เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 5712 ว่าด้วยคาถาเศรษฐี ครับ
k0be peerayotu@hotmail.com
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 19 เม.ย. 01, 04:59

เคยได้ยินคำกลอนที่ว่า

อย่านอนตื่นสาย
อย่าอายทำกิน
อย่าหมิ่นเงินน้อย
อย่าคอยวาสนา

ครับ
แต่มีเพื่อน ๆ มาถามผมว่ากลอนนี้มีต่อว่าอะไร ฉบับที่เต็ม ๆ น่ะครับ
ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน จึงขอถามพี่ ๆ ในกระดานข่าวนี้ด้วยครับ
อยากรู้เหมือนกัน
บันทึกการเข้า
แจ้ง ใบตอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 02 เม.ย. 01, 22:13

เห็นพี่ที่ทำงานด้วยกันเค้าติดไว้ที่โต๊ะ ก็เลยลอกมาให้อ่านครับ  ผมไม่ทราบว่าท่านผู้ใด
เป็นผู้แต่ง...

      มงคลชีวิต

อย่านอนตื่นสาย..................อย่าอายทำกิน
อย่าหมิ่นเงินน้อย................อย่าคอยวาสนา
อย่าเสวนาคนชั่ว..................อย่ามั่วอบายมุข
อย่าสุกก่อนห่าม..................อย่าพล่ามก่อนทำ
อย่ารำก่อนเพลง.................อย่าข่มเหงผู้น้อย
อย่าคอยประจบ..................อย่าคบแต่เศรษฐี
อย่าดีแต่ตัว.......................อย่าชั่วแต่คนอื่น  
อย่าฝ่าฝืนกฏระเบียบ...........อย่าเอาเปรียบสังคม
อย่าชื่นชมคนผิด.................อย่าคิดเอาแต่ได้
อย่าใส่ร้ายคนดี...................อย่ากล่าวมุสา
อย่านินทาพระเจ้า.................อย่าขลาดเขลาเมื่อมีทุกข์
อย่าสุขจนลืมตัว..................อย่าเกรงกลัวงานหนัก
อย่าพิทักษ์พาลชน................อย่าลืมตนเมื่อมั่งมี


ได้อ่านแล้ว ผมตกตั้งแต่ข้อแรกเลย กว่าจะตื่นได้ก็เกือบสองโมงเช้า(วันธรรมดา)
วันหยุดก็เที่ยง เคยมีครั้งหนึ่งผมตื่นตอนหกโมงเช้า ลองออกไปข้างนอก
ได้เห็นอะไรแปลกๆ เยอะเลยครับ เห็นพระบิณฑบาต ได้เห็นดวงอาทิตย์ดวงโตๆ
ได้สูดอากาศที่เย็นฉ่ำเข้าปอด ทำให้นึกถึงตอนวัยรุ่น ช่วงนั้นตื่นเช้ามาก เพราะราวหกโมงเช้า
ต้องพายเรือให้หลวงตานั่งไปรับบาตรจากญาติโยม (บิณฑบาตทางเรือ)  พอมาอายุเท่านี้
ตื่นเช้านักชักไม่ค่อยไหวครับ วันไหนตื่นก่อนเวลา ทำงานไม่ได้เรื่องเลย ง่วงตลอดวัน  
ส่วนข้ออื่นๆ พอกล้อมแกล้มไปได้ครับ...
บันทึกการเข้า
เรไร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 03 เม.ย. 01, 21:10

คุณตาเคยสอนไว้ค่ะ ว่า วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ถ้าคนเรายิ่งตื่นเช้ากว่าคนอื่นเท่าไหร่  ก็เป็นกำไร เพราะมีโอกาสได้ทำสิ่งต่าง ๆ ก่อน และมากกว่าคนอื่นเท่านั้น

เรือที่พระใช้พายไปบิณฑบาต  เป็นเรือลำเล็ก ๆ เรียว ๆ เขาเรียกว่า เรือบด หรือเปล่าคะ  
ดิฉันเห็นทีไร รู้สึกว่ามันเล็กนี๊ดเดียว ถ้านั่งไม่ดี หรือ พายไม่เก่ง ก็น่าจะล่มได้ง่าย ๆ
บันทึกการเข้า
k0be
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 04 เม.ย. 01, 14:58

