Wandee
|
ประวัติ หม่อมราชวงศ์บุญรับ พินิจชนคดี
เป็นบุตรสาวคนใหญ่ของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ และ หม่อมแดง ปราโมช
เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่แพท่าราชวรดิษฐ์
ขณะนั้นท่านพ่อยังรับราชการตำแหน่งเจ้ากรมทหารฝีพาย
เมื่อเติบโตพอดูแลตัวเองได้ หม่อมแม่ได้นำเข้าถวายตัวต่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี (สมเด็จหญิงเล็ก)
พระธิดาพระอรรคชายาเธอองค์ใหญ่ และได้พำนักอยู่ในพระบรมมหาราชวังและพระราชวังมาจนสมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีนพดาราสิ้นพระชนม์
จึงได้ทูลลาออกจากวังมาอยู่บ้าน
(คัดลอกมาจากหนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมราชวงศ์บุญรับ พินิจชนคดี ท.จ. ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ หนังสือเป็นเรื่อง ราชสกุลวงศ์ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม หลังจากการพิมพ์ครั้งที่ ๘)
กลุ่มนักอ่านหนังสือเก่าไปล่าหนังสือกันมาเมื่อวานนี้
ประวัติของ ม.ร.ว. บุญรับ ที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช น้องชาย เรียบเรียงนั้น ดิฉันเคยอ่าน เข้าใจว่าในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ต่อมาก็เคยได้อ่านอีกครั้งหนึ่ง นำมาฝากสหายทั้งปวงด้วยความเอื้ออารีของเผด็จการในการอ่านหนังสือ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 22 ส.ค. 11, 15:07
|
|
กรุณาอย่าเพิ่งปาดหรือเสนอความคิดอื่นใด เพื่อรักษา บทความ ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมชที่น่าอ่านเป็นที่สุด
ในหนังสือหายากอีกเล่มหนึ่งที่ดิฉันจะเสนอต่อไป คือ "ต้นตระกูล อเนกบุณย์ แห่งเมืองปราจีณบุรี" ขอเรียนเชิญสหายและ
นักอ่านทั้งปวง แวะสนทนาและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ตามอัธยาศัย เพราะคนเราย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้
ยินดีรับฟังจากทุกท่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 22 ส.ค. 11, 15:22
|
|
"เมื่อแรกเกิดนั้นท่านพ่อตั้งนามให้ว่า "รับขวัญ" แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังในวัยเด็ก
ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าว่า "บุญรับ"
และได้รับพระมหากรุณาโกนจุกพระราชทาน พร้อมด้วยหม่อมเจ้าและหม่อมราชวงศ์อื่นๆในวัยเดียวกันอีกหลายท่าน
ม.ร.ว. บุญรับ ได้อยู่กับบิดามารดาตลอดมาจนอายุ ๑๖ ปี ได้ติดตามท่านพ่อไปอยู่ตามหน่วยทหาร ซึ่งท่านพ่อไปรับราชการ
หลายจังหวัด เช่น ที่จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และ จังหวัดพิษณุโลก
ในฐานะเป็นลูกคนใหญ่ก็ได้รับความไว้วางใจจากหม่อมแม่ ทั้งในด้านการดูแลบ้านและในด้านสังคม และได้แบ่งเบาภาระของ
หม่อมแม่ในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้มาก เช่นการดูแลการครัวและการบ้าน ตลอดจนปกครองดูแลบริวารของท่านพ่อซึ่งมีจำนวนมาก
รับผิดชอบในการรับแขกและในงานเลี้ยงดูที่บ้านและออกงานสังคมต่าง ๆ กับท่านพ่อ เพราะหม่อมแม่ไม่สมัครใจจะออกงานต่าง ๆ
นอกจากที่จำเป็นจริง ๆ เช่น เข้าไปถือน้ำพระพิพัฒนสัตยาเป็นต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 22 ส.ค. 11, 21:40
