เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 11054 ชมสวรรค์ชั้นฉกามาพจร
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 28 มี.ค. 01, 13:05

คุณนวลช่วยพาชาวเรือนไทยทัวร์เขาพระสุเมรุในกระทู้ก่อน    
 ตอนนี้ดิฉันขอเป็นเจ้าภาพ เชิญคุณนวลและสมาชิกเรือนไทยไปเยี่ยมๆมองๆ ชมสวรรค์จากที่ไกลค่ะ

เอาฉกามาพจรก่อนนะคะ  สวรรค์หกชั้นแรก
ชื่อแปลว่า (ผู้)ท่องเที่ยวไปในกามสุข จำนวน ๖ ชั้น
  คือเป็นสวรรค์ของเทวดาที่ยังมีกิเลสต้องเวียนว่ายตายเกิด   แต่มีความเป็นอยู่รื่นรมย์กว่ามนุษย์
เรียงลำดับจากล่างไปบนค่ะ
๑   จตุมหาราชิก  
โลเคชั่น- ตั้งอยู่บนยอดเขายุคนธร  สูงจากพื้นผิวโลก ๔๖๐๐๐ โยชน์
การแบ่งเขต หรือเคานตี้ - แบ่งเป็น ๔ เขต  มีหัวหน้าเขตเรียกว่าท้าวจตุโลกบาล  มี ๔ คน
มนุษย์ที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้   ต้องประกอบกุศลกรรม  รักษาศีลอุโบสถ  ยึดมั่นในพระรัตนตรัย แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นปฏิบัติทางจิต และยังไม่บรรลุถึงโสดาบัน
๒   ดาวดึงส์
โลเคชั่น - อยู่เหนือขึ้นไปจากชั้นแรก ๔๒,๐๐๐ โยชน์   ตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ
ผู้ปกครองสูงสุด- พระอินทร์    ซึ่งเป็นตำแหน่ง เหมือนประธานรัฐสภา ไม่ใช่ชื่อตัว  มีการหมดวาระได้

สวรรค์ชั้นนี้มีการกล่าวถึงเทพอื่นๆด้วย อย่างพระวรุณ พระปชาบดี   แต่ไม่ชี้เฉพาะลงไปกว่ามีหน้าที่อะไรแน่    แต่บางองค์ก็มีหน้าที่ชัดเจนเช่นพระมาตุลี เป็นผู้ขับรถให้พระอินทร์  พระวิษณุกรรมเป็นเทพแห่งช่าง มีหน้าที่เนรมิตอะไรต่อมิอะไรให้พระอินทร์ตามเทวประสงค์
ดาวดึงส์เป็นสวรรค์ที่คุ้นหูคนไทยชาวพุทธมากที่สุด    จนบางทีก็ทำให้เข้าใจผิดไปว่าเป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด เพราะมีการพรรณนาไว้โอฬารในวรรณคดีไทย  
อีกอย่างพระอินทร์ก็เป็นเทพที่ปรากฏกายในพระไตรปิฎกมากกว่าเทพอื่นๆ  มีบทบาทว่าเลื่อมใสพุทธศาสนาและเป็นโยมอุปัฏฐากองค์หนึ่งด้วย จนดูเหมือนกับว่าเป็นเทพองค์สำคัญที่สุดก็ว่าได้
 
ดาวดึงส์มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยพระเวท   ก่อนจะกลายมาเป็นสวรรค์ชั้นดังในพระไตรปิฎกสำหรับชาวพุทธ  เพราะฉะนั้นความเป็นมาก็เลยมีหลายกระแสค่ะ    ในที่นี้จะพูดแต่ส่วนที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาเพียงย่อๆ

มนุษย์ที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ ต้องประกอบกุศลกรรมยิ่งยวด เช่นการยึดมั่นในพระรัตนตรัยโดยไม่หวั่นไหว   มีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา  กตัญญูต่อบุพการี  เคารพสมณะชีพราหมณ์และผู้อาวุโสอย่างสม่ำเสมอ  แต่ก็ยังเป็นการประกอบความดีในชั้นโลกียวิสัยอยู่