ขอบคุณพี่แจ้ง ใบตองครับ
ผมเคยได้ยินแต่สี่วรรคแรกเท่านั้น
ไม่เคยได้ยินว่ามีต่อยาวแบบนี้เหมือนกันครับ


คราวนี้เพื่อนผม เค้าคงไม่มาถามผมทุกวัน ๆ อีกแล้ว ฮิฮิ ว่าหาเจอหรือยัง ครับ ฮิ ฮิ
บันทึกการเข้า
นกข. (ศิษย์วัด)
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 00:22

แม่หญิงเรไรเหมือนดอกฟ้า ส่วนไอ้กระผมก็เหมือนหมาวัด ไปอยู่ทัชมาฮาลแล้วเป็นไงครับมุมตัซเรไร...
เรือที่ว่าพระนั่งได้ลำละองค์เดียว พายเอง ลำเพรียวๆ เล็กนิดเดียว เข้าใจว่าเรียก เรือเข็มครับ ส่วนเรือบตนั้นผมนึกถึงภาพเรือบตในเรือเดินสมุทรฝรั่ง (แบบในเรื่องไททานิก) มากกว่า เดาเอาว่าคำนี้มาจาก Boat ?
เรือไทยๆ มีเรืออะไรอีก เรือมาด เรืออีโปง เรือสำปั้น เรือสำเภา เรือเอี้ยมจุ้นเรือชะล่า  ... ได้ยินมาแต่ชื่อครับ อธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าหลายๆ ประเภทพวกในนี้จะได้อิทธิพลมาจากจีน
สงสัยจะเป็นกระทู้ได้อีกเรื่อง แม่หญิงจะกรุณาไปตั้งไหมล่ะครับ
เรือพายคนเดียวที่พระพายบิณฑบาตนี่ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะเรือหางยาววิ่งกันออกเต็มคลอง ลูกคลื่นซัดเรือเล็กของพระท่านล่มหมด
บันทึกการเข้า
ศรีมนต์
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 00:52

ได้หญิงแม่หญิงเปรยถึงเรื่อง  เรือ
 ทำให้นึกถึงแม่น้ำลำคลอง    และพาหนะที่ใช้สัญจรทางน้ำขึ้นมา    
 เมื่อก่อนดิฉันก็ไม่เคยเข้าใจคำเปรียบเปรย  ให้สาวโสดต้องขึ้นคานบ้าง    
ไปอยู่คานทองนิเวศฯบ้าง  แต่พอมีโอกาสไปเยี่ยมชมคานเรือ      
จึงตระหนักดีว่า  " ทำไม ? "  ... เรือที่เก่า และหมดสภาพที่จะแล่นต่อไปได้  
จำเป็นต้องขึ้นคาน  ดิฉันก็เพิ่งทราบว่าเรือไม้ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ นั้น  
จริงๆ  มี   2  ประเภท  คือ เรือขุด  และเรือต่อ

เรือขุด คือ เรือที่เอาไม้มาทั้งท่อนซุง  มาขุดเอาเนื้อไม้ตรงกลางออกไป และขัดเกลารูปทรงเรือ    
ให้สวยงามตามแต่ช่างต่อเรือ จะมีจินตนาการ  มีตั้งแต่เรือขุดจากไม้ต้นตาลผ่าซีก  นั่งได้คนเดียว  
เรียกว่าเรืออีโปง  แล้วยังมีเรือม่วง เป็นเรือขุดลำเล็กๆ  รูปร่างเพรียวกว่า   มีไว้หนุ่มพาไปจีบสาว  
คงจะเป็นเพราะคล่องตัวดี  หาทางหนีทีไล่ได้ง่าย   นอกจากนี้ยังมีเรือหมูอีกค่ะ  ก็แล้วแต่รูปร่างเรือแหละค่ะ  
แต่มองแล้วก้เห็นจะเหมือนหมูเลยนะคะ
แล้วยังมีเรือมาดพาย,  เรือพายม้า,  เรือสามเกล้า,  เรือแม่ปะ, หรือเรือหางแมงป่อง
เรือยาวที่ใช้แข่งกัน  ในสมัยก่อน  ก็ใช้ไม้ตะเคียนมาขุด เช่นกันค่ะ
เรือขุดที่ดิฉันเคยทันเห็น และมีลำขนาดใหญ่ ก็เรือมาดพาย  เรือชะล่า ที่มีความงดงาม
ส่วนใหญ่เมื่อก่อนจะใช้พายกัน  แต่เดี๋ยวนี้  ก็ติดเครื่องกันทั้งนั้น  แต่เวลาได้นั่งเรือพายไม่ติดเครื่อง
จิตใจมันสงบตามนะคะ
บันทึกการเข้า
แจ้ง ใบตอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 01:02

