Wandee
|
อ่านมาจากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ
ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์
วัดเทพศิรินทราวาส
วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๒๙
เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงอายุ ๒ - ๓ ขวบที่เข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เรียนหนังสือกับคุณเฒ่าแก่
ไว้จุกเมื่ออายุ ๖ ขวบตามประเพณี ถวายตัวแด่สมเด็จพระปิตุฉาเจ้า เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร
เรื่องที่น่าสนใจมากมายเช่น วิทยาลัยในพระบรมมหาราชวัง เรื่องขำขันซุกซนเป็นเลิศของท่านผู้หญิง
การไปเล่าเรียนในประเทศอังกฤษ เรื่องพี่น้องของท่าน ธรรมเนียมอันเคร่งครัดที่ปกครองความประพฤติของเด็กผู้หญิง
การอบรมให้เป็นผู้ประพฤติดี มีกตัญญู
เรื่องราวของท่านผู้หญิงได้เคยอ่านมาหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ไม่มีหนังสือเป็นสมบัติ สหายนักอ่านหนังสือเก่านำมาให้ยืมอ่าน
หลายเดือนแล้ว และดูเหมือนจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าทิ้งหนังสือไว้
อันที่จริงประวัติสกุลวงศ์ของท่านก็มีที่มาที่ไปอันยิ่งใหญ่ จะคุยกันก็จะได้ประโยชน์มากมาย มิใช่จะเล่าว่าท่านเป็นลูกใคร หลานใคร
เท่านั้นพอ
ท่านผู้หญิงพัวเล่าเรื่องของท่านไว้อย่างสนุกสนาน น่าอ่านมาก
การคัดลอกมาเล่านั้นไม่อาจจะทำให้ท่านที่ทราบเรื่องมาแล้วพึงพอใจได้ทุกคน เพราะขาดตกบกพร่อง
เป็นเพียงแต่แนะนำหนังสืออนุสรณ์ที่ดีเล่มหนึ่ง ให้แก่ผู้ที่สนใจและหาไม่ได้แล้ว
ผิดพลาดประการใดขอเชิญท่านที่มีอุปการะคุณลงมาขยายความ และสนทนากันให้เป็นที่พอใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 10 ก.ค. 11, 18:04
|
|
แปดสิบห้าปีที่ผ่านมา
ท่านผู้หญิงเกิดที่บ้านของคุณปู่ พระยาราชภักดี(โค สุจริตกุล)อยู่ตรงกันข้ามกับวัดปากน้ำ ตำบลคลองด่าน
จังหวัดธนบุรี บิดามารดาก็อยู่ในบ้านนี้ด้วย
เวลานั้นบิดามียศเป็นนายหัสบำเรอ ทำงานอยู่กระทรวงยุติธรรม เป็นเนติบัณฑิตคนแรกที่สำเร็จจากอังกฤษ
เป็นอธิบดีศาลต่างประเทศในเวลาต่อมา และมียศเป็น พระยาพิเชตพิเศษพิไสยวินิจฉัยโกศล
ท่านได้เลื่อนตำแหน่งโดยลำดับ จนเป็น เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 10 ก.ค. 11, 18:33
|
|
ท่านผู้หญิงบรรยายเรื่องธรรมชาติของบ้านริมน้ำไว้อย่างน่าฟัง
จึงขอคัดลอกมาตรง ๆ ตามประสานักอ่านที่ดี
"ด้วยเหตุที่เกิดริมน้ำจึงชอบน้ำมาก จำได้ว่าเมื่อหน้าน้ำ ทิวทัศน์ในคลองนั้นสดชื่นงดงามมาก ข้าพเจ้าชอบดู
เรือขนาดต่าง ๆ บรรทุกสินค้านานาชนิด ตลอดจนเรือจ้างบรรทุกคนโดยสารเต็มลำสวนกันไปมา เพลินดูจนเรือบรรทุกปลา
เน่าเพื่อจะเอาไปทำปุ๋ย บ้านเราอยู่ริมน้ำจึงมีกลิ่นต่าง ๆ โชยเข้ามา และเมื่อเปิดหน้าต่างเรือทุกลำที่ผ่านไปมา ถ้ามองเข้าไป ก็จะ
เห็นภายในบ้านเรือนได้ตลอด ในทำนองเดียวกันคนข้างในจะมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็จะได้ชมทิวทัศน์ในคลองได้ทั่ว เท่าที่สายตาจะมองเห็น"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 10 ก.ค. 11, 23:06
|
|
