เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
นักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวออสเตรีย บางครั้งเมื่อเข้าไปในร้านขายของที่ระลึก หรือในร้านขายซีดีเพลงคลาสสิค ที่มีขายอยู่ทั่วไปในเวียนนาและเมืองอื่นๆ อาจเจอรูปหญิงสาวสวยคนหนึ่ง พิมพ์อยู่บนปกซีดีบ้าง ในหนังสือท่องเที่ยว บ้าง มีชื่อเรียกสั้นๆว่า Sissi หรือบางแห่งก็สะกดว่า Sisi
หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่สาวงามสามัญชน แต่เป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของออสเตรีย พระนามอย่างเป็นทางการ คือ Elizabeth, Empress of Austria ถ้าเทียบกับอังกฤษ เอลิซาเบธ หรือ "ซิสซี่"เทียบได้กับเจ้าหญิงไดอาน่า คือเป็นขวัญใจและเป็นความภูมิใจของชาวออสเตรียพอๆกัน อีกทั้งมีประวัติที่มีสีสันน่าทึ่ง และน่าเศร้าพอกันอีกด้วย
ขอตั้งกระทู้เรียกคนดูไว้ก่อนนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 20 ต.ค. 11, 11:58
|
|
เข้ามาขอจองตั๋วไว้เลยครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 20 ต.ค. 11, 14:18
|
|
ย้อนหลังกลับไปในรัชกาลที่ 3 ในพ.ศ. 2380 ปีเดียวกับที่หมอบรัดเลย์กำลังผ่าตัดคนไข้พระสงฆ์ที่ถูกระเบิดจากดอกไม้ไฟในวัดประยุรวงศาวาส จนบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องตัดแขนทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ นับเป็นวิทยาการที่ทำให้สยามตื่นเต้นกันมาก ผิดกับในซีกโลกตะวันตกที่รู้จักการรักษาผ่าตัดกันมาจนเป็นของธรรมดาแล้ว ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เด็กหญิงคนหนึ่งกำเนิดมาในวันคริสต์มาสอีฟ คือก่อนวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 1 วัน ถือเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้บิดามารดา คือดยุคแมกซิมีเลียนแห่งบาวาเรียและดัชเชสลูโดวิก้า เธอได้รับชื่อว่าเอลิซาเบธ อเมเลีย ยูเจนี แต่เรียกกันสั้นๆในครอบครัวว่า "ซิสซี่"
บิดาของซิสซี่มีตำแหน่งเป็นดยุคแห่งบาวาเรีย ส่วนมารดาของเธอ-ดัชเชสแห่งบาวาเรีย โดยกำเนิดคือเจ้าฟ้าหญิงลูโดวิก้า มีชาติกำเนิดสูงกว่าบิดา คือเป็นถึงเจ้าฟ้าหญิงพระราชธิดาของพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 1 แห่งบาวาเรีย ทั้งสองเป็นพระญาติกัน แต่ฝ่ายชายมีฐานันดรเป็นเพียงดยุค ไม่ใช่เจ้าชาย ในสมัยที่ถือสากันเรื่องชาติกำเนิด ก็ถือกันว่าเจ้าหญิงอภิเษกสมรสต่ำกว่าฐานะดั้งเดิม แต่ก็ไม่มากจนถูกมองว่าเป็นเรื่องแหวกกำแพงประเพณี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 20 ต.ค. 11, 18:36
|
|