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ตอบคำถามเรื่องเรือนิดนึงนะครับ



เรือที่พระใช้บิณฑบาต มีสองขนาดครับ ขนาดเล็กพายได้คนเดียว คุณช่วย พูลเพิ่ม แกบอกว่าไม่ใช่

เรือบดแต่เป็นเรือโอ่ (ที่เรียกว่าเรือโอ่เพราะว่า คนนั่งต้องทำท่าให้สมาร์ท โอ่ก็คืออวด อวดว่าเป็นคนเก่ง

พายเรืออย่างนี้ได้) เรือโอ่เรือพายขนาดเล็กรูปร่างเพรียว  ขนาดที่ว่าเวลานั่งขัดสะหมาดหัวเข่าทั้งสอง

เลยกราบเรือไปตั้งเยอะ เรือชนิดนี้ต้องใช้ความชำนาญมาก เพราะลำเล็ก ล่มง่าย คนที่พายเรือไม่เก่ง

แค่ก้าวลงเรือก็ล่มแล้ว เวลาพายเรือบิณฑบาต พระจะนั่งอยู่กลางลำ ข้างหน้าพระจะเจาะกระดานเรือให้

เป็นหลุมพอตั้งบาตรได้  เคยมีเหมือนกันที่พระใหม่ๆ ออกบินฑบาตแล้วเรือล่มถ้วยชามจมน้ำหายหมด

เนื่องจากไม่ชำนาญ (ผมเองก็เป็นนักพายเรือ แต่ยังไม่เคยพายเรืออย่างว่านี่เลย)



เรืออีกชนิดหนึ่ง ที่ผมพายกับหลวงตา เรียกว่าเรืออีแปะ มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย อย่างนี้ต้องพายหัวพายท้าย

พระนั่งหน้า ลูกศิษย์นั่งหลัง เวลาพายจะไม่พายข้างเดียวกันเพราะไม้พายจะไปชนกันเข้า ไม้พายนี่ต้องรักษาดีดี

เนื่องจากเวลาพาย ลำไม้พายจะสีกับกราบเรือ ก็จะคอดลงเรื่อยๆ  เวลาจ้ำแรงๆ จะหักได้ ต้องหาสายยางมาสวม

ตรงตำแหน่งที่สีบ่อยๆ แล้วตอกตะปูยึดไว้  



ส่วนเรือบดเป็นเรือสัญชาติไทยครับ ความหมายของเรือบดในพจนานุกรมคือ เรือต่อชนิดหนึ่งรูปเพรียว

หัวท้ายเรียว ถ้าใช้กรรเชียง มักท้ายตัดอย่างเรือบดทหารเรือ  ผมเข้าใจว่าเรือบด คงพ้องเสียงกับ

คำว่า Boat ในภาษาอังกฤษน่ะครับ เหมือนกับคำว่าไฟ



ชีวิตผมเกี่ยวข้องกับเรือมากพอสมควร แต่ก็เป็นเรือบางชนิดเท่านั้น ตอนนี้กำลังนึกๆ อยู่ครับว่าจะไปตั้ง

เป็นกระทู้ใหม่ดีหรือเปล่า ยังไงขอไปรวบรวมข้อมูลก่อนครับ



เอารูปเรืออีแปะมาให้ดูกัน เรืออีแปะคือเรือลำซ้ายมือ จะสังเกตเห็นว่า ตรงกราบซ้ายเค้าเอาสายยางผ่าตามยาวมาหุ้มกราบเรือเพื่อกันไม้พายไปสี ส่วนเรือของป้าที่ใส่งอบเรียกว่าเรือสำปั้นครับ
http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW444x006.jpg'>
บันทึกการเข้า
ศรีมนต์-
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 01:08