๓      ยามา
โลเคชั่น   สูงกว่าพื้นดิน ๘๔,๐๐๐ โยชน์    อยู่สูงกว่าพระอาทิตย์   จึงไม่ได้อาศัยแสงอาทิตย์ให้ความสว่าง   สวรรค์ชั้นนี้มีลักษณะพิเศษคืออาศัยรัศมีจากกายเทพเองส่องสว่างตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง    ไม่มีกลางวันกลางคืน   ไม่มีเช้าสายบ่ายเย็น   อยากจะรู้เมื่อไรเช้าเมื่อไรค่ำ ต้องสังเกตดอกไม้บนสวรรค์  คือพอดอกไม้บานก็รู้ว่าเช้า   พอหุบก็รู้ว่าค่ำ
ผู้ปกครองสูงสุด    ท้าวสุยามเทวราช
มนุษย์ที่จะขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ คือผู้บริจาคทาน  แม้อยู่ในความสุขทางโลกก็ไม่ได้นิยมยินดีกับสิ่งนี้    มีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาเช่นเดียวกับเทพชั้นดาวดึงส์ แต่เพิ่มอีกอย่างคือถือศีลอุโบสถ
**************************
หยุดพักเพื่อคุยตรงนี้ก่อนค่ะ
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 22 มี.ค. 01, 14:13

สวรรค์ตามความเชื่อแบบชาวพุทธ นั้น ไม่ค่อยหวือหวาเหมือนสวรรค์ ตามคติพระเวทย์เท่าไหร่นัก สวรรค์แบบพระเวทย์ นั้น สนุกสนานเหมือนกับสวรรค์โอลิมปัสของเทพเจ้ากรีกกับโรมัน โดย เซอุส ที่เป็นเทพสูงสุดก็ใช้ สายฟ้าเป็นอาวุธเหมือนกับพระอินทร์ เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครจะลอกใครระหว่างกรีกกับอินเดียนะครับ หรือไม่ก็พ้องกันโดยบังเอิญ นอกเรื่องอีกแล้วผม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 22 มี.ค. 01, 15:02

สวรรค์ชาวพุทธค่อนข้างจะสงบค่ะ  เทวดาใจบุญสุนทาน ชอบฟังธรรม
การบันเทิงก็มีคาราโอเกะ   เทพขับระบำรำฟ้อนเท่านั้น
เอง
บันทึกการเข้า
นวล
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 22 มี.ค. 01, 18:59

มาอ่านค่ะ ... มีคำแนะนำ How to get there ด้วย อิ อิ อิ
มีบอกราคาค่าตั๋วด้วยหรือเปล่าคะ คุณเทาชมพู
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 22 มี.ค. 01, 20:08

๔   ดุสิต
โลเคชั่น-ไม่ระบุ
เป็นสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามากกว่าสวรรค์ชั้นอื่น  คือพระโพธิสัตว์ในชาติสุดท้ายก่อนจุติลงไปเป็นพระพุทธเจ้า ย่อมเสวยพระชาติอยู่ในสวรรค์ชั้นนี้
พระพุทธบิดาและพระพุทธมารดาก็ทรงอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต
พระศรีอาริยเมตไตรยก็ยังอยู่ในชั้นนี้  ทรงพระนามว่า "นาถเทวะ"
เทพบนสวรรค์ชั้นดุสิตใฝ่ธรรมะ  ฟังธรรมเป็นเนืองนิจ และปฏิบัติสมาธิด้วย
ผู้ปกครองสูงสุด-ท้าวสันดุสิต
๕   นิมมานนรดี
โลเคชั่น ไม่ระบุ
เทพบนสวรรค์ชั้นนี้คือผู้บรรลุโสดาบันแล้ว  สามารถเนรมิตสมบัติทิพย์ด้วยตนเองได้
๖   ปรนิมมิตวสวตี
โลเคชั่น-ไม่ระบุ
เทพพวกนี้บรรลุโสดาบันแล้ว แต่มีภูมิสูงกว่าชั้นที่ ๕  ไม่จำเป็นต้องเนรมิตสิ่งต่างๆเอง แต่จะให้ผู้อื่นเนรมิตให้
เขต-มีผู้ปกครองสองคนคือท้าวปรนิมมิตวสวตีและพญามาราธิราช  อยู่กันโดยไม่ไปมาหาสู่กัน