|
|
ม.ร.ว. บุญรับ ได้แต่งงานกับ พลตำรวจเอกพระพินิจชนคดี ใน วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙
มีบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งเสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด แต่คุณพระพินิจชนคดีมีบุตรกับภรรยาเดิมที่ถึงแก่กรรมคือ
ม.ล. อรุณ พินิจชนคดี อยู่แล้วหลายคน ม.ร.ว. บุญรับก็เข้ารับหน้าที่เลี้ยงดูปกครองบุตรของคุณพระพินิจชนคดีที่ยังเยาว์
และให้ความรักเหมือนกับบุตรตนเอง ชีวิตในครอบครัวจึงได้เป็นสุขราบรื่นและมีความเจริญตลอดมา
คุณพระพินิจชนคดี และ ม.ร.ว. บุญรับ ได้บำเพ็ญการกุศลสาธารณะไว้มากมายหลายอย่าง และได้บำเพ็ญการกุศลในพระศาสนาไว้มากเช่นเดียวกัน
ม.ร.ว. บุญรับ ถึงแก่กรรม เมื่อวะนที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ อายุ ๘๖ ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 22 ส.ค. 11, 22:04
|
|
ในฐานะที่ผมเป็นน้องของท่านคนหนึ่งที่ท่านได้เลี้ยงมาตั้งแต่จำความได้ ผมก็ใคร่ขอบันทึกคุณของคุณพี่บุญรับ
ไว้บ้างตามสมควร และคุณความดีตลอดจนนิสัยใจคอของคุณพี่บุญรับที่ผมได้จดจำมาบันทึกไว้นั้น ญาติมิตรและ
ลูกหลานของท่านก็คงจะได้ประจักษ์มาแล้วทุกคน
คุณพี่บุญรับเป็นคนเก่ง ที่ว่าเก่งนั้นหมายความว่าท่านเป็นคนมีฝีมือ จะทำสิ่งใดต้องทำให้สำเร็จ
และเป็นผลดีอย่างยอดเยี่ยมเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นในทางการค้าหรือในทางการบ้านการเรือน
คุณพี่บุญรับเป็นชาววังที่แท้จริง และได้รับการฝึกฝรอบรมอย่างชาววังมาตั้งแต่แรก ท่านจึงเป็นคนมีฝีมือ
ในกิจกรรมของแม่บ้านทุกชนิด ท่านเป็นคนทำกับข้าวอร่อยหาตัวจับยาก และกับข้าวของกินทั้งคาวหวานที่ท่านปรุงนั้น
มีความประณีตละเอียดถึ่ถ้วน ได้มาตราฐานห้องเครื่องต้นสมัยรัชกาลที่ ๕ อย่างหาที่อื่นได้ยาก
การทำกับข้าวแบบนี้จำเป็นต้องใช้เวลามาก มีเครื่องปรุงต่าง ๆให้ครบถ้วยมิได้มีสิ่งใดขาด ต้องรู้วิธีที่จะจัดการอย่างไร
กับเครื่องปรุงแต่ละอย่างอย่างถูกต้อง และต้องมีลูกมือเอาไว้ช่วยออกแรงอีกหลายคน แต่คุณพี่บุญรับท่านเจียดเวลา
เอาไว้ทำกิจการเหล่านี้ได้เสมอ ท่านมีความรู้ที่ละเอียดพิสดารเกี่ยวกับเครื่องปรุงและการปรุงอาหาร และท่านสามารถ
ทำตัวให้คนรักสมัครมาเป็นลูกมือของท่านด้วยความเต็มใจไม่หลีกเลี่ยง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 23 ส.ค. 11, 10:04
|
|
นอกจากการทำอาหารแล้ว คุณพี่บุญรับยังมีฝีมือในการเย็บปักถักร้อยทุกชนิด เมื่อยังสาว ๆ
ท่านเย็บตัดเสื้อใส่เองโดยไม่ต้องจ้างวานใคร และมีชื่อว่าเป็นผู้นำสมัยคนหนึ่งเมื่อ ๖๐ ปีมาแล้ว เสื้อผ้าที่ท่านแต่งตัว
เข้าราชสำนักหรือออกงานสังคมหรูหราในสมัยนั้นก็เป็นฝีมือของท่านเองทั้งสิ้น
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว คุณพี่บุญรับยังเป็นผู้ที่อนุรักษ์ชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยในสมัยก่อน ซึ่งเป็นวัฒนธรรม
ที่ออกมาจากวังหลวง ท่านถือว่าความสะอาดเป็นของสำคัญที่สุดในความเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นทุกแห่งที่ท่านรับผิดชอบ