"บางวันน้ำขึ้นเปี่ยมฝั่ง คนแจวเรือต้องใช้เทคนิคช่วยในการแจว คือเขาจะเอาเท้ากันว่องไวของเขา "ถีบ"
บานหน้าต่างที่เปิดอยู่โดยแรง เพื่อให้เรือเหออกไปมาก ๆ จะได้แล่นได้สะดวก นับเป็นความสนุกอย่างหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ
ที่ได้เห็นภาพอย่างนี้ ในเวลานั้นเรือที่แสนชอบแลสนใจมากที่สุดเป็นพิเศษคือเรือขายขนม เพราะคนขายอยู่ในคลองถัด
ไปนั่นเอง และบางทีบ่อย ๆ ที่ขนมของเราก็คือผลไม้สวนที่ร่วงหล่น และลอยตามน้ำมาให้เรากิน
สมัยนั้นคนที่อยู่ฝั่งธนบุรี ต่างมีความคุ้นเคยกันดี เพราะรู้จักกันทั้งนั้น คือตั้งแต่คลองบางหลวงไปจนถึงคลอง
บางมด คลองบางแคและคลองอื่น ๆ แถบนั้น ตลอดจนหัวคลองท้ายคลอง เพราะมีคลองเล็กคลองน้อย ซอยทะลุถึง
กันหมดเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของจังหวัดธนบุรีในครั้งนั้น เด็กที่เกิดฝั่งธนมักจะถูกหัดให้ว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เมื่ออายุ
๕ ขวบ หรือว่าก่อนหน้านั้นนิดหน่อยเพื่อความปลอดภัย เพราะไม่ว่าจะไปไหน ไปวัด ไปโรงเรียน หรือตามบ้านคน
ต้องใช้เรือทั้งนั้น แม้แต่พระที่มารับบาตรตอนเช้า ก็ต้องใช้เรือเล็ก ๆ เฉพาะนั่งคนเดียว พายเองทั้งสิ้น พวกพี่น้องของข้าพเจ้า
เวลาไปโรงเรียน ก็ลงเรือสำปั้นข้ามไป เห็นยืนกันไปไม่ได้นั่งเพราะเรือชนิดนี้ใช้สำหรับแม่ค้าบรรทุกของไปขาย"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 10 ก.ค. 11, 23:28
|
|
เนื่องจากอยากขยายความถึงประวัติบุคคลบางท่าน ที่ ท่านผู้หญิงพัว อนุรักษ์ราชมนตรีเอ่ยถึง
จึงเตรียมหนังสืออ้างอิงไว้คือ
๑. ลำดับสกุลสุจริตกุล ราชินีกุลรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ราชนิกุล รัชกาลที่ ๘ และรัชกาลปัจจุบัน หนังสืออนุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระพิบูลย์ไอศวรรย์ (เปรียบ สุจริตกุล) วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
๒. พระบรมราชินี และ เข้าจอมมารดา ของ ส. พลายน้อย ๒๕๐๖
๓. การตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากร ๒๕๔๕
สหายนักอ่านหนังสือเก่าถามเสียงเฉียบว่า ใช้สุจริตกุลเล่มไหน วันดี เล่มเล็กจ้ะ สหาย ใช้เล่มของหม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยาซิ ดีกว่า วันดี ไม่มีจ้ะ
สหายที่เคารพนับถือท่านใดมี หนังสืออนุสรณ์ของหม่อมใหญ่ กรุณาย่อความที่เกี่ยวข้อง
นำมาลงประกอบ เรื่องที่กำลังคุยกันนี้ก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ แจ้งมาด้วยความหวังอันรำไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 10 ก.ค. 11, 23:53
|
|
มารดาของท่านผู้หญิง คือ คุณเง็ก สุจริตกุล เลี้ยงลูกยาก หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา
ทราบเรื่องนี้แล้วก็ขอคุณพัวไปเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อจะเอาเคล็ดให้เด็กรอดอยู่ได้ เพราะท่านมีบุตรถึง ๑๑ คน
มีชีวิตแข็งแรงดีทุกคน ท่านได้รับคุณพัวไปอยู่ที่วังสะพานถ่าน และ "เคล็ดลับ" ในการเลี้ยงเด็กให้รอ ก็คือการให้เด็กไป "ลอดท้องช้าง"