ส่วนเรือต่อ  คือ เรือที่ใช้ไม้ขนาดใหญ่  มาประกอบเข้าเป็นตัวเรือ โดยมีโครงยึดเปลือกเรือ เรียกว่า กระดูกงู    
 (มีทั้งกระดูกงูใน  กระดูกงูนอกค่ะ ) กงเรือ  กงเรือส่วนนี้ถ้าเป็นเรือบรรทุกสินค้า  จะถูกเสริมให้สูงขึ้น  
แล้วยังมีระบบกันซึมด้วย เส้นใยจากพืช พวก ปอ ผสมน้ำมันยาง ฯลฯ เรียกว่า หมัน ไว้ตอก ตามรอยต่อเรือ
แล้วใช้ชัน  ทาอีกที ( ความจริงกรรมวิธี และขั้นตอนต่างๆ มีมากกว่านี้ค่ะ)
เพื่อให้บรรทุกสินค้าได้มาก  ความจริง การขนส่งทางน้ำ เป็นการขนส่งที่ต้นทุนถูกที่สุด    
น่าที่จะมีการเชื่อมโยง  การขนส่งทางน้ำร่วมกับทางบก  ถ้าขนส่งทางน้ำ  น้ำหนักจะเกินพิกัดแค่ไหน  
จะไม่มีผลโดยตรงต่อแม่น้ำ เหมือนรถ มีต่อถนน  แต่จะมีผลต่อตัวสินค้า  และตัวเรือเอง ถ้าเกิดขนเกินน้ำหนัก
สังเกตได้ว่า  สมัยก่อน โรงสีข้าว ก็มักจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
เรือต่อลำใหญ่ ก้ได้แก่เรือขนทราย ขนหิน เรือขนข้าว ค่ะ
สมัยก่อนมีคำกล่าวที่ว่า อืดหรือเฉื่อยเป็นเรือเกลือ ก็เพราะ บรรทุกของหนัก จึงแล่นได้ช้าค่ะ
 เรือต่อก็มีตั้งแต่ลำเล็กๆ จนถึงลำใหญ่ขนาด เรือขนส่งค่ะ (เรือเข็ม ก็เป็นเรือลำเล็กๆ แต่เป็นเรือต่อค่ะ รูปร่างใกล้เคียงกับเรือม่วงค่ะ ทั้งเรือเข็ม และเรือม่วงนั่งได้คนเดียวค่ะ ใช้นั่งพายไปจีบสาวได้ แต่คงชวนสาวเที่ยวไม่ได้ค่ะ )
ส่วนเรือบด เป็นเรือต่อ ขนาดเล็กค่ะ แต่นั่ง 1-2 คน รูปร่างเพรียว หัว-ท้ายเรือ (ภายในเรือ) มักต่อด้วยไม้แผ่น ต่อเป็นรูปปีกกา  ปิดส่วนด้านหัวเรือและท้ายเรือ มีกระทงเรือยึดหัวท้าย มีมือลิงยึดปลอกเรือด้วย มีนำหนักเบา จึงแล่นได้เร็ว
นอกจากนี้ยังมีเรือผีหลอก เอาไว้หาปลาตอนกลางคืน มีตาข่าย และกระดานสีขาวไว้ล่อปลา ให้กระโดดข้าม แต่ไม่พ้น เพราะตาข่ายนั่นแหละค่ะ

ข้างบนขอแก้นะคะ เรือหมู มองไม่เหมือนหมมูนะคะ
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 01:10

มีรูปเรือโอ่ไหมครับคุณแจ้ง
ผมเคยเห็นเรือที่พระท่านพายออกบิณฑบาต แคบมากๆ กว้างประมาณ 1 ฟุตกว่าๆ
คาดว่าเป็นเรือชนิดเดียวกันครับ
บันทึกการเข้า
แจ้ง ใบตอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 01:15

กำลังหาอยู่ครับ แต่คิดว่าคงจะใช่เรือชนิดเดียวกับที่คุณจ้อพูดถึง แต่เรือเข็มผมไม่เคยเห็นเลย หรือจะเป็นเรือชนิดเดียวกัน แต่เรียกต่างกัน วันนี้ขอไปพักผ่อนก่อนครับ เดี๋ยวตื่นสาย โดยแม่หญิงตำหนิอีก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 08:09

