NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 11:53
|
|
ขอบคุณครับ
ผมจะขอผลัดว่าจะกล่าวถีงวีธิการควบคุมตะกอนดิน(Sediment)และหน้าดินถูกกัดกร่อน(Erosion) เช่นในภาพว่าจะทำอย่างไรไว้ทีหลัง ไหนๆท่านอาจารย์เทาชมพูก็ได้พูดถึงคันกันน้ำ (dyke) ขึ้นมาแล้ว และผมก็บอกว่า คนไทยโบราณก็รู้จักทำคันดินกันน้ำของชุมชนเมืองเหมือนกัน ที่เราเรียกว่ากำแพงดิน ก็อยากต่อประเด็นนี้ให้จบ
ผมเคยไปดูร่องรอยซากโบราณสถานเหล่านั้น มักจะได้รับคำอธิบายว่าเป็นกำแพงเมือง ทำให้ผมฉงนว่า กำแพงเมืองที่เป็นดินสูงแค่เนี้ยะมันจะไปป้องกันข้าศึกได้อย่างไร ข้างบนยอดก็แคบนิดเดียวจะไปรำหอกรำดาบคอยฟาดฟันศัตรูเดี๋ยวก็ไถลตกลงมาก่อนเสียเปล่า กว่าจะรู้ว่ากำแพงดินรอบเมืองที่เห็นคือdykeนั่นเอง
สมัยนี้เขาก็ทำวิธีที่ว่ากัน เรียกว่า Ditch and Dyke หรือคู(น้ำ)กับคัน(ดิน) พื้นที่ใหญ่ๆเป็นพันไร่ซึ่งไม่สามารถถมดินสูงได้เพราะจะสิ้นเปลืองมาก เช่นนวนครที่กำลังเป็นข่าว ธรรมศาสตร์รังสิต AIT และอีกหลายแห่ง จะสร้างคันดินให้สูงพอเพราะจะต้องทำหน้าที่กั้นน้ำ คูทำหน้าที่รับน้ำฝนที่ระบายจากพื้นที่ทั้งหมดลงมาพักไว้ก่อนจะใช้เครื่องขนาดใหญ่ สูบน้ำออกไปทิ้งข้างนอก
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:10
|
|
ในขนาดที่ใหญ่กว่านั้น
ชุมชนเมืองในปัจจุบัน สถาปนิกผังเมืองจะวางถนนวงแหวนรอบเมืองไว้หลายแห่ง ถนนเหล่านั้นนอกจากจะผันรถที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปวุ่นวายในเมืองให้อ้อมไปเสีย ก็(ควรจะ)ทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง คือเป็นคันกั้นน้ำ(ท่วม)ในฤดูน้ำหลาก
แต่ถนนวงแหวนชนิดนี้จะทำหน้าที่ดังกล่าวได้ก็จะต้องประกอบด้วยประตูควบคุมน้ำ ตามคูคลองที่ตัดผ่าน และสถานีสูบน้ำ เวลาปกติก็เปิดประตูให้น้ำระบายจากที่สูงไปที่ต่ำตามธรรมชาติของมัน แต่เข้าฤดูน้ำหลาก มีปริมาณมากก็จะปิดประตูน้ำ ไม่ให้น้ำไหลเข้าเมือง ส่วนน้ำในเมืองถ้าฝนตกลงมา ก็ใช้ปั้มสูบน้ำออกไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:23
|
|
^ คราวนี้มันจะมีปัญหาตรงที่ว่าพื้นที่ภายในวงแหวนเท่านั้นที่จะปลอดน้ำท่วม ส่วนที่อยู่ข้างนอกก็ตัวใครตัวมัน หากที่ดินของตัวเป็นที่ดอนก็รอดตัวไป แต่ถ้าเป็นที่ลุ่มก็จบข่าว ดังนั้นพื้นที่ๆน้ำจะท่วมแน่ๆทุกปีไม่มากก็น้อย สถาปนิกก็จะระบายสีเขียว กำหนดให้เป็นเขตเกษตรกรรม หรือเหลือง คือเขตที่พักอาศัยหนาแน่นน้อยเอาไว้
แต่ทุกวันนี้เอาเข้าจริงก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะนักการเมือง ไม่ว่าระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นล้วนใหญ่กว่าสถาปนิก แถมบางทีก็ใหญ่กว่ากฏหมายด้วย จึงปรากฏว่ามีโครงการก่อสร้างที่ผิดประเภทเข้ามาอยู่ในพื้นที่ๆเขาต้องการให้เป็นนาข้าวมากมาย พอเดือดร้อนเข้าจริงๆก็จะโวยขอให้รัฐเข้าไปช่วยแก้ไข
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:30
|
|
นิคมอุตสาหกรรมทั้งหลายที่น้ำท่วมจนล่มไปนั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ควรเป็นแหล่งเกษตรกรรมหรือเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:34
|
|
มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะเราลงทุนทำระบบชลประทานที่ทุ่งรังสิตตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๕ เพื่อจะปลูกข้าว เคยพูดกันเรื่องGreen Belt of Bangkok นานแสนนานมาแล้ว แต่ไม่เคยเกิดขึ้นได้
ปัจจุบันบริเวณนั้นทั้งหมดอยู่นอกเขตผังเมืองรวมครับ แปลว่าตัวใครตัวมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:35
|
|
