naitang
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 19:31
|
|
เข้ามาเพื่อบอกว่าตามฟังอยู่ครับ
คุณ NAVARAT_C กล่าวว่า
......ว่ากันว่าสุวรรณภูมิเมื่อสองพันปีที่แล้ว สมัยที่คนอินเดียนั่งเรือมาขึ้นฝั่งเพื่อแผยแผ่อารยธรรมสมัยทวาราวดีนั้น นครปฐมยังเป็นทะเลอยู่เลย ผมเคยไปดูเขาขุดบ่อดินขายแถวหัวหมาก ลึกลงไปแค่ยี่สิบเมตรก็เจอเปลือกหอยแครงเต็มไปหมด ไม่ต้องสงสัยว่าบริเวณนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน.....
ขอให้ข้อมูลสนับสนุนครับ จากการเอาเปลือกหอยนางรมที่เจดีย์หอยที่ปทุมธานีไปตรวจหาอายุ (ด้วย Carbon 14) พบว่ามีอายุประมาณ 2350+/- ปี (ถ้าจำตัวเลขไม่ผิดนะครับ) ก็ยืนยันว่าแถวปทุมธานีเป็นปากอ่าว หอยนางรมไม่เกิดอยู่ในทะเลโคลน แถมที่พบก็เป็นหอยตัวใหญ่ ก็แสดงต่อไปว่าบริเวณนี้ต้องมีน้ำใส น้ำทะเลไหลหมุนเวียนดี จึงมีอาหารดี หอยจึงตัวใหญ่ แนวปากอ่าวจะเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่แหล่งทรายที่ขุดเอามาถมที่แทบจะทั้งกรุงเทพฯที่จากแหล่งในเขต จ.นครปฐมนั้น แม้ว่าแหล่งทรายส่วนมากจะเป็นทรายที่แสดงว่ามาจากแม่น้ำ แต่หลายๆแหล่งเมื่อขุดลงไปจะพบว่าเป็นทรายน้ำเค็ม และในแหล่งทรายน้ำจืดเหล่านั้นก็พบซากกระดูกของสัตว์น้ำจืดหลายชนิด โดยเฉพาะพวกสัตว์ฟันแทะ
ซึ่งเมื่อเอาข้อมูลจากการเจาะน้ำบาดาลมาผนวกด้วย ก็พบว่ามีรอยต่อระหว่างบริเวณตัว จ.นครปฐม กับ อ.สามพราน ในลักษณะภูมิประเทศที่เป็นขอบแอ่ง และเมื่อเอาข้อมูลสมอเรือที่พบแถวๆพระปฐมเจดีย์มาผนวกอีกด้วย ก็ให้ภาพว่า คงจะต้องเป็นชายฝั่งทะเลเก่า เมื่อเอาสองข้อมูลนี้มาผนวกกัน ก็ยืนยันว่าปากอ่าวไทยด้านตะวันตกนั้นอยู่แถวๆนครปฐม ส่วนกลางลึกเข้าไปก็อยู่แถวๆ อ.สามโคก ของปทุมธานี
ทรายที่มาทับถมกันจนเป็นแหล่งทรายต่างๆนั้น เชื่อกันว่าเป็นทรายของแม่น้ำด้านตะวันตก ซึ่งบ่งชี้ได้ในหลายนัย คือ Erosion ของป่าด้านตะวันตกนั้นต้องค่อนข้างจะรุนแรง หรือแม่น้ำค่อนข้างจะสั้น หรือคลื่นลมในบริเวณปากอ่างค่อนข้างจะแรง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 19:52
|
|
^ มันเคยเป็นทะเลมาแล้ว วันหนึ่งหากจะกลับเป็นทะเลอีก มันจะแปลกยังไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 20:20
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 20:56
|
|
ตะกอนที่มากับน้ำทางเหนือและทางอิสานนี่ น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งคือ มันจะมาตกคลั่กอยู่ในอ่างเก็บน้ำของเขื่อน ทำให้ปริมาตรความจุของเขื่อนต้องสูญเสียไป มิอาจกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้เต็มตามที่หวัง ได้ยินว่าเขื่อนภูมิพลที่สร้างมานานประมาณห้าสิบปีแล้ว จะมีตะกอนอยู่ใต้อ่างกว่า๓๐% การเก็บน้ำหรือการปล่อยน้ำของเขื่นก็มีผลต่อสภาวะน้ำท่วมของที่ราบลุ่มของภาคกลางโดยตรง
เขื่อนเล็กๆบางแห่งในหน้าแล้ง น้ำจะแห้งขอดแลไปเห็นแต่ตะกอนโผล่ทั่ว
