เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 02 ต.ค. 11, 21:11
|
|
มีเหมือนกันว่า ในกระทู้เก่าบางเรื่อง เมื่อจะต้องเอ่ยถึงบุคคลบางท่าน ทั้งท่าน Navarat และดิฉันต่างก็ขยัน จุด จุด จุด กันเสียจนคนอ่านบางท่านอาจจะหน้ามืดตาลาย เราไม่อาจจะระบุชื่อออกมาได้ ทั้งด้วยมารยาทและความควรมิควร เพราะไม่ประสงค์จะก่อความรู้สึกบาดหมางให้กับผู้เกี่ยวข้อง และลูกหลานซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากว่าคนอ่านขยันก็คงจะไปค้นคว้าหาได้เอง เพราะหนังสือบางเล่มก็กล่าวเอาไว้อย่างเปิดเผย บางเล่มก็แง้มๆ พอให้เดาออก อย่างในเรื่องที่คุณ smallhands อ้างถึงนี้
ทีแรกว่าจะจบกระทู้นี้แล้ว เพราะยิ่งเล่าต่อจะยิ่งยาว กินเวลานานมาก แต่เมื่อมีผู้ติดตามอ่าน ก็เห็นทีจะเกียจคร้านไม่ได้แล้ว
ดิฉันคิดว่าหนุ่มน้อยคนนั้นก็คงเข้าใจค่ะ ถึงได้ยอมรับและจากไปอย่างไม่มีข้อข้องใจอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
smallhands
อสุรผัด

ตอบ: 14
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 02 ต.ค. 11, 21:40
|
|
เข้าใจอาจารย์ทั้งสองได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เรื่องที่ว่าต้องเว้นชื่อไว้ เพราะแม้แต่ในหนังสือของท่านหญิงเองก็ไม่พิมพ์ จุด จุด ไว้ให้ค้างคาใจ แต่ก็อย่างว่า ราชตระกูลจะว่าไปก็ญาติกันทั้งนั้น ยังไม่นับว่าลูกหลานจะขัดเคืองใจกันอีก จริงๆแล้ว ชื่อคนอื่น คงจะไม่พากเพียรหาขนาดนี้ แต่เพราะท่านหญิงเขียนเรื่องที่กล่าวอาฆาตกันไว้ เลยอยากทราบเป็นพิเศษน่ะค่ะ
ไว้หนูจะกลับมาอ่านใหม่ค่ะ แต่อาจารย์ไม่ต้องรีบเขียนนะคะ เกรงใจว่าอาจารย์คงจะมีงานเยอะ ตอนนี้ เมื่อไหร่ว่างจะมาไล่อ่านกระทู้เก่าๆก่อนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 02 ต.ค. 11, 22:10
|
|
พระนิพนธ์เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ทรงเขียนขึ้นจากความทรงจำ ครั้งพระชันษาได้ 12 ปี อ่านรายละเอียดแล้วก็นึกทึ่ง ในความช่างสังเกตและจดจำบันทึกได้แม่นยำเกินพระชันษามากเอาการ ทรงเก็บทั้งรายละเอียดใหญ่ๆ และเรื่องเล็กๆน้อยๆได้มีชีวิตชีวา เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในรัชกาลที่ 5 คือเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรปในครั้งที่ 2 เมื่อพ.ศ. 2450
ท่านทรงบันทึกว่า ในครั้งนั้นเรือพระที่นั่งจักรีออกจากอ่าวไทยไปรับเสด็จที่เกาะปีนัง เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม บรรดาเจ้านายและฝ่ายในที่มีหน้าที่ถวายการปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์ ก็เสด็จออกไปกับเรือพระที่นั่งจักรีด้วย ในเวลานั้น ท่านหญิงทรงอยู่กับสมเด็จเจ้าฟ้านิภานพดล ราชเลขานุการิณี จึงได้ตามเสด็จไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 02 ต.ค. 11, 22:19
|
|
เรือพระที่นั่งจักรี ที่ทรงเรียก คือเรือพระที่นั่งมหาจักรี ลำแรก เป็นเรือที่ต่อขึ้นโดยบริษัทต่อเรือที่สกอตแลนด์ เป็นแบบเรือลาดตระเวน เป็นเรือพระที่นั่งตลอดรัชกาลที่ 5 ใช้ในการเสด็จทั้งในประเทศไทย และเสด็จประพาสต่างประเทศ ทั้ง ชวา สิงคโปร์และยุโรป เรือพระที่นั่งลำนี้ใช้งานยืนยาวมาจนรัชกาลที่ 6 ปลดระวางเมื่อ พ.ศ. 2459 แต่ทางราชการยังเก็บเครื่องจักรไว้ ให้บริษัทญี่ปุ่นนำไปใช้เป็นเครื่องจักรในเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สอง ซึ่งขึ้นระวางในสมัยรัชกาลที่ 7 น่าเสียดายว่าเรือลำที่สองถูกระเบิดทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่มีให้คนไทยในยุคปัจจุบันได้เห็นอีก
