^
^
อาจารย์คงต้องเหนื่อยเพิ่มเพื่อเล่าเรื่องเพิ่มเติมแล้วหละครับว่า "พระศรีศากยะทศพลญาณ" อันเป็นผลงานและฝีมือของท่านอาจารย์ศิลป พีระศรี มีความเป็นมาอย่างไร
และกับคุณ Puyum ผมเองก็ขออภัยครับที่ผมไม่ทราบเรื่องสมณศักดิ์ของหลวงพ่อแพครับ ได้ยินมาตั้งแต่เด็กก็เพียงคำว่า "หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง" เลยต่อว่าคุณไปนิดหน่อย
ขอช่วยลุงไก่ และ อ.เทาชมพู เพิ่มเติมข้อมูลครับ
เพื่อเฉลิมฉลอง ๒,๕๐๐ ปีของพุทธศาสนา รัฐบาลโดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี จึงมีมติให้สร้างพุทธมณฑลขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนาที่ประกอบด้วยสถานที่ปฏิบัติ ศาสนธรรม ศึกษาค้นคว้าเผยแผ่พุทธศาสนา เป็นที่ตั้งของการบริหารคณะสงฆ์ และพิพิธภัณฑ์พุทธศาสนา รวมทั้งเป็นนิวาสสถานของพระภิกษุสงฆ์ เสมอเหมือนนครศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนา ซึ่งก็คือการรื้อฟื้น โครงการ “พุทธบุรีมณฑล” ที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำริที่จะสร้างขึ้นเมื่อคราวเป็นรัฐบาลสมัยที่หนึ่ง ในบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสระบุรีในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๘๗ (ค.ศ. 1944) โดยจัดตั้งคณะกรรมการการจัดงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษแห่งพุทธศาสนา ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ (ค.ศ. 1954) อันมีพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานคณะกรรมการ
คณะกรรมการเห็นสมควรว่า ควรจะสร้างปูชนียสถานให้เป็นพุทธานุสรณ์ให้ยิ่งใหญ่กว่าปูชนียสถานใดๆ ที่เคยสร้างมาก่อน โดยอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินในจังหวัดนครปฐม มีอาณาบริเวณ ๒,๕๐๐ ไร่ และ สร้างพระพุทธปฏิมาปางลีลา สูงเฉพาะองค์ ๒,๕๐๐ นิ้ว (๔๐ – ๔๕ เมตร) “มีพุทธลักษณะเป็น ประติมากรรมของสมัยรัตนโกสินทร์ ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก แล้วหุ้มด้วยทองแดงหรือประดับ กระจก” โดยมอบหมายให้ ศิลป์ พีระศรี ซึ่งก็คือ คอร์ราโด เฟโรจี (Corrado Feroci) ผู้ได้แปลงสัญชาติเป็นไทยเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๗ (ค.ศ. 1944) และดำรงตำแหน่งคณบดีคณะประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผู้ออกแบบและปั้นหุ่นพระพุทธปฏิมา
ศิลป์ พีระศรี เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับพระพุทธปฏิมาในที่ประชุมคณะกรรมการฯ ว่า
พระพุทธปฏิมานั้น ไม่ใช่องค์พระพุทธเจ้าจริง เป็นแต่เพียงสิ่งแทนอันหมายถึง พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เท่านั้น ถ้าพูดในด้านความรู้สึกแห่งจิตใจแล้ว ควรเป็นแบบ Idealistic แต่อย่างไรก็ตามขอให้เป็นหน้าที่ของศิลปินผู้ออกแบบ จะเป็นแบบไหนก็ได้ ขอให้เกิดความรู้สึกก็แล้วกัน
ต้นแบบพระประธานพุทธมณฑล ที่ศิลป์ พีระศรี ร่างขึ้นนั้น แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่า “แบบ Idealistic” หรือ “แบบอุดมคติ” ของท่านนั้น ได้แก่แบบคลาสสิก (Classic) หรือแบบ ศิลปะกรีกโบราณ เช่นรูป “นักกีฬาพุ่งแหลน” ของโพลีไคลตุส (Polyclitus) ซึ่งปั้นขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๑๑๐ - ๑๐๐ (ก่อน ค.ศ. 450 – 400) (กำจร ๒๕๒๔, ๑๕๓) ซึ่งถึงแม้ว่าโพลีไคลตุส จะเป็นผู้ริเริ่มรูปยืนที่ทอด น้ำหนักไว้บนขาข้างเดียว หรือที่เรียกว่า “ตริภังค์” ในศิลปะของอินเดีย ซึ่งทำให้รูปนั้นดูมีชีวิตชีวาก็ตาม แต่นักวิจารณ์ร่วมสมัยของท่านก็ยังกล่าวว่า “โพลีไคลตุสไม่สามารถสร้างความเป็นเทพเจ้าได้” (Clark 1960, 36) น่าจะหมายความว่า เขาสร้างความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาไม่ได้ เช่นเดียวกันกับประติมากรรมของ ศิลป์ พีระศรี