เอาคำบ่นของอาจารย์ภาษาไทยมาให้อ่านกัน
บทความเรื่อง คำไทยที่หายไป โดย ศิริวรรณ์ ฉายะเกษตริน หัวหน้าโครงการหมอภาษาพัฒนาเยาวชน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานณ วันนี้ พุทธศักราช ๒๕๔๗ ชาวเขาบนดอยตุงคนหนึ่ง (อายุประมาณใกล้ ๆ หกสิบปี) บ่นให้เราฟังว่า ทุกวันนี้สตรอเบอรี่ในไร่ของแกมีออเดอร์มาก แพ็คไม่ทันบางครั้งต้องแคนเซิลไป แกพูดคำว่า "ออเดอร์" "แพ็ค" "แคนเซิล" อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ทั้ง ๆ ที่แกไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษจนนิดเดียว จึงไม่น่าประหลาดใจที่คนเมืองของเราในกรุงเทพมหานคร จะใช้คำว่า ฮัลโหล โอเค ฮอลิเดย์ ช็อปปิ้ง เช็คอิน เช็คเอ้าท์ เคาน์ดาวน์ รีเควส ดินเนอร์ วีคเอ็นด์ พรีเซ็นต์ สคริปต์ รูสต๊อก แกรนด์เซล แท็กซี่ เทสต์เสียง เช็คบิล ไดเอท แบรนด์เนม มีทติ้ง คอนเสิร์ต คอมเม้นต์ บอสส์ สตัฟฟ์ เก็ตหรือยัง โปรแกรม ซีร็อกซ์ รีไซเคิล ปรู๊ฟ ชีท แฮร์ เคลียร์ ฮอลล์ หมดมู้ด เฟล ฟอร์ม แดนเซอร์ โปรดิวเซอร์ บ๊ายบาย ซุปเปอร์มาเก็ต มินิมาร์ท เรสเตอรอง ฟรีแรนซ์ แฮนด์เมด รีเซ็บชั่น ไฮคลาส ไฮโซ โลว์เทสต์ สปิริต ออฟฟิศ สปอร์ตคลับ เซอร์ไพรส์ โหวต โพล ฯลฯ
ทั้งนี้ไม่ได้รวมศัพท์เทคนิคต่าง ๆ ของบางวงการ เช่น แพทย์ ธนาคาร เศรษฐศาสตร์ หรือศัพท์เฉพาะของศาสตร์สาขาต่าง ๆและไม่รวมคำที่ไม่มีใช้ในภาษาไทยจึงต้องใช้ทับศัพท์แต่จะขอเรียกร้องเฉพาะคำที่มีใช้ในภาษาไทย แต่ไม่ต้องการใช้ พอใจที่จะใช้คำภาษาต่างด้าวมาแทน อาจจะด้วยเหตุผลนานาจิตตัง เช่น คิดคำไทยไม่ออก เข้าใจยาก ติดภาษาฝรั่ง เคยชิน ดูเก๋ ทันสมัย ได้อารมณ์ ดูมีการศึกษาสูง ดูฐานะดี ฯลฯ อะไรก็ว่ากันไป
จะขอยกตัวอย่างประโยคที่นิยมใช้กันหนาหู เช่น เวลาจัดรายการวิทยุ "เบรคหน้าขอให้ทุกสายรีเควสเข้ามานะครับ” และในชีวิตประจำวันเราก็จะได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ เช่น ปีใหม่นี้จะไปเคาน์ดาวน์ที่ไหน, วีคเอ็นด์นี้จะไปฮอลิเดย์ที่ไหน, ช่วงนี้บีซซี่มากเห็นทีจะไปช็อปปิ้งแค่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ คอนโด เท่านั้นพอ, วันนี้ขอเคลียร์กันหน่อย, ขืนฟอร์มมากโดนเช็คบิลแน่, ทำอะไรให้มันแฟร์ ๆ หน่อย, วันนี้ปวดเฮดจังสงสัย ซีเรียสไปหน่อย ไปรีแลกซ์ ย่านสยามสแควร์แถวเซ็นเตอร์พ้อยท์กันเถอะ โอ.เค.?
ณ วันนี้ปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ เช่นกัน ท่านลองวิเคราะห์บทสนทนาต่อไปนี้ดูว่าคำไทยของเรา มีเหลืออยู่กี่คำในวิถีชีวิตของคนเมือง
"วันนี้ เราจะเอาโปรเจ็คต่าง ๆในมาสเตอร์แพลนมาพรีเซนต์ดูกันในบอร์ดเพื่อจะได้
เบรนสตอร์มมิ่ง และแชร์ไอเดียกัน รวมทั้งช่วยกันแอพพรู้ฟก่อน ถ้าโอ.เค.ไม่มีคอนฟลิคท์อะไรก็จะได้ฟอร์ม กรุ๊ฟทำงาน และขอตั้งบัดเจทไว้เสียแต่เนิ่น ๆ จะได้ชัวร์ และอย่าลืมงบเอ็นเทอร์เทนแอดเข้าไปด้วยล่ะงานจะได้สมู้ธ เข้าใจ ? อึ…ม ! แล้วก้ออย่าลืมไปดีลกับเซ็คชั่นต่างๆ ให้หมดล่ะ ฮาร์ตแวร์ ซอฟแวร์ที่จะเตรียมไปก็คอนเฟิร์มให้เรียบร้อย งานจะได้เพอร์เฟค และโฟลว์เสียที ฟอร์มแล้วเฟล ฟอร์มแล้วเฟล หมดมู้ด ยังไง ๆ จ๊อบนี้ขอแฮบปี้สักจ๊อบนะ โอ.เค.