เจ้าหญิงลูโดวิก้ามีพระพี่นางอยู่สองพระองค์ องค์หนึ่งไม่มีบทบาทเท่าไร ก็เลยขอเว้นไม่เอ่ยถึง แต่อีกหนึ่งมีบทบาทในชีวิตของซิสซี่มาก ได้แก่เจ้าหญิงโซฟี ซึ่งได้อภิเษกสมรสไปกับเจ้าชายเยอรมันแห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก ทรงพระนามว่าอาชดยุคฟรานซ์ คาร์ล เจ้าชายทรงเป็นพระราชโอรสองค์รองของจักรพรรดิ์ฟรานซิสที่ 1 ส่วนพระเชษฐาที่เป็นรัชทายาทนั้นต่อมาคือจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 เจ้าชายเฟอร์ดินานด์มีโรคร้ายประจำพระองค์อยู่โรคหนึ่งที่รักษาไม่หาย คือโรคลมชัก โรคนี้ทำให้ไม่ทรงมีรัชทายาท เจ้าหญิงโซฟีก็คาดหวังว่า วันหนึ่งในภายภาคหน้า ราชบัลลังก์ออสเตรียมีสิทธิ์ตกอยู่ในมือของพระโอรสของเธอแน่นอน หากว่าเธอมีทายาทให้พระสวามีได้ อันที่จริง การอภิเษกสมรสในสมัยนั้นไม่ได้แต่งกันเพราะความรัก เจ้าหญิงโซฟีก็ไม่ได้ไยดีพระสวามีเท่าไร แต่ก็อยู่กันไปได้ เพราะเจ้าหญิงเป็นคนสวย รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในราชสำนักดี สมกับเป็นเจ้ามาแต่กำเนิด ก็ทำหน้าที่พระชายาเจ้าชายได้อย่างไม่มีอุปสรรค แต่ใจของเธอไปทุ่มเทให้ลูกๆที่เกิดมาเสียมากกว่า โดยเฉพาะพระโอรสองค์ใหญ่ เจ้าชายฟรานซ์ โจเซฟ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 20 ต.ค. 11, 22:37
|
|
ความฝันของเจ้าหญิงโซฟีเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อเหตุการณ์กบฏในประเทศตามมาด้วยความยุ่งยากทางการเมืองหลายอย่าง ทำให้พระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 1 ตกลงลาออกจากราชบัลลังก์อย่างไม่เกี่ยงงอน ส่วนพระสวามีของเธอ ก็สละสิทธิ์ที่จะสืบตำแหน่งต่อไป ส้มทองคำจึงหล่นลงมาที่เจ้าชายฟรานซ์ โจเซฟ ซึ่งทรงเจริญวัยเป็นหนุ่มทันเวลาพอดี
ผู้หญิงอย่างอาชดัชเชสโซฟี เราก็พอจะเดาได้ว่าในเมื่อใฝ่ฝันจะปั้นลูกชายขึ้นมาครองราชอาณาจักรได้ขนาดนี้ คงไม่หยุดแค่นั้น แต่จะต้องยื่นมือเข้าไปจัดการกับชีวิตลูกทุกกระดิก ตามแบบแม่ผู้มีอำนาจทั้งหลาย อย่างหนึ่งที่แม่ๆแบบนี้ ไม่ว่าในประวัติศาสตร์ฝรั่งหรือละครหลังข่าวไทย ชอบทำซ้ำรอยเดียวกันนัก ก็คือหาคู่ครองให้ลูกชายด้วยตนเอง ไม่ชอบให้ลูกชายเลือกเมียตามใจชอบ ผู้หญิงที่อาชดัชเชสหมายตาไว้ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นพระญาติใกล้เคียง พอพูดกันรู้เรื่อง ได้แก่พระธิดาของพระขนิษฐาของเจ้าหญิง หรืออีกนัยหนึ่งเรียกอย่างชาวบ้านว่า "หลานป้า "นั่นเอง
จึงขอกลับมาเปิดฉากที่ปราสาทของท่านดยุคและดัชเชสแห่งบาวาเรีย อีกครั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 20 ต.ค. 11, 23:04
|
|