เพราะฉะนั้นท่านจึงจัดให้ได้ลอดท้องช้าง ขอใช้ช้างที่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นช้างหลวง และได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
โดยมีโรงช้างให้อยู่ด้านนอกของพระที่นั่งจักรี เนื่องจากการเดินทางจากวังสะพานถ่านเข้าไปในพระบรมมหาราชวังทุกวัน
เป็นระยะไกลมากสำหรับเด็กเล็ก ๆ ในสมัยนั้น ทั้งยังทำให้เหน็ดเหนื่อยด้วย ดังนั้นคุณพัวถูกส่งให้เข้าไปอยู่ในการปกครองดูแล
ของเจ้าจอมเพิ่ม สุจริตกุล ผู้เป็นคุณอาคนเดียว
(เจ้าจอมเพิ่ม ธิดาของพระยาราชภักดี(โค สุจริตกุล) ต่อมาเป็นท้าว วนิดาพิจาริณี เกิด พ.ศ. ๒๔๑๒ ถึงแก่อนิจกรรม ๒๔๗๗ อ้างอิง พระบรมราชินี และเจ้าจอมมารดา ของ ส. พลายน้อย)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 07:42
|
|
พระยาพิเชตพิเศษพิไสยวินิจฉัยโกศล คนในละแวกบ้านปากคลองภาษีเจริญ ออกนามท่านเจ้าคุณท่านนี้ว่า พระยา สาม พ. แล้วติดมาจนท่านเจ้าคุณได้รับหิรัญบัฏเป็นเจ้าพระยาแล้ว ก็ยังเรียกละแวกบ้านท่านว่า ย่าน สาม พ.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ritti018
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 09:36
|
|
ตอนแรก ผมนึกว่า ท่านผู้หญิงพัว เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับ พระสุจริตสุดา ซึ่งเกิดจากท่านผู้หญิงกิมไล้เสียอีกนะครับ..........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 11:42
|
|
คุณ ritti081 เข้าใจถูกแล้วค่ะ พี่น้องต่างมารดา
คนโบราณระมัดระวังถ้อยคำมาก และจะไม่นับญาติกับท่านที่มียศและบรรดาศักดิ์สูง
เพราะเกรงว่าจะโดนมองว่ากล่าวอ้างพาดพิงท่านผู้มีบุญวาสนา
ท่านผู้หญิงเมื่ออายุ ๙ ปี โกนจุกพร้อม พระสุจริตสุดา(เปรื่อง สุจริตกุล)อายุ ๑๓ ปีค่ะ
ท่านผู้หญิงกล่าวว่าพระสนมเอกเป็นธิดาคนโตบองบิดา
การพูดเช่นนี้ในปัจจุบันยังได้ยินอยู่บ้างเมื่อสนทนากับท่านผู้มีอาวุโส แรก ๆสะดุ้งค่ะ คิดว่าท่านผู้ใหญ่แบ่งแยกน้องต่างมารดา
แต่หลายครั้งเข้าก็เข้าใจว่าเป็นวิธีพูดเช่นนั้นเอง
ประวัติท่านเจ้าคุณพ่อลงชื่อลูกไว้ แต่ไม่ได้ใส่ชื่อมารดาเลยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ritti018
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 11:52
|
|
เรียน คุณ wandee ที่เคารพ
ชื่อของ ท่านผู้หญิงพัว ผมได้ยิน ได้เห็นเป็นครั้งแรกเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นอายุยังเป็นตัวเลขหลักเดียว
ซึ่งปรากฏชื่อนี้บนหนังสือเล่มนึง และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จุดประกายให้ผมเกิดความสนใจคำว่า ท่านผู้หญิง แปลว่าอะไร
ทำไมถึงใช้คำนี้นำหน้า และทำไม นามสกุลของท่านถึงดูอลังการนัก(อนุรักษ์ราชมณเฑียร)
และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัย ณ ตอนที่เป็นเด็กๆคือ เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ ด้านหลังจะลงข่าวว่าใครถึงแก่กรรมบ้าง ทำศพที่ไหน
จะสะดุดตาเมื่อเจอชื่อยาวๆ ซึ่งชื่อที่ว่านั้นเป็นนามของภริยาบรรดาขุนนางสมัยก่อน เช่น นางนิติอรรถทะเบียนเขตต์ นางชาติตระการโกศล หม่อม...ฯลฯ