เมืองที่เป็นต้นแบบการวางผังเมืองที่ดีที่มักจะได้รับการยกตัวอย่างอยู่เสมอก็คือลอนดอน นักการเมืองที่นั่นเขาเคารพนักวิชาการผังเมืองที่เห็นว่า เมืองไม่ควรจะโตออกไปโดยไร้ขอบเขต มิฉะนั้นจะสร้างภาระหนักยิ่งให้แก่รัฐในการนำระบบสาธารณูปโภคทั้งหลายเข้าไปสนองชุมชน จึงได้กำหนดเขตสีเขียวห้ามก่อสร้างอาคารใหญ่ทุกชนิดรอบเมืองหลวง เรียกว่า Green Belt of London
และกฏหมายที่นั่นก็ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ห้าหกสิบปีมาแล้วที่ผังเมืองนี้บังคับใช้ ท่านลองดูภาพ Green Belt of London ทุกวันนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:40
|
|
ญี่ปุ่นก็มี Green Belt of Tokyo ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 12:56
|
|
กรุงเทพมหานคร มีผังเมืองรวมที่ระบุเขตเกษตรกรรมไว้ทั้งส่วนที่เห็นเป็นสีเขียว และสีเทาๆที่มีกฏเข้มข้นขนาดเกือบจะห้ามการก่อสร้าง
ด้านฝั่งตะวันตกก็บริเวณแถวบางบอน และทวีวัฒนา ฝั่งตะวันออกก็แถวๆหนองจอก มีนบุรี ตอนนี้น้ำก็ท่วมท้องที่ดังกล่าวตามที่คาดการณ์ไว้แล้ว ท่านที่อยู่อาศัยในบริเวณแถวนั้น เคยทราบหรือไม่ และท่านได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้อย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 13:41
|
|
มีการบ้านมาส่ง ditch and dyke
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 13:45
|
|
^ แม่นแล้วขรับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 13:49
|
|
การขยายตัวของชานเมืองกรุงเทพด้านพุทธมณฑลออกไปจนถึงนครไชยศรี เท่าที่มองเห็นคร่าวๆ ไม่ได้สำรวจละเอียดลออ มองเห็นว่าพื้นที่การเกษตรแต่เดิมเป็นสวนและนา เพราะดินดีมาก ปลูกอะไรก็งาม แต่ต่อมาเมื่อเมืองขยายตัวมาทางนี้ สวนกับนาก็กลายเป็นที่อยู่อาศัย ตึกแถวและหมู่บ้านจัดสรรตามมากินเนื้อที่ของสวน ทำให้ไฟฟ้า ประปา ถนน ตามมา เมื่อถนนขยายกว้างขึ้น เดินทางขนส่งสะดวก โรงงานก็ตามไล่หลังมาอีกที สนามกอล์ฟด้วย เดี๋ยวนี้สวนเหลือน้อยแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 14:26
|
|
นั่นน่ะซีครับ
เราเอาที่ดินที่ดีที่สุดสำหรับทำการเกษตรมาสร้างมหานครที่มีประชากรมากที่สุด และมีปํญหามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เราเอาที่ดินเลวที่สุดสำหรับก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ รับน้ำหนักมาก มาทำนิคมอุตสาหกรรมส่งออกของประเทศ ทั้้งๆที่ควรจะไปอยู่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึก ณ ภูมิประเทศที่ไม่ต้องตอกเสาเข็มยาวตั้ง๒๒เมตร
ตอนที่มีการอภิปรายกันว่าควรมีหรือไม่ควรมีGreen Belt of Bangkok มีคำถามจากบุคคลกลุ่มสำดัญว่า คุณรู้ไหม ที่ๆคุณจะเอาไว้ปลูกข้าวปลูกผักผลไม้น่ะ เดี๋ยวนี้ตารางวาละเท่าไหร่
ผมยังเด็กเกินไปกว่าที่จะกล้าแสดงความเห็น แต่ถ้ารัฐไม่ตัดถนนเข้าไป ไม่เดินไฟฟ้าให้ ไม่มีประปาใช้ ท่านคิดว่ามันควรจะมีราคาเท่าไหร่ละครั้บ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 14:39
|
|
ขอเอาข่าวล่าสุดของเวลานี้มาลงในกระทู้นี้ละกัน หลักฐานภาพข้างล่างนี้ยืนยันคำพูดของคุณ Navarat.C ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 14:54
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 17 ต.ค. 11, 16:30
|
|
^
ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จัก เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี่เองแหละ คุณหนุ่มสยามช่วยขยายความอีกนิดซิครับ ว่าเป็นถนนหรือคันกั้นน้ำที่ไหน สมัยใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|