คำประพันธ์
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง
เห็นค่ายเสร็จพลันมั่นคง จึงชวนองค์โอรสธิบดี
ตรัสเรียกสองราชอนุชา เสด็จจากรถาเรืองศรี
พร้อมด้วยกิดาหยันเสนี จรลีขึ้นสุวรรณพลับพลา
ฯ ๔คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา
ออกสอดแนมอยู่นอกพารา เห็นไพรียกมาถึงชายไพร
กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้
เสียงคนอึงอัดตัดไม้ ราบไปทั้งป่าพนาลี
ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่
แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ให้จดเอาถ้อยคำคำสำคัญ แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา
ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา รี้พลโยธามากมาย
ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขาดสาย
บัดนี้มาตั้งอยู่เนินทราย ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ได้ฟังปาเตะทูลพลัน พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน
อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้
จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา
แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล ร้อนรนไปทั่งทุกเส้นหญ้า
เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา ศึกมาถึงราชธานี
คิดพลางทางสั่งเสนาใน เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่
รักษามั่นไว้ในบุรี จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา
อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ ที่ให้ไปแจ้งเหตูพระเชษฐา
กับสองศรีราชอนุชา ยังจะมาช่วยหรือประการใด
แม้นจะเคืองขัดตัดรอน ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่
แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป จะยากเย็นเป็นอะไรก็ตามที
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ฯ ลฯ
ร่าย
๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงสุหรานากงเรืองศรี
กับเสนากาหลังบุรี ยกพลมนตรีรีบมา
แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน ก็ลุถึงเขตขัณฑ์ดาหา
ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา ก็เร่งยกโยธาเข้าเข้ากรุงไกร
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงกึ่งกลางพระนคร จึงหยุดพลนิกรน้อยใหญ่
แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล เข้าไปยกโยธาเข้ากรุงไกร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา
เห็นสุหรานากงพระนัดดา กับเสนากาหลังบุรี
จึงมีบัญชาปราศรัย เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี
ให้ยกมาช่วยต่อดี ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก
แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น เกิดเข็ญเพราะลูกอัปลักษณ์
จะมีคู่ชายก็ไม่รัก จึงหักให้สาสมใจ
อันองค์พระบรมเชษฐา เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่
เจ้ามาในทางพนาลัย ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น สุหรานากงวงศา
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน
พระปิ่นภพกุเรปันธานี ให้กะหรัดตะปาตีเป็นทัพขันธ์
ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา
ฟังสุหรานากงนัดดา จึงมีบัญชาว่าไป
อันกะหรัดตะปาตีจะมาช่วย พอจะเห็นจริงด้วยไม่สงสัย
แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา
พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง เขายังไม่จากหมันหยา
จนสลัดตัดการวิวาห์ ศึกติดพาราก็เพราะใคร
เห็นจะรักเมียจริงยิ่งกว่าญาติ ไหนจะคลาดจากเมืองหมันหยาได้
ถึงมาตรจะมาก็จำใจ ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา
เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า
แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา จงไปพักโยธาให้สำราญ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น สุหรานากงใจหาญ
ก้มเกล้าสนองพจมาน อันการสงครามครั้งนี้
จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา กับโยธาสิงหัดส่าหรี
ยกออกโรมรันประจัญตี ดูทีฝีมือปัจจามิตร
ถ้าเห็นข้าศึกย่นย่อท้อกำลัง จะโหมหักมิให้ตั้งต่อติด
จะอาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์
ฯ ๖ คำ ฯ
ขอคุณล่วงหน้าค่ะ