ดูแลจะต้องสะอาดอย่างหาที่ติไม่ได้ ตั้งแต่ครัว หม้อไหถ้วยชามทุกชนิดขึ้นไปจนถึงห้องนั่งห้องนอนจะต้องสะอาดหมดจดไปทุกแห่ง
ตัวผมเองที่เป็นน้องที่ท่านเลี้ยงมาก็จะต้องถูกจับอาบน้ำล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าวันละหลายครั้ง ไม่เคยมีสิทธิที่จะสกปรกได้
ทั้งๆที่อยากจะสกปรก ห้องนั่งห้องนอนเครื่องนอนทุกอย่างไปจนถึงสวนและสนามในบ้าน ท่านเป็นผู้คอยดูแลให้สะอาดสวยงาม
ส่วนมากมักลงมือเองเพื่อสร้างความสวยงามขึ้น เช่น ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ เลี้ยงต้นไม้ ตัดสนาม ถอนหญ้าแห้วหมู ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 23 ส.ค. 11, 10:25
|
|
พระองค์เจ้าคำรบกับหม่อมแดงถ่ายภาพร่วมกับบุตรธิดา และ ม.ร.ว. บุญรับแถวยืนคนที่สองขวามือเรา และ ม.ร.ว. คึกฤทธ์ นั่งกลาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 23 ส.ค. 11, 11:30
|
|
เมื่อคุณพี่บุญรับเป็นชาววัง ท่านก็มีฝีมือในสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของชาววัง การจัดดอกไม้และร้อยดอกไม้ทุกชนิด
ท่านทำได้สวยงามมาก จนกระทั่งท่านอายุร่วม ๘๐ ปี ท่านก็ยังร้อยมาลัยได้สวยและเย็บดอกไม้ได้งดงาม
เมื่อ ๕๐ - ๖๐ ปีที่แล้ว ร้านทำดอกไม้หรือจัดดอกไม้ไม่มีอย่างทุกวันนี้ เรื่องดอกไม้เป็นเรื่องที่ต้องทำกันเองในบ้าน
คุณพี่บุญรับมัดพวงหรีดเองให้ท่านพ่อไปวางงานพระศพหรือศพของท่านที่รู้จักเคารพนับถือ ถึงเทศกาลกฐินหรือ
มีงานบวชนาคซึ่งท่านพ่อรับเป็นเจ้าภาพ คุณพี่บุญรับก็ร้อยตาข่ายดอกไม้สดคลุมผ้าไตรที่ต้องใช้ รวมทั้งเย็บดอกไม้ประดับ
และร้อยอุบะห้อยคราวละหลาย ๆ ไตร ถึงจะอดหลับอดนอนก็ไม่เคยได้ยินท่านบ่น
สมัยยังนุ่งผ้าลายขัดคุณพี่บุญรับก็คอยดูให้คนขัดผ้าลายให้แม่และตัวท่านเอง แล้วเอาเข้าใส่หีบอบร่ำ ผ้าห่มก็เลือก
ย้อมสีให้ถูกต้องแล้วจีบมัดเข้าไว้และเข้าหีบอบร่ำเช่นเดียวกัน เครื่องหอมเช่นน้ำอบไทย น้ำปรุง แป้งร่ำ ท่านเป็นคนทำเองทั้งสิ้น
และทำติดต่อกันมาจนท่านชรามากแล้วจึงเลิก
ลูกหลานที่อยู่ใกล้ชิดท่านจะได้ความรู้เช่นนี้จากท่านทุกคน และในตอนท้ายแม้แต่พยาบาลซึ่งมาอยู่ประจำตัวท่านในยามชรา
ก็ได้วิชาชาววังไปจากท่านคนละไม่มากก็น้อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 23 ส.ค. 11, 16:42
|
|
สำหรับตัวผมคุณพี่บุญรับเป็นแม่ เป็นครูและเป็นที่พึ่งอุปการะผมมาตลอดชีวิตท่าน
พระคุณของท่านนั้นจะพรรณาอย่างไรก็คงจะไม่ถ้วนทั่ว
ตั้งแต่ผมจำความได้ คุณพี่บุญรับเป็นผู้เลี้ยงดูผมในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกินอยู่หลับนอนไปจนถึงความประพฤติ
ท่านเป็นผู้สอนให้ผมกินเป็น รู้จักรสและคุณค่าของอาหาร ท่านเป็นผู้สอนมารยาททั่วไปให้เข้ากับคนได้ทุกชั้น
ท่านคอยดูแลให้รู้จักรักษาความสะอาด ให้รู้จักความสวยงามและความเป็นเวลา ความรู้ในการปฎิบัติตนให้ถูกต้องกับกาละเทศะ
นั้นได้มาจากท่านตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่ทั้งที่ท่านเลี้ยงดูผมมาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เล็ก ท่านก็ไม่เคยเอาตัวผมออกไปห่างแม่
ความนักแม่ ความใกล้ชิดและความอบอุ่นของเด็กที่ได้จากมารดาผู้บังเกิดเกล้านั้น ผมมีอยู่บริบูรณ์ไม่บกพร่อง
