น้ำท่วมใหญ่ปีมะเส็ง พ.ศ.2328 ในรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นปีที่สร้างกำแพงพระนครและพระราชวังกรุงรัตนโกสินทร์เสร็จนั้นเอง ได้เกิดอุกทกภัยครั้งใหญ่ ปรากฏว่าระดับน้ำที่สนามหลวงลึกถึง 8 ศอก 10 นิ้ว
ขอบคุณ อ.NAVARAT.C ครับที่เอ่ยถึง
เข้าไปหยิบพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๑ เปิดออกมาอ่านอีกครั้งเรื่อง "น้ำมากข้าวแพง"
"ครั้น ณ วันจันทร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ อสนีบาตลงต้องซุ้มประตูฉนวนพระราชวังบวร ฯ และลงยอดพระมหาปราสาทพระบรมมหาราชวังวันเดียวกัน
ในเดือน ๑๒ ปีนั้น น้ำมากลึกถึง ๘ ศอก ๑๐ นิ้ว ข้าวกล้าในท้องนาเสียหายเป็นอันมาก บังเกิดทุพภิกขภัย ข้าพแพงถึงเกวียนละชั่ง ประชาราษฎรทั้งหลาย
ได้ความขัดสนดวยอาหารกัดดารนัก จึงมีพระราชโองการให้กรมนาจำหน่ายข้าวเปลือกในฉางหลวงออกแจกจ่ายราษฎรเป็นอันมาก"
เดือน ๑๑ ปรากฎฟ้าผ่า ควรอยู่ช่วงมรสุมกว่ามวลน้ำจะหลากมาก็เดือน ๑๒ ระบบการไหลหลากของน้ำมาจากทุ่งทิศเหนือ ได้เร็วกว่าปัจจุบันเนื่องจากไม่มีอุปสรรค์เรื่องถนน บ้านเรือนขวางทางน้ำ และออกทะเลไปในที่สุด
ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๓๒๘ ปีแรกที่สร้างกรุงเทพฯ เรียบร้อย พอกำแพงและพระราชวังเสร็จเรียบร้อย ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่
สนามหลวงสมัยนั้น คงยังไม่ถมดินให้สูงเหมือนสมัยนี้ มีคนวัดได้ว่าระดับน้ำลึกถึง ๘ ศอก ๑๐ นิ้ว
ในพระบรมมหาราชวัง น้ำท่วมพื้นที่่ท้องพระโรง พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน น้ำลึกวัดได้ ๔ ศอก ๘ นิ้ว ถึงกับเสด็จออกขุนนางไม่ได้ ต้องเสด็จย้ายไปว่าราชการบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพราะพื้นที่สูงกว่าน้ำถึง ๕ ศอกเศษ
พวกขุนนางและพระบรมวงศานุวงศ์ต้องลอยเรือเข้าเฝ้า จอดเทียบถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเข้าประชุมขุนนาง
ราชสำนักยุ่งยากลำบากขนาดนี้ ราษฎรยิ่งเดือดร้อนหนักกว่า ข้าวเสียสวนจม ก่อให้เกิดข้าวยากหมากแพง
ปรากฏในจดหมายเหตุว่า วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๒๘ น้ำมากข้าวแพง ราคาเกวียนละ ๘๐ บาท ถึง ๑๐๐ บาท พลเมืองได้รับความอดอยาก โปรดฯให้กรมนาขนข้าวเปลือกในฉางหลวงออกจำหน่ายจ่ายแจกราษฎร
ข้าวแพงอยู่จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๒๙
จากบทความ "กรุงเทพน้ำท่วม" โดย กิเลน ประลองเชิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