ท่านดยุคและดัชเชสมีบุตรธิดาด้วยกัน 6 คน สี่คนในจำนวนนี้เอ่ยข้ามไปก่อนเพราะไม่มีบทบาทอะไรนัก มีอยู่สองคนที่มีบทบาท คือลูกคนที่สองและสาม ซึ่งเป็นลูกสาวทั้งคู่ พี่สาวชื่อ Helene (ออกเสียงว่าเฮเลนอ) น้องสาวคือเอลิซาเบธ หรือซิสซี่ เฮเลนอเป็นลูกสาวคนโปรดของแม่ เธอเป็นเด็กเรียบร้อยแบบกุลสตรี กิริยาพาทีแช่มช้อย น่าชมเชยไปเสียทุกอย่าง เป็นลูกสาวประเภทที่แม่ทั้งหลายฝันอยากจะมี ส่วนซิสซี่ที่อ่อนวัยกว่า 3 ปีนั้นตรงกันข้าม เป็นเด็กกระโดกกระเดกจนดูเหมือนจะเป็นทอมอยู่รอมร่อ ซุกซนชอบอยู่กลางแจ้ง ขี่ม้า เลี้ยงสัตว์พวกนกหนูกระต่ายสารพัด มอมแมมหน้าเป็นมันอยู่นอกปราสาททั้งวัน
เจ้าหญิงลุโดวิก้าเป็นแม่ที่เข้มงวดเรื่องกิริยามารยาท เฮเลนอก็ดีงามสมใจแม่ แม่เลยตั้งใจปั้นลูกสาวคนโตสุดฝีมือไม่สนใจลูกสาวคนรองนัก ปล่อยให้ไปสนิทกับพ่อซึ่งชอบขี่ม้าเล่นกีฬากลางแจ้ง เขียนโคลงกลอนแบบกวี ซิสซี่ก็เจริญรอยไปทางพ่อ ขี่ม้าตามพ่อไปไหนๆ และหัดเขียนโคลง เธอไม่มีบันทึกส่วนตัว แต่รู้สึกอะไรแบบไหนก็เขียนเป็นโคลงเอาไว้
ซิสซี่โตขึ้นมาเป็นเด็กกล้า และเจ้าอารมณ์ ไม่เกรงกลัวใคร ไม่เหมือนผู้หญิงสมัยนั้นที่จะต้องสงบเสงี่ยมเป็นผ้าพับไว้เข้าไว้ เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอเกิดไปปลื้มขุนนางหนุ่มเข้าคนหนึ่ง ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็คงไม่มีใครเดือดร้อน เพราะมันก็ไม่ต่างกับวัยรุ่นคลั่งดาราหรือนักร้อง แต่เมื่อดัชเชสจับได้ว่าลูกสาวเขียนโคลงพร่ำเพ้อถึงขุนนางหนุ่มในสำนักของท่านบิดาเข้า เจ้าหนุ่มเคราะห์ร้ายก็ถูกเนรเทศออกไปจากปราสาททันที ไม่มีโอกาสจะชี้แจง แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นตัวการก็ตาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 20 ต.ค. 11, 23:06
|
|
เฮเลนอกับซิสซี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 21 ต.ค. 11, 10:30
|
|
เมื่อ puppy love ครั้งแรกของซิสซี่จบลง ตามประสาวัยรุ่น เธอก็ไม่ได้เศร้าโศกเสียใจอยู่กี่วัน ไม่นานท่านบิดาและมารดาก็พาลูกๆไปเยี่ยมสมเด็จป้าโซฟี ณ ที่พระราชวังของออสเตรีย ซิสซี่พบเจ้าชายหนุ่มน้อยคาร์ล ลุดวิก พระโอรสองค์รองของสมเด็จป้าและเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ซึ่งมีพระชันษาแก่กว่าเธอ 5 ปี เจ้าชายหลงรักเจ้าหญิงวัยแรกรุ่นตั้งแต่รู้จักกัน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เป็นที่ถูกพระทัยไปเสียหมด แบบชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ทรงระดมส่งดอกกุหลาบและขนมหวานไปกำนัลอย่างไม่อั้น
รักครั้งนี้ไม่เจออุปสรรคอย่างคราวแรก ดัชเชสแห่งบาวาเรียเฝ้ามองลูกสาวและหลานชายด้วยความพอพระทัย เธอเห็นว่าถ้าได้เขยอย่างเจ้าชายก็จะดูสมน้ำสมเนื้อกับลูกสาวเธออย่างดี จึงมิได้ขัดขวางแต่อย่างใด ปล่อยให้เด็กหนุ่มสาวทั้งสองได้สนิทสนมกันจนหมดวันพักผ่อน ก็พาครอบครัวกลับมาที่ปราสาท
พระรูปเจ้าชาย รูปนี้ทรงฉายเมื่อพระชันษา 30 กว่า ยังหารูปที่หนุ่มกว่านี้ไม่ได้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 21 ต.ค. 11, 10:32
