๓๐

ยามยังโฉดเขลาเยาว์วัย
ฉันใคร่เป็นกวีมีชื่อเสียง
เฝ้าฝันปั้นถ้อยร้อยเรียง
เพื่อเพียงไพเราะเสนาะใจ

ครารุ่นครุ่นหมองมองโลก
พบโศกเศร้าสุขสดใส
เลือดฉีดแสงสีมีไฟ
กล้าไล้ความแรงแฝงคำ

เรียกร้องก้องกู่สัจจะ
ค้นคว้าธรรมะมาพร่ำ
ปกป้องบริสุทธิ์ยุติธรรม
เกือบถลำตามเตลิดเพริดไพร

กลางกระแสขัดแย้งแห่งจิต
พิเคราะห์ครุ่นคิดถูกผิดได้
พบความเป็นจริง-จริงใจ
คือสิ่งยิ่งใหญ่ในชีวิต

ใจจึงซึ้งโลกมุมกว้าง
ทางรอบทางลึกผนึกจิต
มองซึ้่งถึงไกลในทุกทิศ
แยกมิตร-ศัตรู รู้คน

ไม่ง่ายนักหรอกนะมิตรรัก
ที่จักถูกไปในทุกหน
หากสั่งสมประสบการณ์นานทน
จึ่งจักพ้นมืดมิด อวิชชา

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 20 คำสั่ง