ณ ตอนนั้นไม่ทราบจริงๆว่าทำไมถึงชื่อยาวแบบนั้น แทนที่จะมีชื่อ+นามสกุลเหมือนคนทั่วไป
ด้วยความสนใจในวัยเยาว์ทำให้กลายเป็น ritti018 ณ ปัจจุบัน ในห้องเรือนไทยแห่งนี้
และที่สำคัญคือ ทำให้ผมได้กัลยาณมิตรออนไลน์ที่มากไปด้วยความรู้เช่นคุณ wandee คุณเทาชมพู และอีกมากมาย
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ คุณ wandee ที่เคารพ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 12:35
|
|
ความสงสัย เป็นที่มาของ การค้นหาข้อมูลค่ะ
หลายอย่างที่เคยสงสัยในประวัติศาตร์ว่าแล้วเกิดอะไรขึ้น
ก็ได้คำตอบใหม่ ๆ แล้วค่ะ คอยให้อาจารย์ให้คะแนนก่อนแล้วจะจิ๊กรายงานของเพื่อน ๆ มาลงค่ะ
อ่านให้สหายบางคนฟัง ร้องเป็นเสียงต่าง ๆ กันอื้ออึง
ไม่มีใครจะรู้ได้ถ้าไม่ศึกษาค้นข้อมูลเพิ่มเติมหรอกค่ะ
การคุยแบบถูกคอกัน แก้ไขข้อมูลหรือเพิ่มเติมข้อมูลให้กันและกันเป็นสิ่งที่ดีงาม
เมื่อครู่เขียนกระทู้ไว้ค่อนข้างยาว แล้วโพส กระทู้หายวับไป ตอนนี้แวะไปเล่นเสภา ที่คุณหลวงเล็กรับไว้ในอ้อมกอดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 20:50
|
|
เจ้าจอมเพิ่มนำคุณพัว หลานอาอายุ ๒ - ๓ ขวบ ขึ้นเฝ้าเจ้านายบนพระตำหนักเทพดนัย
ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันปีหลวง ต่อจากพระที่นั่งจักรี ได้เฝ้าทูลกระหม่อมเอียดน้อย (พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว)
และได้รับพระราชทานชื่อ "พัวพันเพิ่ม" แต่คุณพัวสมัครใจใช้แต่ตัวหน้าตัวเดียว ในสมัยรัฐนิยมชื่อตัวเดียวเป็นเพศชาย ท่านเลยเติม "พัวพัน"
เข้าไปใหม่
พออายุจะเรียนหนังสือได้แล้ว คุณอาพาไปฝากเรียนกับ คุณเฒ่าแก่ทองสุก(แมว) วิวัฒนานนท์ เพราะอยู่แถวเต๊งใกล้ ๆ กัน
"เต๊ง" คือตึกแถวสองชั้นสำหรับเจ้าจอมและพนักงานชั้นใหญ่อยู่ อาทิเจ้าจอมแป้น พี่สาวเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี เสนาบดี
ในรัชกาลที่ ๖ ก็อยู่ที่นั่น
(อ้่างอิงการตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์ หน้า ๑๘๐ - ๑๘๓ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี(ม.ร.ว. ปุ้ม มาลากุล) ในพระวรวง์เธอกรมหมื่นปราบปรปักษ์ แรกรับราชการในกรมมหาดเล็ก ในรัชกาลที่ ๕ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น นายกวด หุ้มแพร แล้วย้ายมากรมวัง เป็นจมื่นจงภักดีองค์ขวา แล้วเลื่อนเป็นพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ถึงรัชกาลที่ ๖ ได้เป็นเสนาบดีกระทรวงวัง เลื่อนเป็นเจ้าพระยา)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 21:00
|
|
วันหนึ่ง คุณพัวซุกซนและไม่กลัวใคร คุณครูจึงจับตัวลงโทษ คือเอาไปไว้ใกล้ปากท่อน้ำใหญ่ทำท่าจะโยนลง
ความกลัวจะจมน้ำตาย เพราะว่ายน้ำยังไม่เป็น จึงตะโกนเรียกบรรพบุรุษของครู ครูโกรธมาก เพราะไม่เคยมีลูกศิษย์คนใดทำเช่นนี้
จึงนำตัวมาฟ้องคุณอาเพื่อให้ลงโทษ คุณอาเอ็ดเอาว่า เด็กไม่ควรจะล่วงเกินผู้ใหญ่ และท่านให้ทำพิธี "ขอขมา" ในวันรุ่งขึ้น
คือนำหัวหมูบายศรีไปเคารพครู ตั้งแต่นั้นมา ครูกับลูกศิษย์ก็เช้าใจกันดี ตั้งต้นสอนและเรียนกันต่อไปใหม่
