เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ยังหาไม่พบว่าขนมเค้กเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไร แต่คิดว่าขนมฝรั่งกุฎีจีน ที่ทำกันมาตั้งแต่อยุธยาจนกระทั่งบัดนี้ คือขนมเค้กชนิดไม่ใส่เนย น่าจะมาพร้อมกับกำเนิดของหมู่บ้านโปรตุเกสในอยุธยา มากกว่าตกทอดมาจากท้าวทองกีบม้าเพียงคนเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 04 ต.ค. 11, 22:21
|
|
อ.เทาชมพู คงจะหมายถึง ขนมเค้กที่ทำในรูปแบบ การตีครีม แต่งหน้าเค้กเป็นดอกไม้ ใช่ไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 04 ต.ค. 11, 23:55
|
|
ขนมฝรั่งที่เรียกว่ากระดีจีนนั้น เคยเห็นในตลาดสดบางลำภูค่ะ ทำอยู่ใกล้ๆร้านก๊วยเตี๋ยวที่ขายลูกชิ้น
คนขายผิงขนมแล้วเกลี่ยไฟไว้บนถาดซึ่งที่จริงคือแผ่นสังกะสีแผ่นโต อากาศแถวนั้นร้อนระอุ
เมื่อประมาณนานมาแล้ว นักเลงเหน็บลูกขวานยังไม่มาตลาด เลยไม่ได้เจอกัน
เค้กนั้นเห็นว่าเจ้านายคงสร้างความนิยมขึ้น เจ้านายที่ทรงสนใจการทำอาหารฝรั่ง ได้ทรงเรียนวิชาจากแหม่มโดยตรง
ก็ทำเค้กไปถวายพระพันปีหลวงบ้าง ทำแซนวิชหรู ๆ ไปแจกตามงานหนังสือ งานประชุมต่างๆบ้าง
ที่บ้านผู้ปกครองทำขนมปังขิง เค้กกล้วยหอม และแยมโรว์เป็นส่วนมาก ครีมเค้กต้องใช้เวลามาก นานๆทำทีค่ะ
ไปซื้อแป้ง ผงฟู และเนยสับปะรสที่เสรีวัฒน์ สะพานหัน มีตำราปกสีน้ำเงินบ้าง เขียวบ้างแจก มีขนมคับเค้ก ที่ตัดฝาด้านบนออก
แบ่งเป็นสองส่วน แล้วทาครีมใส่กลับลงไปในถาดขนมที่รองด้วยถ้วยกระดาษ เรียกว่าขนมผีเสื้อ ในตำราขนมสวยมาก
แต่ขนมที่ทำที่บ้านปีกใหญ่และหนา แต่หอมอร่อย
นานมาแล้วก่อนที่คุณหนุ่มจะระดมพลมาอยู่ที่เอราวัณเป็นดอนผู้กว้างขวาง ขนมเค้กเนยที่นี่อร่อยที่สุด
จริงๆแล้วน่าจะเป็นเค้กฟองน้ำมากกว่าเพราะนุ่มนวล
ครีมเค้กนั้น ม.ล.เติบ ชุมสาย ทำขายชิ้นละ ๑ บาท มีลายดอกทิวลิปด้วย ท่านใส่แยมสีต่างๆ
รู้จักมาร์มาเลดก็ตอนนั้นค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 05 ต.ค. 11, 07:40
|
|
นานมาแล้วก่อนที่คุณหนุ่มจะระดมพลมาอยู่ที่เอราวัณเป็นดอนผู้กว้างขวาง ขนมเค้กเนยที่นี่อร่อยที่สุด
จริงๆแล้วน่าจะเป็นเค้กฟองน้ำมากกว่าเพราะนุ่มนวล
จัดภาพหน้าร้านเอราวัณเบเกอรี่ให้ก่อน อาจจะเห็นไม่ชัดเท่าไร แต่ยังมีอีกภาพหนึ่งเห็นชัดเจน (ขอเวลาหานิดหน่อย) ขนมอบ ขนมเค้กที่แห่งนี้ยุคหนึ่งถือว่าอร่อยล้ำเลิศครับ คุณวันดีคงเห็นภาพเก่า ๆ แล้วคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ด้วยเคยแวะเวียนไปเป็นแน่แท้ ภาพเด็กน้อยขายพวงมาลัยริมรั้วศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ ยังคงทำมาหากินตามจริตที่ได้เคยมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 05 ต.ค. 11, 08:16