คุณนวล- ราคาตั๋วแพงเอาการละค่ะ  แค่ถือศีลอุโบสถดิฉันก็ไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 23 มี.ค. 01, 13:08

เอ๊ะ คุณเทาชมพูบอกว่ามีสวรรค์อยู่ 6 ชั้น
แล้ว สวรรค์ชั้น 7 ที่เคยสร้างเป็นหนัง ไทย เนี่ยอยู่ไหนเหรอครับ อิอิ
มาพาเรื่องเค้าเสียต่อไปอีก เฮ้อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 23 มี.ค. 01, 13:16

ชั้นนั้นคุณทรนง ศรีเชื้อเป็นผู้ครองค่ะ
บัตรผ่านคุณพระนายต้องไปสืบถามเอง
อย่าลืมบอกแม่นกยูงไว้ก่อนสมัครนะคะ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 23 มี.ค. 01, 16:58

สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ไม่ใช่ของคุณทรนงนั้น เข้าใจว่าเป็นสวรรค์ฝรั่งครับ ความเชื่อของฝรั่งโบราณว่า เลข 7 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์ฝรั่งก็เลยมี 7 ชั้น แต่จริงๆ ที่ว่าเลข 7 ศักดิ์สิทธิ์ ก็เข้าใจว่า เดิมมาจากพวกยิวพวกอาหรับโบราณ เข้าไปอยู่ในสมองฝรั่งผ่านทางศาสนาคริสต์
ดูเหมือนฝรั่งจะมีคำพูดอีกคำว่า สวรรค์ดั้นเมฆชั้น 9 คลาวด์ ไนน์ ว่ากันว่าเป็นสุขสุดๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 23 มี.ค. 01, 17:26

cloud no.9?
บันทึกการเข้า
เอก
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 24 มี.ค. 01, 01:11

สวรรค์มี 7 ชั้นจริง ๆ ครับ อย่าลืมโลกมนุษย์ซิครับ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่าโลกมนุษย์เนี่ยนะก็คือสวรรค์ โลกมนุษย์เป็นเพียงภูมิเดียวเท่านั้นที่พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญเพียรบารมีนานนับอสงไขยจะจุติลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพื่อนำเหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายข้ามห้วงแห่งความทุกข์ แม้สวรรค์ทั้ง 6 ชั้น กับสววรค์ชั้นพรหมทั้ง 20 ชั้น ( รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4 ) ก็ไม่อาจเทียบได้ และถ้าให้คิดกันในอีกแง่หนึ่งก็คือ โลกมนุษย์เป็นส่วนกลางของจักรวาลเป็นโรงงานที่จะส่งผู้คนไปยังดินแดน 3 แห่ง คือ แดนแห่งความทุกข์ ( นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ) แดนแห่งความสุข ( สวรรค์ทั้ง 6 พรหมโลก 20 ) และแดนแห่งนิพพาน ( พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ) ใครเลือกทางไหนก็สุดแต่กรรมพาไปเถิด
บันทึกการเข้า
นวล
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 24 มี.ค. 01, 02:32

ขอเบียดแทรกตัวเข้ามานอกเรื่องสักนิดว่า...
เจอแล้วค้า เจอ "โองการฯ" ของคุณ นกข แบบเต็มๆ แล้ว
ขอเวลาไปตั้งสติก่อนคีย์มาให้นะคะ ยาวเจงๆ ...
คุณ นกข อย่าลืมเตรียมเผาพริกกะเกลือด้วยนะ
จะได้ครบสูตร
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 24 มี.ค. 01, 03:19