|
|
จากนั้น ดัชเชสได้รับข่าวดีที่ทำให้ปลื้มเปรมขึ้นมาอีก คือพระพี่นางของเธอ อาชดัชเชสโซฟีมีลายพระหัตถ์มาถึงอย่างหยดย้อย ว่ากำลังมองหาเจ้าสาวให้จักรพรรดิหนุ่มพระโอรสองค์ใหญ่ มองเห็นว่าธิดาคนใหญ่ของน้องสาว เฮเลนอ มีคุณสมบัติดีเป็นที่ต้องตาต้องใจ จึงอยากจะให้เฮเลนอมาเป็นแขกพักที่พระราชวังในเมืองบัด อิชเชิล เพื่อจะได้ทำความรู้จักมักคุ้นกับจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ
ดัชเชสแห่งบาวาเรียรับคำเชิญด้วยความปีติ พร้อมกันนึกขึ้นมาได้ว่า ในเมื่อเจ้าชายคาร์ล ลุดวิกก็หลงรักซิสซี่อยู่ จะปล่อยโอกาสงามให้ผ่านไปเปล่าๆทำไมกันเล่า ได้จังหวะดีแล้ว พาลูกสาวคนรองไปด้วยกันเสียเลย เผื่อยังไงก็จะได้วางแผนเตรียมงานอภิเษกเสียทั้งคู่ ทั้งพี่สาวน้องสาว การได้เขยใหญ่เป็นจักรพรรดิ และเขยรองเป็นเจ้าชายพระอนุชาจักรพรรดิ ย่อมทำให้เธอเองเป็นแม่ยายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 21 ต.ค. 11, 13:14
|
|
ในตอนต้น ทุกอย่างก็ดูท่าทีว่าจะราบรื่นตามแผนการณ์ ที่ว่าที่แม่สามีและแม่ยายช่วยกันวางเอาไว้ จักรพรรดิหนุ่มพระชนม์ 23 พรรษาได้ทอดพระเนตรเห็นพระญาติสาวเฮเลนอ ก็มีท่าทีพอพระทัยเป็นอย่างมาก ทรงต้อนรับอย่างดี ผูกไมตรีกับหญิงสาวจนกระทั่งดัชเชสแห่งบาวาเรียปลื้ม มองเห็นวิมานในอากาศลอยลงมาตรงหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีงานพระราชทานเลี้ยงดินเนอร์ เฮเลนอได้ที่นั่งติดกับจักรพรรดิ ส่วนซิสซี่นั่งห่างออกไปตามลำดับฐานันดรศักดิ์ จะด้วยอะไรก็ตาม จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟก็เกิดละพระเนตรจากเฮเลนอไปเห็นน้องสาวของเธอเข้า จากนั้น โดยไม่มีใครทันเฉลียวใจเลยสักนิด กามเทพก็ย่องเข้ามาทางข้างหลังแล้วแผลงศรปักอกพระราชาหนุ่มเข้าให้ ไม่ใช่กับหญิงสาววัย 18 ว่าที่คู่หมั้น แต่เป็นสาวรุ่นอายุ 15 ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยเลยสักนิดเดียว
ในสมัยนั้น ดินเนอร์อย่างอลังการและการจัดงานเต้นรำภายในพระราชวังเป็นของทำกันตามปกติธรรมดาของชนชั้นสูง จึงไม่แปลก ที่จักรพรรดิสั่งให้กรมวังจัดงานเต้นรำขึ้นในหมู่พระราชวงศ์ ในงานนั้น แทนที่จะทรงจับคู่กับเฮเลนอตามปกติ ก็ทรงขอซิสซี่มาเป็นคู่ลีลาศด้วยกันแทน สิ่งที่สมเด็จป้าโซฟี และดัชเชสแห่งบาวาเรียมองข้ามไป คือถึงแม้ว่าซิสซี่จะแข็งกระโดกกระเดก เจ้าอารมณ์ ชอบเล่นอะไรเหมือนเด็กผู้ชาย แต่ในสายตาชายหนุ่มทั่วไปแล้ว เธอเป็นหญิงงามกว่าพี่สาวมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 21 ต.ค. 11, 13:44
|
|
จักรพรรดิหนุ่มพระชนม์ 23 พรรษา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 21 ต.ค. 11, 16:28
|
|
^ คุณเพ็ญชมพูหาพระรูปได้งามมาก
รักของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เป็นรักแบบเดียวกับพระเอกส่วนใหญ่ในวรรณคดีมีกัน คือเห็นปุ๊บรักปั๊บ รักแล้วรักเลย ไม่ยับยั้งชั่งใจใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นเฮเลนอผู้ซึ่งทำท่าจะเข้ารอบในรอบแรก ก็วืดจากเวทีไปชนิดไม่เห็นฝุ่น พระราชาหนุ่มไม่เสียเวลารั้งรอ แต่ประกาศกับพระมารดาทันทีว่าผู้หญิงที่ลูกขอเลือกเป็นจักรพรรดินีคู่บัลลังก์คือเอลิซาเบธลูกสาวคนรองของเสด็จน้า ไม่ใช่ลูกสาวคนโต ลูกตัดสินใจแน่นอนแล้ว ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจได้ ประวัติศาสตร์ไม่ได้เล่ารายละเอียด หรือเล่าแต่ดิฉันหาอ่านไม่พบ ว่าอาชดัชเชสโซฟีตีโพยตีพายหรือสะอึกนิ่งอั้นด้วยแรงจุก เมื่อแผนที่วางไว้กับพระน้องนางล้มคว่ำลงในพริบตา แต่จะเป็นอย่างไหนก็ตาม แม่กับลูกชายจบการสนทนาลงแบบไม่สวยนัก ลูกชายก็ดึงดันประกาศออกมาจนได้ว่า ทรงเลือกเอลิซาเบธ ซิสซี่เป็นคู่อภิเษก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 21 ต.ค. 11, 16:29
|
|
เราคงจะมองกันออกว่า ในเหตุการณ์นี้มีผู้หญิงเกี่ยวข้องอยู่ 4 คน ไม่มีใครมีความสุขเลยกับความสุขพระทัยของจักรพรรดิ คนแรกคืออาชดัชเชสโซฟี ซึ่งกริ้วโกรธเป็นอย่างยิ่งที่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ คนที่สองคือดัชเชสแห่งบาวาเรีย ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะปฏิเสธจักรพรรดิใครเล่าจะโง่หรือบ้าพอที่จะทำ แต่จะตอบรับก็กระอักกระอ่วนเพราะไม่ใช่ความประสงค์ของเธอแม้แต่น้อย คนที่สามซึ่งหัวใจสลาย หน้าแตกยับเยิน ฝันพังทลาย คือเฮเลนอ เธอเชื่อมาแต่แรกว่าตัวเองจะได้เป็นเจ้าสาวของจักรพรรดิหนุ่ม พระองค์เองก็มีท่าทีพอพระทัยเธอเป็นอย่างดี จู่ๆ หล่นจากวิมานยังไม่พอ เธอต้องแบกความอัปยศกลับไปสู่บ้านในฐานะหญิงซึ่งชายไม่ปรารถนา มันกลายเป็นโทษทัณฑ์อย่างแสนสาหัส สำหรับหญิงสาวสูงศักดิ๋วัย 18 ที่เรียบร้อยอยู่ในกรอบประเพณีมาตลอด จนไม่อาจจะทนแบกรับไว้ได้ คนที่สี่ คือซิสซี่ ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวมาแต่แรก พระเจ้าจักรพรรดิ์ฟรานซ์ โจเซฟแม้มิใช่ชายแก่ แต่ก็เป็นผู้ชายที่ไม่เคยอยู่ในสายตาหรือในความสนใจของเธอมาก่อน ถ้าเทียบกับเจ้าชายพระอนุชาซึ่งเธอสนิทด้วยมากกว่า เจ้าชายก็เข้าท่ากว่าหลายเท่า เธอก็ได้แต่ระทมทุกข์ ว่ากลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายเสียมากกว่าจะเคราะห์ดีอย่างที่ใครๆคิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 22 ต.ค. 11, 10:03
|
|