ม.จ. พูนพิศมัย โปรดเรือพระที่นั่งมาก ตามประสาเด็ก ทรงบันทึกว่าเป็นเรือที่กว้างมาก มีม่านกั้นกลางแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหน้าเป็นที่อยู่และที่ทำงานของทางฝ่ายหน้า ส่วนหลังเป็นของฝ่ายใน เจ้านายสตรีและบรรดานางข้าหลวงพนักงานอื่นๆอยู่เฉพาะฝ่ายใน ท่านหญิงน้อยๆผู้ทรงพระเยาว์ก็ได้วิ่งไปวิ่งมาได้ทั้งสองส่วน เวลาบรรทมและเสวยก็อยู่ทางด้านใน เมื่อใดคิดถึงเสด็จพ่อ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ก็วิ่งมาเฝ้าที่ส่วนหน้าหรือทางด้านหัวเรือ เมาคลื่นเมื่อใดก็ทรงนอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 03 ต.ค. 11, 05:37
|
|
เอารูปเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สองมาสนับสนุนครับ
หลัง๒๔๗๕เรือลำนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงอ่างทอง ตามประเภทของเรือ ซึ่งจัดเป็นเรือลำเลียง เรือระบายพล เรือส่งกำลังบำรุง จะตั้งตามชื่อตามชื่อเกาะขนาดใหญ่ เรือในกลุ่มนี้มี ร.ล.อ่างทอง ร.ล.ช้าง ร.ล.พงัน ร.ล.ลันตา ร.ล.พระทอง
ร.ล.อ่างทอง(ลำที่หนึ่ง)หรือเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สอง ให้เป็นเรือธงผู้บัญชาการทหารเรือในช่วงสงครามอินโดจีน มาจนสงครามโลกครั้งที่สอง โดนระเบิดจากเครี่องบินอเมริกันขณะจอดที่ท่าเรือฐานทัพสัตหีบ เสียหายหนักต้องปลดระวาง
รูปจากกระทู้นู้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 03 ต.ค. 11, 09:58
|
|
ขอบคุณที่มาเสริมข้อมูลให้สมบูรณ์ค่ะ เพิ่งรู้จากท่าน Navarat ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่ ๒ คือเรือหลวงอ่างทอง รู้แต่เพียงว่าถูกระเบิดจนใช้งานไม่ได้อีก
เล่าต่อค่ะ วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐ เวลาหกโมงเย็น ก็เห็นเรือ "แซกซั่น" มาถึงเกาะปีนัง ท่านหญิงทรงเกาะแคมเรือพระที่นั่งจักรี อยู่ในกลุ่มของเจ้านายฝ่ายใน เฝ้ามองด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นเรือลำใหญ่มหึมาเปิดไฟสว่างจ้า ลอยลำเข้ามาในอ่าว มีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน ส่วนทางเรือมหาจักรี เจ้านายฝ่ายหน้าอย่างสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนสิงหวิกรมเกรียงไกร และขุนนางสำคัญอีกหลายท่าน แต่งพระองค์และแต่งกายเต็มยศ ลงเรือกรรเชียงจากเรือมหาจักรีไปยังเรือแซกซั่น ตอนนั้นเอง ปืนใหญ่ก็ยิงสลุตกันสนั่นหวั่นไหว ทั้งจากบนฝั่งและจากเรือมหาจักรี ทำเอาเด็กๆอย่างท่านหญิงตกพระทัย ทรงบรรยายว่า "ราวกับหัวใจจะกระโดดออกมาภายนอก"
เสียงสลุตเงียบลงประมาณ ๑ ชั่วโมง เรือกรรเชียงพระที่นั่งก็กรรเชียงจากเรือแซกซั่นมาที่เรือมหาจักรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาพร้อมกับเจ้านายที่ตามเสด็จ ท่านหญิงบันทึกว่า สีพระพักตร์สดใส แดงๆกันทุกพระองค์ จากนั้นก็เสด็จเข้าห้องเสวย เบิกตัวข้าราชการเข้าเฝ้ากันอย่างทั่วถึง
ไปค้นเกี่ยวกับเรือแซกซั่น ได้ความว่าเป็นเรือเดินสมุทรของบริษัทเยอรมันน๊อรทด๊อยซ์ลอยด์ เดินทางระหว่างอิตาลีถึงสิงคโปร์ ไม่ใช่เรือของราชการไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 03 ต.ค. 11, 15:35
|
|
เรือเดินสมุทรที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเสด็จประพาสยุโรป มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า แซกซัน ตามที่ระบุไว้ในพระนิพนธ์ของท่านหญิง ชื่อภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าสะกดยังไง เดาว่าสะกดว่า Saxon ส่องอินทรเนตรดูคำนี้ ไม่เจอ ได้ความจากประวัติเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ ว่าท่านโดยสารเรือนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เป็นเรือของบริษัทเยอรมันน๊อรทด๊อยซ์ลอยด์
เจอชื่อบริษัทเข้า แทบหน้ามืดเพราะไม่เคยเรียนภาษาเยอรมัน แข็งใจสะกดตามแบบต่างๆที่คิดว่าเยอรมันจะสะกดอย่างนั้น อินทรเนตรยืนกรานปฏิเสธท่าเดียวว่าไม่มี หมดแรงเข้าหันไปสะกดแบบอังกฤษ ว่า North Deutsch lloyd ปรากฏว่าคราวนี้อินทรเนตรแกะรอยได้พบ แต่ท้วงติงนิดหน่อยว่าชื่อ Norddeutscher Lloyd ตะหาก เป็นบริษัทเรือเดินทะเลมีประวัติยาวเหยียด คุณวิกกี้บอกไว้หมด ใครสนใจใส่ชื่อนี้ในกูเกิ้ลจะพบเองค่ะ