มาคิดดูเดี๋ยวนี้ว่าคุณพี่บุญรับทำอย่างไรผมก็นึกไม่ออก คิดได้แต่ว่าท่านจะต้องมีวิธีการที่แนบเนียนมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 24 ส.ค. 11, 10:01
|
|
ทางด้านความเป็นครู คุณพี่บุญรับสอนหนังสือไทยให้กับผมตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเล็กมาก
จนผมจำไม่ได้ว่าเรียนกันเมื่อไรและอย่างไร รู้แต่ว่าเมือจำความได้นั้นอ่านหนังสือไทยออกเสียแล้ว
แต่มีหลักฐานพยานอยู่ที่หนังสือเรียนชื่อมูลบทบรรพกิจ ซึ่งคุณพี่บุญรับเก็บไว้ หน้าหนังสือนั้นทุกหน้า
มีรอยด่างเป็นดวงสีชมพูเต็มไปหมด คุณพี่บุญรับบอกว่าท่านให้ผมใช้ก้านธูปชี้ตัวหนังสือที่อ่าน เวลาที่อ่านผิด
หรือเกเรอย่างไรท่านก็ตี ผมก็ร้องไห้น้ำตาหยดถูกก้านธูปเป็นสีชมพู แล้วก็ตกไปที่หน้าหนังสือจนด่างเป็นสีชมพูทั้งเล่ม
ผมจึงอ่านหนังสือออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 24 ส.ค. 11, 10:10
|
|
พอเรียนภาษาไทยอ่านออกและอ่านหนังสือสามก๊กได้ดัง ๆ โดยผันชื่อจีนได้ไม่ผิด คุณพี่บุญรับ
ก็สอนภาษาอังกฤษให้ ท่านสอนให้รู้ภาษาอังกฤษได้ถึงขนาดที่ผมไปเรียนอนุบาลที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง
แหม่มโคลต้องตกใจที่เห็นเด็กโตแค่นั้นรู้หนังสืออังกฤษถึงเพียงนั้น นอกจากหนังสืออังกฤษหนังสือไทยแล้ว
คุณพี่บุญรับยังสอนคณิตศาสตร์บวกลบคูณหารได้พอสมควร ก่อนที่ผมจะไปเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียน การที่
ผมอ่านหนังสือได้สองภาษาไม่ติดขัดและพอคิดเลขในใจได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องคิดเลขไฟฟ้านั้น นับว่าเป็นบุญคุณของคุณพี่บุญรับมาจนบัดนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 24 ส.ค. 11, 10:28
|
|
คุณพี่บุญรับเป็นชาววังทั้งตัว เพราะฉะนั้นจึงมีอารมณ์ขันและปฎิภาณว่องไวในการพูดจา
ทำให้คนครึกครื้นได้มาก วิชานี้ผมก็ได้เรียนเอาไว้มากจากคุณพี่บุญรับ และได้ใช้ในการพูดและการเขียนมาตลอดชีวิต
ในทางกวีนิพนธ์คุณพี่บุญรับก็มีความรู้มาก เพราะท่านแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ได้ทุกอย่าง ยิ่งกว่านั้นจำวรรณคดี
ได้มากเรื่องและอย่างยืดยาว ซึ่งท่านนำมาใช้ในหลายโอกาสเพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน ความจริงลักษณะ
เช่นนี้เป็นลักษณะของผู้มีการศึกษาในเมืองไทยในสมัยหนึ่ง อันเป็นลักษณะที่ลึกซึ้งมาก เพราะเท่ากับว่าท่านเหล่านั้น
มีวัฒนธรรมไทยอยู่ในสายเลือด และแสดงออกอยู่ทุกขณะในชีวิตประจำวันของท่าน กาพย์กลอนโคลงฉันท์ที่ผมแต่งได้
และได้เคยแต่งมาแล้ว เป็นสิ่งที่ผมได้เล่าเรียนมาจาดคุณพี่บุญรับทั้งหมด ผลงานจะดีเลวแค่ไหนนั้นเป็นเรื่องของผม
แต่คุณพี่บุญรับเป็นแหล่งความรู้เบื้องต้นของผมในทางนี้ ความจริงคุณพี่บุญรับเคยแปลนวนิยายภาษาอังกฤษ
ไว้หลายเรื่อง ได้มีนิตยสารสมัยนั้นนำเอาไปตีพิมพ์โดยใช้นามปากกา และท่านได้แต่งฉันท์สี่สุภาพ
และกลอนเอาไว้มาก น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้สูญหายไปหมดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 24 ส.ค. 11, 15:58
|
|
คุณพี่บุญรับเป็นคนดุสำหรับเด็ก นอกจากผมแล้วน้องของท่านคนอื่นๆก็เกรงท่านอยู่ทั่วกัน
แต่สำหรับผมเมื่อทำผิดหรือซุกชนเกินการท่านก็ตีเอาเจ็บ ๆ ผมคงจะเป็นเด็กที่ซนร้ายกาจมาก