ผู้ชายอีกหนึ่งคนที่ไม่มีความสุข คือเจ้าชายคาร์ล ลุดวิกพระอนุชา ในเมื่อสาวคนรักถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา ซ้ำกลายมาเป็นพี่สะใภ้ ให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน แต่ท่ามกลางความทุกข์เหล่านี้ ผู้ชายคนที่มีความสุขที่สุดก็คือจักรพรรดิหนุ่มผู้ซึ่งไม่ได้คำนึงว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง เมื่อสมหวังในตัวกุหลาบแรกแย้มดอกนี้ ก็ทรงทุ่มเทความรักความหลง พะเน้าพะนอซิสซี่จนออกนอกหน้า จนกระทั่งหมดเวลา ดัชเชสแห่งบาวาเรียจะต้องพาธิดากลับบ้าน ข่าวก็ประกาศออกมาให้รู้ทั่วกันว่าซิสซี่อยู่ในฐานะ "พระคู่หมั้น" ของจักรพรรดิ
ผู้หญิงที่น่าสงสารที่สุดคือเฮเลนอ เธอไม่อาจทำใจรับความผิดหวังและอัปยศได้อย่างหน้าชื่นอกตรมอย่างผู้หญิงโดยมาก พอกลับถึงปราสาท เธอก็หลบหลีกปลีกตัวเองออกจากผู้คนทั้งหมดแม้แต่พ่อแม่พี่น้อง ขังตัวเองอยู่ในความวิเวก ไม่พบปะ ไม่ทำกิจกรรมอะไรทั้งสิ้น ใช้ชีวิตราวกับจะบวชเป็นชีมืด ในขณะที่น้องสาวเองก็ต้องวุ่นวายอยู่กับภาระหนักที่หล่นลงมาบนบ่าอย่างไม่คาดคิด คือเตรียมตัวเป็นจักรพรรดินีตั้งแต่อายุยังไม่เต็ม 16 ปี
หมายเหตุ ชีมืด คือชีในคริสตศาสนาที่ปลีกตัวจากโลกภายนอก ไม่พบปะผู้คน ใช้ชีวิตจำศีลภาวนาอยู่ตามลำพัง
รูปข้างล่างคือ เฮเลนอ หรือเรียกชื่อเล่นว่า เนเน่ ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 24 ต.ค. 11, 10:25
|
|
ขณะที่ซิสซี่เตรียมตัวไปเป็นจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย เฮเลนอหรือเนเน่ก็ขังตัวเองอยู่กับความตรอมใจ จนกระทั่งดัชเชสแห่งบาวาเรียผู้เป็นแม่ทนไม่ได้ ที่เห็นลูกรักของแม่มีอาการหนักขนาดนั้น ยิ่งกลัวลูกสาวจะไปบวชเป็นชีมากเท่าไร เธอก็ยิ่งดิ้นรนหาทางออกให้เฮเลนอ ขอเล่าถึงชีวิตของเฮเลนอก่อนจะตัดฉากไปถึงซิสซี่ เธอเก็บตัวหงอยเหงาอยู่ถึง 4 ปีจนอายุ 22 สมัยนั้นถือว่าล่วงเข้าวัยสาวแก่แล้ว แม่จึงชักนำผู้ชายที่เหมาะสมมาให้เธอได้สำเร็จ เขาผู้นั้นคือเจ้าชายแมกซิมิเลียน จากราชตระกูลทวน ฟอน ทักซิส อันมั่งคั่ง ดยุคแห่งบาวาเรียเชิญครอบครัวทวน ฟอน ทักซิสมาพักที่ปราสาทเพื่อจะล่าสัตว์ด้วยกัน หนุ่มสาวทั้งสองก็มีโอกาสทำความรู้จัก เจ้าชายทรงหลงรักเฮเลนอ ส่วนเธอตอบรับไมตรีของเจ้าชายด้วยดี ยังความยินดีปรีดาให้ดัชเชสผู้แม่อย่างยิ่ง แม้ว่ามีอุปสรรคคือราชตระกูลของเจ้าชายด้อยกว่าทางฝ่ายหญิง ผู้เป็นหลานแท้ๆของพระราชาแห่งบาวาเรีย ทำให้พระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2 ไม่เต็มพระทัยจะอนุญาต แต่อุปสรรคนี้ก็ลุล่วงไปได้ เมื่อซิสซี่ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย ยื่นมือเข้ามาหนุนหลังพี่สาวและแม่ ทำให้พระราชทรงอนุญาตในที่สุด ในที่สุด ก็กลายเป็นว่าเฮเลนอผู้พลาดตำแหน่งราชินี กลับเป็นผู้หญิงโชคดี ได้สมรสด้วยความรัก และอยู่กันเจ้าชายอย่างเป็นสุขตลอดชีวิตสมรสของเธอ
เจ้าชายแมกซิมิเลียน ทวน ฟอน ทักซิส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|