จากนั้นไล่หาบัญชีรายชื่อเรือเดินทะเลของบริษัท ว่ามีเรือ Saxon ไหม ก็ไม่มี เปิดกี่หน้าๆก็ไม่มี เจอแต่ชื่อ Sachsen มีวงเล็บว่า(1887-1909 - 4,573 gross tons) สงสัยจะลำนี้ เพราะแม่นางปฏิบัติการอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันพอดี พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากยุโรปในปี 1907
แต่ยังหารูปไม่ได้ค่ะ ฝากใครใจดี หาเจอช่วยนำมาลงให้จะขอบคุณมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 03 ต.ค. 11, 18:53
|
|
^ จัดให้ตามคำขอครับ
Name : Sachsen Description : Norddeutscher Lloyd steamship Source : Postcard mailed 1901
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 03 ต.ค. 11, 19:00
|
|
ตามไปดู 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 03 ต.ค. 11, 19:02
|
|
ขอบคุณค่ะ คุณ Navarat เรือแซกซันดูลำใหญ่กว่าเรือมหาจักรี คงจะกว้างขวางสะดวกสบายกว่า
ใช้อินทรเนตรค้นภาพเก่า เจอรูปเรือพระที่นั่งมหาจักรีอีก ๒ รูป เลยเอามารวมไว้ด้วยกัน รูปแรกบอกรายละเอียดไว้ว่า เป็นเรือสั่งต่อที่สกอตแลนด์ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรปในครั้งแรก เสด็จไปในเรือมหาจักรี แต่ในครั้งที่ ๒ เสด็จในเรือแซกซัน
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
smallhands
อสุรผัด

ตอบ: 14
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 09 ต.ค. 11, 21:37
|
|
ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 10 ต.ค. 11, 14:55
|
|
แต่ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรีไม่ได้แล่นตรงกลับเข้ากรุงเทพเลยทีเดียว หากแต่ข้ามทะเลไปจันทบุรี และตราด แล้วจึงกลับมาพระนคร ระหว่างประทับในเรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯพระราชทานของฝากแก่ผู้ไปรับเสด็จ ท่านหญิงน้อยๆทั้งสององค์คือม.จ.พูนพิศมัย และ "ท่านหญิงเหลือ"ม.จ.พิไลยเลขา ได้รับพระราชทานเสมา พระเจ้าอยู่หัวทรงผูกเสมาพระราชทานเอง มีพระราชดำรัสว่า "ข้ามีของฝากเจ้าแล้วละ เสมาทอง แต่คราวนี้ไม่พอ ไว้มาคราวหน้าถึงค่อยเอาใหม่" แล้วทรงผูกเสมาเงินด้วยเส้นไหม พระราชทาน กับหวีปักผมเป็นตัวอักษรทองว่า "พระราชทาน" อีกองค์ละเล่ม
ทรงบันทึกไว้อย่างน่ารักว่า ทรงกลัวว่าพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชดำรัสถามว่า " เมาคลื่นหรือเปล่า" เพราะทรงทราบมาว่าไม่โปรดคนเมาคลื่น ท่านหญิงก็คงจะทรงเมาคลื่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย จะตอบตามตรงก็เกรงว่าจะไม่โปรด จะปฏิเสธเพื่อให้ถูกพระราชหฤทัยก็เป็นความเท็จ จึงทรงหวั่นเกรงอยู่ เคราะห์ดีว่าไม่มีพระราชดำรัสถาม ท่านหญิงก็บันทึกว่า "รอดตัวไป"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 12 ต.ค. 11, 20:28
|
|
ท่านหญิงทรงลำดับเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดว่า เรือพระที่นั่งมหาจักรี แล่นกลับมาถึงปากน้ำเจ้าพระยา เมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 มีเรือต่างๆมาลอยลำรับเสด็จเต็มไปหมด เมื่อเรือมหาจักรีมาถึงก็ยิงสลุต และเปิดหวูดกันเซ็งแซ่ เรือยังไม่ได้ตรงเข้ากรุงเทพเลยทีเดียว แต่ไปแวะค้างคืนที่สมุทรปราการก่อนคืนหนึ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ(พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และเจ้านายชั้นผู้ใหญ่เสด็จลงไปรับเสด็จในเรือ แล้วเสด็จกลับกรุงเทพก่อน วันรุ่งขึ้น เรือมหาจักรีจึงแล่นเข้ามาถึงท่าราชวรดิฐ เวลา 10 โมงเศษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 12 ต.ค. 11, 20:37
|
|
เสด็จลงจากเรือพระที่นั่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|