|
|
ร้านขายขนมเค้กอีกแห่งคือชมซุยฮง ไกลบ้านที่อยู่มาก ท่านผู้ใหญ่พาไปด้วยให้ช่วยหิ้วของ
(การติดตามผู้ใหญ่นี่เป็นภาระกิจที่น่ารำคาญมาก เมื่อญาติ ๆ กลับจากการไปศึกษาในต่างประเทศ ก็ต้องเดินสาย
ไปเยี่ยมท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่บ้านพัก กุลสตรีในสมัยนั้นไม่ได้มีรถประจำบ้านทุกคน ส่วนมากก็ขึ้นรถเมล์ และเรียกรถสามล้อ
เบรคของรถสามล้อนั้นเป็นทองเหลือง ตั้งอยู่หน้าพื้นรถวางเท้าของผู้โดยสาร คนขี่สามล้อจะเหวี่ยงน่องอันกำยำล่ำสันมาทางด้านหลัง
ระหว่างที่ขี่รถอยู่ เป็นที่ยั่วยวนและกระตุ้นความซนของนักอ่านหนังสือเก่ามาก คิดอยู่เสมอว่าถ้าเราเขยิบ
ไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วเหยียบเบรคเล่น จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้มีโอกาสทำดังใจปรารถนาเลย
เนื่องจากกระโปรงนิวลุคของญาติทั้งหลายบานแผ่อยู่บนตัวของข้าพเจ้า ขยับตัวเล็กน้อยก็จะถูกเอ็ด)
คำว่า "ดอน" ในวงการหนังสือเก่า เป็นคำยกย่องสูงสุด เพราะ "ดอน" คือผู้กำหนดราคาซื้อขายหนังสือโบราณก่อนหนังสือ
จะเข้าสู่ตลาด เขาเหล่านี้มีเหตุผลอันมากมายมาสนับสนุนว่าทำไมจึงต้องเรียกราคานั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
han_bing
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 05 ต.ค. 11, 20:44
|
|
ไม่มีประสบการณ์ใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับขนมเค้ก เพราะไม่ชอบทาน และไม่ชอบทำ คนในบ้านก็ไม่ยักมีใครจะทำให้กิน
แต่ว่าคนในบ้านนี้อันได้แก่แม่และป้า เล่าความหลังเมื่อสี่สิบปีก่อนในจังหวัดชัยภูมิว่า การหาซื้อขนมเค้กยากมาก กระทั่งแยมโรลล์
ดังนั้นทั้งสองท่านสมัยยังเด็ก (๑๔ - ๑๖ ปี) สองพี่น้อง จึงได้ทำขนมแยมโรลล์ขาย ทำเสร็จก็ปั่นจักรยานไปขายที่โรงเรียน
ผลว่าขายดีมาก
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจไต่ถามว่าแป้งอะไรไปหาซื้อที่ไหน (แต่เดาว่าน่าจะเป็นร้านขายในตลาดซึ่งทุกวันนี้เป็นที่เดียวที่มีขายในชัยภูมิ) แล้วใช้อะไรอบ
แต่ก็เดาว่าน่าจะเป็นเตาสังกะสีกระมัง เพราะเห็นใช้อบขนมผิงกัน
ตำราซื้อเข้ามาจากกรุงเทพฯ เพราะตำรานั้นทุกวันนี้ก็ยังตกอยู่ที่ข้าพเจ้า เก่าาาาาาาาาาาาาาาาาามากกกกกกกกกกกกกกกก จนไม่กล้าเปิด
อันนี้เป็นเกล็ดเล็กๆคือ ป้าบ่นภายหลังว่า แม่ไม่ช่วยทำเลย ป้าต้องตื่นแต่ตีสี่ตีห้านั่งทำเอง แล้วพอมาช่วยทำทีไร วินาศบรรลัยไปทุกครั้ง เลยให้แม่เอาไปขายอย่างเดียว
ภายหลังแม่เลยเถียงว่า อย่ามารำเลิกกันนะ ถ้าฉันไม่ไปขาย เธอเอาไปขายขายได้ไหม เห็นหน้าเศร้าหิ้วกลับมาทุกครั้งไป
เหตุเกิดเมื่อ ๔๐ ปีก่อน แต่ยังเป็นเรื่องให้ข่มกันทุกวันนี้