แล้วลองหันมาดูเรื่องชื่อของคนไทยกันบ้าง โดยเฉพาะการตั้งชื่อเล่น (ก็มักไม่ค่อยเรียกชื่อเล่นกันแล้ว มักใช้ว่า "นิคเนม") เดี๋ยวนี้คนไทยเขามีชื่อเล่นกันดังต่อไปนี้
น้องแคท น้อยจอย น้องบอย น้องเปิ้ล น้องเบิร์ด น้องบ๊อบ น้องท็อป น้องไทด์ น้องไมด์ น้องนัท น้องแนน น้องแคน น้องโค้ก น้องฮาย น้องมาย น้องเมร์ ฯลฯ บางทีก็นิยมมากกว่าพยางค์เดียว เช่น ญาญ่า ชาช่า นีโน่ วิลลี่ บ๊อบบี้ โทนี จิ๊กกี๋ จีจี้ พอลล่า มาช่า บิลลี่ นาตาชา คริสติน่า บาบาร่า ฯลฯ ถ้ามีเชื้อสายก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าคนไทยแท้ ๆ …… ขอร้อง ๆ โดยเฉพาะวงการดารา นักร้อง ด้วยแล้ว ถ้าชื่อเป็นไทย อาจถึงกับไม่มีใครดู ไม่มีใครฟังกันทีเดียว หรือแม้แต่หน้าตา ถ้าหน้าไทย ๆ ก็ไม่เป็นที่นิยม หากินไม่ได้ต้องไปเสริมดั้ง เหลาคาง ทำตาหลาย ๆ ชั้น แบบฝรั่ง จึงจะเข้าตากรรมการ
อาหารไทยซึ่งกำลังจะรณรงค์ให้เป็นครัวของโลก คนต่างประเทศนิยมรับประทานทอดมันปลา ต้มยำกุ้ง ข้าวผัดกะเพรา ฯลฯ แต่คนไทยกลับนิยมพิซซ่า แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ เค้ก พาย สลัด สเต็ก บาร์บีคิว ฯลฯ ถึงขนาดนี้แล้วคงไม่ต้องเสียเวลาไปเชิญชวนให้ฟังเพลงไทยเดิม สองชั้น สามชั้น เพลงเกา เพลงตับ ให้ป่วยการเปล่า หรือไม่ต้องเรียกร้องให้นุ่งกระโจมอกอาบน้ำ แบบอังศุมาลินหรือนุ่งผ้าซิ่น อยู่กับบ้าน แต่ขอร้องเพียงแค่จะกินจะอยู่ จะนุ่งจะห่ม จะพูดจะจา ก็ดูให้งามอย่างไทย ไว้หน้าบรรพบุรุษ หรือให้เกียรติบรรพชนไทยบ้าง ทุกวันนี้เราขายวัฒนธรรมที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ที่บรรพบุรุษไทย สั่งสม สืบทอด มาให้เป็นต้นทุน หากเราไม่รักษาไว้กลับไปเอาของใหม ๆ เข้ามาปะปนมากลบกลืน จนไม่รู้ว่าของเดิมเป็นอย่างไร ของแท้คืออย่างไร เราก็จะถึงวันที่เรียกว่า "ทุนหายกำไรจม" ไม่มีใครเขาจะเสียเงินค่าเครื่องบินเดินทางมาดูของหาง่าย หาดูที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องมาดูถึงเมืองไทย ที่เขามาเพราะเขาต้องการมาดู "ความเป็นไทย" มาดูคนไทย ดูวัฒนธรรมไทย ดูรำไทย ดูวัดไทย ดูเมืองไทย ชิมอาหารไทย ฟังภาษาไทย ฟังเพลงไทย สัมผัสบรรยากาศแบบไทย ๆ ชนบทไทย น้ำใจคนไทย ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเอกลักษณ์ เป็นสมบัติวัฒนธรรมของไทยที่ไม่มีที่อื่นในโลกเป็นมรดกโลก เราต้องภูมิใจ ต้องอนุรักษ์รักษาไว้อย่างเหนียวแน่นมั่นคง ช่วยกันกอบกู้วิกฤติวัฒนธรรมของชาติ เรียกร้องให้ค่านิยมแบบไทย ๆ กลับคืนมาสู่หัวใจของคนไทยอีกครั้ง โดยเริ่มต้นเสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป เริ่มต้นที่ตัวเรา ใช้สินค้าไทย รับประทานอาหารไทย อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ชื่นชมวิถีชีวิตไทย ยกย่องคนที่ใช้ภาษาไทยถูกต้อง ชัดเจน สนับสนุนสื่อที่นำเสนอความเป็นไทย ปลูกฝังสั่งสอนลูกหลานของเราให้นิยมไทย ให้มีความเป็นไทยมากที่สุด ถึงแม้จะมีหลายคนหัวเราะ และคิดว่า "เราจะขวางโลกได้อย่างไร" เราก็คงจะมีคำตอบอยู่ในใจอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว และมีสติว่าอย่างน้อยเราก็จะช่วยชะลอวันเวลาที่จะได้ยินว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ชื่อ วิลเลี่ยม, แอนดรู หรือไมเคิล……… ให้ช้าลงบ้าง
หวังว่าบทความจากความรู้สึกนึกคิดฉบับนี้จะช่วยสะกิดใจคนไทยด้วยกันบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยกันรื้อฟื้นทวงเอาคำไทยของเราคืนมา
