NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:35
|
|
สมัยก่อนที่ความเจริญจะมาถึง เอาเป็นว่าสมัยอยุธยาก็แล้วกัน ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครไปยุ่งกับป่ามากนัก ฝนมันก็ตกของมันอย่างนี้ น้ำก็ท่วมตามฤดูน้ำหลากทุกปี จะมากบ้างน้อยบ้างก็สุดแล้วแต่ ถ้าตกมากป่าอุ้มน้ำไว้หนักเกินกำลัง ก็พังลงมาดังที่มันเคยพังมาหมื่นชาติล้านชาติแล้ว ดังนั้นอย่าคิดว่าน้ำท่วมเพราะป่าถูกทำลาย บางเวปมีการแสดงความเห็นว่าควรจะไล่คนลงจากภูเขาแล้วปลูกป่ากลับเข้าไปแทน ป่าจะได้ซับน้ำไว้ ทำให้น้ำไม่ท่วมเมืองอีก ซึ่งผิดประเด็นและไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงป่าทึบยังไงก็รับปริมาณน้ำฝนมหาศาลของภูมิภาคส่วนนี้ของโลกไว้ไม่ได้ ต้องปล่อยลงมาหรือไม่ก็พังลงมาอยู่ดีครับ แต่…..มันมีแต่ ต้องขอเชิญติดตามกันต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:36
|
|
พอความเจริญ อันหมายถึงจำนวนประชาชนมากขึ้น อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทำงานทดแทนแรงงานได้รวดเร็วตกเข้ามาถึง คนก็เริ่มรุกรานป่า พอป่าในที่ราบหมด ก็ขึ้นไปบุกเบิกป่าบนภูเขาต่อ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ไปทำกันก็เป็นด้านเกษตร จะเป็นบ้านเรือนหรือสถานที่ท่องเที่ยวก็นับว่ากระจ๊อยมาก ถ้านับไร่ต่อไร่แล้วไม่ถึง๕%ซะละมั้ง การบุกเบิกของมนุษย์ เรื่มต้นที่การทำลายหน้าดิน ปกติดินที่มีพืชคลุมดินขึ้นอยู่ พืชจะเป็นตัวที่ป้องกันมิให้ดินถูกกัดกร่อนโดยน้ำฝน เมื่อถากถางเอาพืชดั้งเดิมที่ติดดินอยู่ออกเพื่อจะปลูกพืชตัวใหม่ที่คนกินได้หรือใช้ประโยชน์ได้ จะเกิดภาวะดินเปลือยขึ้นช่วงหนึ่งที่เป็นอันตรายยิ่งต่อสิ่งแวดล้อม
รูปข้างล่างบอกว่า น้ำฝนแต่ละเม็ดที่ตกจากฟ้า ขณะกระทบผิวดินมีความเร็ว๖๐กม.ต่อชั่วโมง ถ้าไม่โดนใบไม้ปะทะไว้ก่อน หน้าดินจะฟุ้งกระจายออกมาเป็นฝุ่น ผสมปนเปลงไปในน้ำ ถ้าตะกอนดินเหล่านี้ไม่ค้างอยุ่กับหญ้า ก็จะไหลตามน้ำลงลำธารต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:39
|
|
น้ำที่ไหลบ่าไปบนดินเปลือย ก็จะกัดกร่อนดินไปเรื่อย การกัดกร่อนนี้อาจารย์ฝรั่งแบ่งออกไว้เป็น๓ระดับคือ
Sheet Erosion หมายถึงกัดกร่อนแบบลอกผิวดินเป็นแผ่น
Rill Erosion หมายถึงกัดเซาะลงมาเป็นร่องแล้ว
และ
Gully Erosion หมายถึงการกันเซาะทำลายขนาดเป็นหลุมเป็นหุบ ถ้าไม่หยุด จะขยายความรุนแรงเป็นดินถล่ม Landslide ต่อไป
นี่เป็นดินถล่ม Landslideประเภทต่างๆ ผมจะไม่ลงลึกละ ใครสนใจก็เอาศัพท์ในนี้ไปค้นกันเอง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:41
|
|
Sheet Erosion หมายถึงกัดกร่อนแบบลอกผิวดินเป็นแผ่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:42
|
|
Rill Erosion หมายถึงกัดเซาะลงมาเป็นร่องแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:43
|
|
Gully Erosion หมายถึงการกันเซาะทำลายขนาดเป็นหลุมเป็นหุบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:45
|
|
Gully Erosion แบบน้องๆของ Landslide
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 17:55
|
|
มาขึ้นไปดูบนภูเขากัน เรามีพื้นที่การเกษตรที่มีปัญหาดินชะล้างอยู่ ๑๐๘.๘๗ ล้านไร่ ตามข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:00
|
|
พืชที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุกเช่นข้าวโพด สับปะรด มันสำปะหลังเป็นต้น ทุกปีเมื่อถึงฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ ชาวไร่ก็จะทำการพรวนดิน โดยไม่เคยมีจิตสำนึกในเรื่องของตะกอนดินที่จะไหลไปกับน้ำฝน ซึ่งนอกจะพาโอชะของหน้าดินไปแล้ว ยังจะไปสร้างความวิบัติแก่สิ่งแวดล้อมที่อยู่ระดับต่ำกว่าด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:06
|
|
หน้าดินที่ถูกพรวนขึ้นมา โดนน้ำก็กลายสภาพเป็นของเหลว ตรงไหนต่ำกว่าก็ไหลไปตรงนั้นตามธรรมชาติของมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:13
|
|
ส่วนใหญ่จากร่องน้ำ ก็ไปลำธาร เมืองไทยเดี๋ยวนี้พอถึงฤดูฝน จะหาลำธารน้ำใสยากยิ่งนักแล้ว จะใสก็เฉพาะที่ไหลออกมาจากเขตอุทยานแห่งชาติจริงๆ และการที่น้ำในลำธารเหล่านั้นใส ก็เป็นหลักฐาน สมัยโบราณ น้ำหลากที่ไหลท่วมบ้านท่วมเมือง จะมิได้ขุ่นข้นเช่นยุคปัจจุบันอันทันสมัย(แต่ไร้กฏหมายที่จะควบคุม)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:26
|
|
เมื่อเข้าหน้าแล้ง ลำธารส่วนใหญ่ก็จะตื้นเขินจากตะกอนหนักที่ยังไม่ได้ไหลไปกับน้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:29
|
|
แม้คลองขนาดใหญ่ที่เคยรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกชุกในอดีตได้ ก็กลายเป็นร่องน้ำเล็กๆ ที่เหลือเป็นตะกอนดินจากภูเขา เพียงฝนต้นฤดูปริมาณเล็กน้อย น้ำก็เอ่อล้นตลิ่งเสียแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:35
|
|
เมื่อใดปริมาณน้ำฝนถึงขนาด ตะกอนที่หมักหมมในลำธารบนภูเขาก็เหมือนฝายแตก มวลน้ำโคลนไหลกระแทกกันมาเป็นช่วงๆ จนเป็นปริมาณน้ำโคลนมหึมาโถมเข้าใส่หมู่บ้าน
เราคงสังเกตุได้ว่า น้ำท่วมทางชนบทภาคเหนือสมัยหลังๆนี้ จะเป็นน้ำโคลน แม้ว่าจะไม่ปรากฏว่ามีLandslideก็ตาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 15 ต.ค. 11, 18:48
|
|
ยังไม่จบครับ แต่ขอพักยกก่อน
เดี๋ยวจะมาต่อภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|