แต่เรื่องของเรื่อง เค้กหรือขนมรั่งในต่างจังหวัดหาได้ยากพอควร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 05 ต.ค. 11, 22:33
|
|
ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เค้กอีกชนิดหนึ่งที่วางขาย คือขนมเค้กลูกเกดค่ะ มีขนาดเล็กกว่าพิมพ์มาตราฐาน
แต่เมื่อสุกแล้วปล่อยให้เย็น และเคาะกับตะแกรง กลิ่นหอมก็ยังเตะจมูกอยู่ ในเวลานั้นลูกพรุนแคะเมล็ด
และลูกเกดมีขาย จัดว่าเป็นของนอกและฟุ่มเฟือย นานแสนนานจะได้ส่วนแบ่งบ้าง
ไม่เคยเห็นเค้กสับปะรสหน้าคว่ำ ใส่ลูกพรุนอยู่ครงกลาง อาจเป็นเพราะเป็นของหาง่าย หรือไม่มีตำรา
เค้กขิงมี เค้กใบเตยไม่มี เค้กช็อคกาแลตมี แต่หน้าเป็นช็อคกาแลตตุ๋นในหม้อสองชั้นด้ามยาว แล้วใส่น้ำตาล
วิธีแต่งหน้าคือคอยให้เค้กเย็นแล้วป้ายหน้าที่ผสมแล้วด้วยไม้พายยาง ป้ายหน้าไปทางนั้นที ทางนี้ทีด้วยซ่อม
ฟรุตเค้กมีค่ะและไม่ชุ่มเพราะผลไม้แห้งหายาก คนไทยจึงหั่นกล้วยตากและฟักเชื่อม ใส่ไปอย่างหาญกล้า
ปนมะเขือเทศย้อมเขียวแดงแรงฤทธิ์ ไม่มีการแช่ผลไม้ในเหล้าบรั่นดีเลย
บรั่นดีและตราขาว(สมัยนั้นไม่เห็นท่านผู้ใหญ่ดื่มแบ็ลค)อยู่ในตู้พิเศษของบิดา
แม่ทอดกล้วยหอมด้วยเนยในกระทะเล็ก ด.ญ. วันดีไม่ชอบเลย ญาติ ๆ บอกว่าแปลกเพราะเห็นไม่เคยปฎิเสธอาหารหรือขนมอะไรเลย
ต่อมาไม่นานก็พาแม่ไปรับประทานอาหารฝรั่งเศส แถวๆที่ดอนหนุ่มสยามตั้งแก๊งค์เลยไปทางทิศใต้สามสี่ซอย สั่งเครปมาให้แม่ชิมด้วย
สมาชิกของกลุ่มนักอ่านส่วนมากเจอแต่กล้วยแขกทอดหน้าห้องสมุดสมเด็จกรมพระยาดำรงค์ ฯ (ร้านอาหารฝรั่งเศสเดิมปิดไปแล้วค่ะ สหาย)
ประมาณยี่สิบปีมานี้ ชอบคริสมาสพุดดิ้งของอังกฤษมาก ซื้อที่แฮร์รอดขากลับ เป็นอ่างเล็กๆ เนื้อเค้กชุ่มฉ่ำเป็น
สีดำ ซึ่งเคยเข้าใจว่าพุดดิ้งคือส่วนผสมเหลวๆรสมะนาวบ้าง ช็อคกาแลตบ้าง ตีให้ขึ้นฟูแล้วแช่ตู้เย็นไว้ บีบวิปครีมใส่นิดหนึ่ง
ถ้ามีใครอยู่แถวนั้น ถ้าปลอดคนก็กดวิปครีมประดับเป็นวง ๆ เต็มถ้วยขนม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
:D :D
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 05 ต.ค. 11, 23:35
|
|
ส่ง คริสมาสพุดดิ้ง ชุ่มฉ่ำ มาฝากคุณWandee ก่อนวันคริสมาสค่ะ...  พุดดิ้งกับเค้กใช้วิธีการทำสุกที่ต่างกันค่ะ ส่วนผสมคล้ายๆ กัน แต่พุดดิ้งใช้วิธีนึ่งให้สุกจึงใช้เวลานานกว่า ส่วนเค้กใช้วิธีอบค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 ต.ค. 11, 04:36
|
|
ความสนุกในการทำฟรุตเค้ก คือไปซื้อหาผลไม้และนัท ที่จะนำมาแช่บรั่นดีค่ะ
ในเมืองใหญ่ๆของโลก ดีพาร์ทเม้นสโตว์ก็จะจัดแสดงวัสดุและเครื่องปรุงอาหารและขนมกันเป็นการมโหฬาร
แม่บ้านแต่คนก็มีตำราต่างกันออกไป ความรื่นเริงของสมาชิกในครอบครัวคือการที่ได้มาอยู่ร่วมกัน กินอาหารพร้อมหน้ากัน