กลายเป็นกระทู้เรือไปแล้ว
เคยเห็นเรือเล็กมาก หัวเพรียวท้ายเพรียว   นั่งพายคนเดียว เจอคลื่นจากเรือหางยาวก็น่าจะล่ม   ไม่รู้ว่าเรือโอ่หรือเรือเข็ม   แต่รูปร่างมันค่อนไปทางเข็ม
รู้จักแต่เรือเอี้ยมจุ๊น ซึ่งใช้เป็นบ้านอยู่อาศัยนอนในนั้นได้ด้วยค่ะ  ยังเห็นจอดอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ๆซังฮี้

ชอบฟังแต่ไม่มีความรู้ค่ะ    ตอนเล็กๆเคยเป็นเด็กริมถนน ไม่ใช่เด็กริมคลอง
บันทึกการเข้า
แจ้ง ใบตอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 05 เม.ย. 01, 12:52

ใครสนใจเรื่องเรือ ลิ้งค์ไปที่นี่เลยครับ มีรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตริมน้ำ รูปเรือไทยภาคกลาง  ฯลฯ น่าสนใจมากทีเดียว มีรูปเรือโอ่ หรือเรือเข็มด้วย



http://www.kularbnon.hsin.ac.th/skl/project/boat1/index.htm' target='_blank'>http://www.kularbnon.hsin.ac.th/skl/project/boat1/index.htm
บันทึกการเข้า
เรไร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 06 เม.ย. 01, 20:53

ไปดูตาม link ของคุณแจ้งมาแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบด่วยค่ะ

แม่หญิงเรไรไปอยู่ทัชมาฮาล เพราะไตร่ตรองแล้วว่า ถ้าไปอยู่สวนกล้วยก็คงรบกับนางตานีไม่ไหว หรือไปอยู่เจนีวาก็คงไม่แคล้วช้ำใจ พ่อนกกางเขนแสนจะเสน่ห์แรง กลัวถูกทอดทิ้ง จนหาทางกลับเรือนไทยไม่ถูก เลยเลือกเชื่อคุณแม่ยายไว้ก่อน

แค่เรื่อง "เรือ" ยังรู้ผิด ๆ  ถูก ๆ  แล้วจะไปเข้าใจอะไรกับ "ผู้ชายพายเรือ"
ว่าแล้วก็ถามต่อซะเลย สำนวนนี้มาจากไหนคะ  และ ทำไม ผู้ชายต้องพายเรือ
(ขออภัย คุณ kObe เจ้าของกระทู้คาถาเศรษฐีนะคะ กลายเป็นกระทู้เรือไปแล้วค่ะ)
บันทึกการเข้า
ไกรทอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 06 เม.ย. 01, 22:23

แม่หญิงเรไรอย่าลืมคุณหญิงหาญซะอีกคนซิครับ นางตานีคนเดียวซะที่ไหนกัน
เคยได้ยินเค้าพูดว่า "ผู้ชายพายเรือ  ผู้หญิงยิงเรือ" คือพายเรือข้ามไปสู่ฝั่งนิพพาน   แต่ผู้หญิงก็ยิงซะเรือล่มข้ามไม่สำเร็จ
จริงเท็จไงไม่รู้นะ  ไม่ได้คิดเองครับผม
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 09 เม.ย. 01, 19:12

นึกว่าไกรทองจะรู้แต่เรื่องแพ.. (ตอนปราบจระเข้นั่นน่ะ นั่งแพเล็กไม่ใช่หรือครับ)

คำอธิบายที่ว่าอ้างไปถึงการเดินทางข้ามห้วงสังสารวัฏ ไปสู่ฝั่งโน้น คือ พระนิพพานนั้น ผมยอมรับว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็เข้าเค้าดี

เคยคุยกันเรื่องนี้ในห้องมองอดีตนานแล้ว มีท่านผู้หนึ่งที่ผมเผอิญจำไม่ได้แล้วว่าใคร เข้ามาบอกว่า จริงๆ คำสำนวนอันนี้ต้องเขียนว่า ผู้ชายพายเรือ ผู้หญิงริงเรือ (ร.เรือสะกด) กิริยา ริง ไม่ใช่ยิง นี้ แปลว่า หน่วงไว้ ประวิงไว้ ดึงไว้ไม่ให้ไปไหน
ต่อมาคำว่าริงคงจะหายไปจากภาษา คนไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเลยเปลี่ยนลากเข้าหาคำว่า ยิง แทน
เท็จจริงยังไงไม่ทราบครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 19 คำสั่ง