ขอบคุณครับป้านวล
ผมกะไม่เผาพริกเผาเกลือหรอกครับ แสบร้อนแย่ อันนั้นเป็นการสาปแช่งกัน แต่ผมตั้งใจจะเอาไปใช้ในวัตถุประสงค์ที่นุ่มนวลอ่อนโยนหอมหวานกว่าแยะ กะไปทำพิธีร่ายโองการเสกไอติม สาบานรักครับ แต่ยังหาคนร่วมกินไอติมเสกสาบานด้วยไม่เจอ...
บันทึกการเข้า
นวล
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 24 มี.ค. 01, 12:05

โอ้... อ่านความเห็น # 11 แล้ว น่าฉงฉานเป็นที่ซู้ดดดด...
ส่งใจไปลุ้นเต็มทีค่ะ พร้อมกับขอโฆษณาว่า
หนุ่ม นกข. นี้เป็นคนดี มีน้ำใจ ความรู้ดี
อาชีพการทำงานมั่นคง อารมณ์ดีเป็นนิจ
สุภาพ ทะลึ่งนิดๆ (เพื่อให้จิตแจ่มใส)
ไม่รังเกียจเข้าครัวทำอาหาร มีเหตุมีผล
และให้เกียรติผู้หญิงค่ะ... (ว้าววววววว!)
ผู้ใดสนใจโปรดติดต่อขอไปทานไอติมด้วยตนเอง
[ป.ล. สรรพคุณที่ได้บรรยายมานั้น เป็นความรู้สึกจริงๆ
ที่ได้รับจากการตามอ่านข้อเขียนของคุณ นกข.
ป.ล.ล. ป่าวได้ค่าโฆษณา หรือค่านายหน้า (แต่ถ้าได้ ก็ดี)
ป.ล.ล.ล. ขออำไพเจ้าของกระทู้ด้วยที่เลี้ยวออกนอกเรื่อง
มาตั้งไกล รู้สึกว่าอิฉันกำลังหลงทางอยู่อ่ะ]
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 24 มี.ค. 01, 15:04

เอ อย่างนี้คุณนวล ไม่ไปเจนีวาซะเองเลยดีกว่ามั้ยครับผม เค้าว่าสวิสนี่ก็สวยเหมือนแดนสวรรค์เหมือนกันนา อาจจะเป็น ยูโทเปียได้บ้างเหมือนกัน โยงเข้าเรื่องซะหน่อย อิอิ
บันทึกการเข้า
นวล
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 24 มี.ค. 01, 19:21

อิ อิ อิ คุณพระนาย โนแคนดู โนแคนดู
ขืนไปเจนีวา อิฉันก็กลายเป็น กขค.
ของคุณ นกข. ไปนะซิ
แต่ไม่ว่าจะทำโฆษณาดีอย่างไง อาจเป็น
ลิขิตของสวรรค์ ให้คุณ นกข. ต้องเป็น
สลก. อยู่หมู่บ้านคานทองแท้ก็ได้ อิ อิ อิ

อีกอย่าง..  อะแอ่ม สวรรค์ของอิฉันอยู่ที่
กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ........ อมรพิมาน
อวตารสถิตย์ ........
ดังนั้น สิบเจนีวา ก็มิอาจมาเทียบหนึ่งกรุงเทพฯ ได้
(ถึงจะน้ำท่วมทุกปีก็เหอะ... เฮ้อออออ!)

ว่าแต่ คุณพระนายช่วยกระโดดคว้าคุณ นกข หน่อยเถอะ
รู้สึกว่าอ่านคำโฆษณาของอิฉันแล้ว ตัวจะลอยไปไหนแล้ว
ก็ไม่รู้ 5555555
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 19 คำสั่ง