ขนมเค้กอีกหนึ่งแบบที่ทำได้ และชอบทำคือเค้กฟองน้ำค่ะ ใช้ไข่แดงเป็นหลัก เนื้อเค้กจะนุ่มแต่ยึดติดกัน
หน้านั้นก็แล้วแต่ชอบ เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆหลายคน(มีหลานและลูกเพื่อนบ้านเป็นผู้ชายทั้งนั้น) ได้นั่งเก้าอี้สูงในครัว
และติการทำเค้ก ชมไม่ค่อยมี แต่ขนมพร่องไปมากค่ะเพราะพวกเขาต้องชิมหลายชิ้นก่อนจะวิจารณ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 06 ต.ค. 11, 11:39
|
|
ขอแซวเล็กน้อย...ดีนะครับที่ ด.ญ. วันดี มิได้ชอบทานกล้วยหอมทอด หากชอบขึ้นมาจะเป็นเช่นไรหนอ  ตอนที่ยังเป็น ด.ช.หนุ่มสยาม จำได้ว่าเค้กจะแต่งหน้าไม่สวยงามเหมือนสมัยนี้ มีแต่ครีมหนา กับกลีบดอกไม้กุหลาบเป็นริ้ว ๆ เพื่อนเคยเหน็บให้ว่าไม่ชอบทานเค้กแบบนี้ที่เป็นเค้กวันเกิดเท่าไร ออกไปแนว "เค้กจีน" หรือ "เค้กประเพณี" กันเกินไป ต้องจักดอด จักกลีบ ขอบข้างต้องเป็นริ้ว ๆ สีขาว สีชมพู สีแดง ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ช่างเข้าใจเทียบเสียจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 06 ต.ค. 11, 21:29
|
|
ขอเรียนถามเรื่องราวเกี่ยวกับ..เค้กราชปะแตน.. ครับผม
ของเดิม ของแท้เป็นอย่างไรครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 07 ต.ค. 11, 16:27
|
|
ยังไม่มีเวลาจะร่วมวงนานๆ ขอแก้ตัวด้วยกระเป๋าแบรนด์เนมใบนี้ค่ะ เห็นครั้งแรก ใครจะคิดว่าเป็นขนมเค้ก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 07 ต.ค. 11, 16:39
|
|
กระป๋องเป๊ปซี่ ก็เค้ก วางอยู่บนเค้กเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 07 ต.ค. 11, 16:48
|
|
ขอเรียนถามเรื่องราวเกี่ยวกับ..เค้กราชปะแตน.. ครับผม
ของเดิม ของแท้เป็นอย่างไรครับ
ใช้อินทรเนตรสอดส่องได้ ข้อมูลเบื้องต้น ดังนี้ สมัยโบราณเค้กนี้ถูกเรียกว่า Royal Cake หรือ เค้กราชประแตน ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษว่า ราชา-แพตเทิร์น หมายถึงเค้กที่นิยมโดยชนชั้นสูงรับราชการรับใช้แผ่นดินที่แต่งชุดนี้และเพราะได้รับอิทธิพลจากยุโรปโดยเฉพาะการรับประทานน้ำชาและเค้กยามบ่าย จึงได้มีการอบเค้กนี้โดยใช้ส่วนประกอบชั้นดีราคาแพงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนรายละเอียดลึก ๆ อ่านได้จาก พันทิป 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 07 ต.ค. 11, 18:23
|
|
กระป๋องเป๊ปซี่ ก็เค้ก วางอยู่บนเค้กเช่นกัน
เข้าใจทำนะครับ สะดุดใจในทันทีก็คือ แล้วจำนวนประป๋องที่ทำด้วย Cake นั้น จะเป็นตัวแทนของน้ำในปริมาณเท่ากับ 1 Keg ที่ใช้กันตามงานเลี้ยงหรือไม่ ปรากฎว่าไม่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|