เพราะคุณพี่บุญรับท่านต้องตีกินเปล่าไว้วันละ ๕ ที ไม่ว่าจะทำผิดหรือไม่ทำ แต่คุณพี่บุญรับท่านตีชนิดเรา
พูดไม่ออกเพราะท่านเลี้ยงดูให้ปันอยู่ตลอดเวลา บุณคุณของท่านมากเกินไปที่จะนึกถึงความเจ็บตัวมากบ้าง
น้อยบ้างที่มีอยู่เป็นระยะ ๆ วันไหนท่านไม่ว่าหรือตีเสียอีกผมกลับไม่สบายใจนึกว่าท่านเบื่อตัวผม
เห็นว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงไม่ขึ้นเอาดีไม่ได้
คุณพี่บุญรับท่านรู้จักคนกว้างขวางมาก ตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวและพระมเหสีหลายรัชกาล ท่านก็ได้เฝ้าแหนเพ็ดทูลได้อย่างใกล้ชิด
ทรงโปรดปานคุ้นเคยแทบทุกพระองค์ เจ้านายพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และ
คนรุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านนั้น ท่านรู้จักคุ้นเคยมาก และท่านก็เป็นที่รักชอบของผู้คนทั่วไป คุณพี่บุญรับเป็นคนตรง
นินทาคนไม่เป็น มีอะไรไม่ถูกใจก็พูดกันต่อหน้า โดยไม่กลัวว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะโกรธ แต่ส่วนตัวท่านเองนั้นไม่มีความ
อิจฉาพยาบาทใครทั้งสิ้น จะโกรธใครก็โกรธเพียงชั่วแล่น เห็นใครได้ดีก็ดีใจกับเขาด้วยทุกครั้งไป
ุ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 24 ส.ค. 11, 16:22
|
|
ความซื่อสัตย์สุจริตนั้น คุณพี่บุญรับถือว่าเป็นของจำเป็นในชีวิต จะขาดไม่ได้หรือจะบกพร่องไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสั่งสอนอบรมผมในความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอดชีวิต แม้ผมจะเป็นผู้ใหญ่มีอายุมากแล้วท่านก็ยังไม่ละวาง
และยังเป็นห่วงคอยดูผมอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้ทำอะไรไปในทางไม่ชอบไม่ควรได้
เมื่อคุณพี่บุญรับทราบว่าผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านอุตส่าห์เดินมาถึงบ้านผม
ถือห่อกระดาษห่อใหญ่เอาการมาด้วย ท่านเอาห่อกระดาษนั้นยื่นให้ผมแล้วบอกว่า
"พี่เอาเงินมาให้ใช้ เอ็งจะได้ไม่ต้องไปโกงเขาให้เสียชื่อพี่ที่เลี้ยงเอ็งมา"
แล้วท่านก็ไม่ได้ให้หนเดียว ท่านเจือจานตลอดมาด้วยเงินทีละมาก ๆ ที่ผมไม่รู้จะกราบขอบคุณท่านอย่างไร
จึงจะสมเพราะท่านไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลยในชีวิตนี้ และผมก็ไม่เคยให้อะไรท่านนอกจากความรักและ
ความกตัญญูของน้องคนหนึ่งเท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 24 ส.ค. 11, 16:31
|
|
ครั้งหนึ่งมีคนไปพูดกับคุณพี่บุญรับถึงเรื่องการแจกซองขาวหรือรับซองขาวในวงการเมืองของไทย
และเรื่องเปิดประตูหลังบ้านรับคน คุณพี่บุญรับท่านตอบว่า
"เรื่องคนอื่นเขาจะแจกซองขาวหรือรับซองขาวกันฉันพูดด้วยไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้เห็นด้วยกับตา แต่ฉันรู้ว่า
นายก ฯ น้องชายของฉันคนนี้มันรับซองขาว เพราะฉันเป็นคนให้มันเอง ถ้ามันขืนไม่รับ ฉันคงตีมันทั้งเป็นนายก ฯ ให้มันรู้กันไป
น้องฉันคนนี้มันไม่มีทั้งประตูหน้าบ้านและหลังบ้าน แต่มันมีประตูข้างบ้านที่เปิดเข้าบ้านฉัน ฉันไปยื่นซองขาวให้มัน
ทางประตูข้างบ้านนั่นแหละ"
ม.ร.ว. คึกฤทธิ ปราโมช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|