หนังสือที่ใช้คือ มูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 21:46
|
|
พระที่นั่งสำหรับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นหลังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นหมู่พระที่นั่ง โดยประกอบด้วย พระที่นั่งต่างๆ ดังนี้ 1. พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้านตะวันออก ใช้เป็นห้องสำหรับพระราชทานเลี้ยง 2. พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้านตะวันออก เดิมใช้เป็นที่เสด็จออกขุนนาง และประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และเป็นสถานที่ทรงประกาศพระบรมราชโองการการเลิกทาส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระที่นั่งนี้ ตรงบริเวณที่เป็นพระตำหนักชั้นเดียวที่ทรงเสด็จพระราชสมภพ 3. พระที่นั่งดำรงสวัสดิ์อนัญวงศ์ เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ด้านตะวันตก ใช้เป็นห้องเครื่องลายคราม มีชื่อเรียกขานว่า "ห้องผักกาด" 4. พระที่นั่งนิพัทธพงศ์ถาวรวิจิตร เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ ด้านตะวันออกเป็นห้องพระภูษา 5. พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เป็นพระราชมณเฑียรที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ และพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ บางครั้งใช้เป็นสถานที่รับรองแขก 6. พระที่นั่งอมรพิมานมณี เป็นพระวิมานที่บรรทมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อจากพระเฉลียงด้านหลังพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร 7. พระที่นั่งสุทธาศรีอภิรมย์ เป็นห้องประทับสมเด็จพระอัครมเหสี อยู่ด้านตะวันออกของพระที่นั่งอมรพิมานมณี 8. พระที่นั่งบรรณาคมสรนี เป็นห้องทรงพระอักษร อยู่ด้านตะวันตกของพระที่นั่งอมรพิมานมณี 9. พระที่นั่งปรีดีราชวโรทัย เป็นห้องพักผ่อนพระราชอิริยาบถ ต่อจากพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร 10. พระที่นั่งเทพดนัยนันทยากร เป็นห้องสมเด็จพระราชโอรสและสมเด็จพระราชธิดา ทางด้านเหนือของพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร
พิกัดของพระที่นั่งเทพดนัยนันทยากร หากเดินเข้าท้องพระโรงกลาง ทะลุไปย้งท้องพระโรงหลัง มุ่งหน้าไปห้องเหลือง เดินไปทางซ้ายทางพระเฉลียงตรงไปยังห้องน้ำเงิน ซึ่งพระที่นั่งดังกล่าวอยู่ติดกับห้องน้ำเงินนั่นเอง ส่วนห้องเหลอืง เป็นสถานที่องค์เจ้าชีวิต เสด็จผ่านไปยังฝ่ายใน จะมีเข้าจอมต่าง ๆ พากันหมอบกราบเพื่อรับเสด็จ จนบังเกิดคำเย้ยหยัน "เจ้าจอมห้องเหลือง" เกิดขึ้น ซึ่งหมายถึง บรรดาเจ้าจอมที่มาคอยรับเสด็จและไม่มีบุญพอที่จะได้รับใช้เจ้ามหาชีวิตอย่างใดเลย วัน ๆ พากันมานั่งหวังเพื่อจะได้ถวายการรับใช้เป็นพอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 11 ก.ค. 11, 22:05
|
|
^ ^ คำตอบสำหรับกระทู้เสภาฤๅไฉน  เอารูปมาฝากคุณวันดี พระสุจริตสุดา ท่านผู้หญิงพัว อนุรักษ์ราชมณเฑียร และ สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ในรัชกาลที่ ๖ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|