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:00
|
|
อีกภาคหนึ่งที่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมของแหล่งน้ำมากก็คือการก่อสร้าง ไม่ว่าจะบนภูเขาหรือในที่ราบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:07
|
|
ดินที่ถูกกัดเซาะ ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอาจจะไม่สนใจ หากเขายังไม่เดือดร้อนว่าดินจะถล่มลงมาทำให้เขาเสียหาย แต่ดินที่ละลายเพราะถูกน้ำกัดเซาะและพาไปนั้น จะออกไปทำความเสียหายแต่ประชาคมโดยรวม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:13
|
|
น้ำโคลนจากสถานที่ก่อสร้าง ก็จะระบายลงท่อน้ำสาธารณะ และทำให้ท่ออุดตัน ระบายน้ำไม่ทันยามฝนตกหนัก ผลคือน้ำท่วม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:16
|
|
ถนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:25
|
|
แม้แต่การก่อสร้างของภาคราชการ ก็มิเคยคำนึงถึงน้ำดินน้ำโคลนที่จะลงไปสู่ลำน้ำ ดังเช่นการก่อสร้างสพานทั้งหลายเป็นต้น เรื่องอย่างนี้ ประเทศที่เจริญปัญญาแล้วเขาจะยอมไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:35
|
|
ตะกอนดินที่ขวางห้วยหนองคลองบึงที่เคยเป็นที่ระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก ถ้ามีพลังมากกว่าน้ำก็ทำให้น้ำท้นขึ้นฝั่งขึ้นไปท่วมบ้านเรือน แต่ถ้าน้ำมีพลังมากกว่า ก็จะดันตะกอนออกไปยังแม่น้ำ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:37
|
|
แม่น้ำเจ้าพระยา ในต่างฤดูกาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:40
|
|
หลังจากแม่น้ำแล้ว น้ำโคลนเหล่านี้ไปไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 21:45
|
|
บางทีคุณตั้งอาจจะบอกได้ว่า ในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมานี้ ปากน้ำชายทะเลอ่าวไทยสันดอนงอกออกไปเท่าไร และมีผลต่อระบบนิเวศน์ไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 16 ต.ค. 11, 09:02
|
|
ผมอยากจะสรุปเสียตอนนี้ทีหนึ่งก่อนว่า ภาคเหนือและภาคอิสาน น้ำท่วมในปัจจุบันจะรุนแรงกว่าสมัยโบราณเพราะเป็นน้ำโคลนที่ทะลักลงมาเหมือนฝายแตก โดยมีพื้นที่เกษตรกรรมพืชไร่เป็นต้นเหตุเกือบจะร้อยละร้อย หลังจากทำให้บ้านเรือนเสียหายไปแล้ว น้ำสีแดงเข้มนี้จะไหลลงมาที่เขื่อน ส่วนหนึ่งตกตะกอน สร้างปัญหาให้กับเขื่อนต่อ อีกส่วนหนึ่งที่มิได้ตกตะกอนหรืออยู่ใกล้ท่อระบายตะกอน ก็ออกไปตามแม่น้ำ
เกษตรกรรมบนพื้นที่ราบไม่ค่อยจะเป็นปัญหาแม้ว่าจะพรวนดินทุกปีเหมือนกัน แต่ตะกอนไม่ค่อยได้ไหลออกไปกับน้ำเนื่องจากถูกคันนา หรือคันดิน ท้องร่องสวนเป็นตัวกั้นไว้
ถ้าไร่บนภูเขาจะทำคันกั้นน้ำในลักษณะเดียวกัน ก็จะสามารถกักเก็บตะกอนได้ส่วนใหญ่ทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 16 ต.ค. 11, 09:11
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|