ผมมัวแต่ไปรื้อลังหนังสืออยู่ เลยไม่ทันคุณ Siamese เลย
แล้วทีนี้เวลาเทน้ำข้าว คุณ Siamese คิดว่า ผู้หญิงนั่งท่าไหน ผู้ชายนั่งท่าไหน เลยไปถึงท่านั่งเวลาขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวด้วยก็ได้
ถึงกับไปรื้อหนังสือมาเลยหรือครับ

เรียกได้ว่า
"หยิบเบี้ยใกล้มือ" เอามาใช้นะครับ
มาถึงอารมณ์เทน้ำข้าว จะให้เย้ายวนออกลีลาพากำหนัดแบบท่าขูดมะพร้าวมิได้ ด้วยความร้อนประการหนึ่ง ด้วยต้องเอาจวักคนข้าวไม่ให้ติดก้นหม้อประมาณหนึ่ง ท่าที่สะดวกที่สุด คงไม่พ้นท่านั่งยอง ๆ ด้วยต้องออกกำลังแขนยกหม้อข้าวข้ามเตา ขยับเยื้องวางบน
"เสวียน" ก่อนรินน้ำข้าวทิ้งไป เมื่อเตาว่างลงก็ต้องรีบยกสิ่งหนึ่งสิ่งใดวางบนเตาต่อไป ไม่พลอยให้เสียเวลา
อันว่า "เสวียน" คำนี้เชื่อว่าไม่มีใครรู้จักกันแล้ว อ่านว่า สะ - เหวียน เป็นเชือกหวายถักขึ้นเป็นวงกลม ไว้สำหรับรองภาชนะที่ร้อน ๆ เช่น หม้อข้าว และหม้อแกง หรือ หม้อคะนน บางครั้งก็ทำหูยาวดั่งสาแหรก ไว้สำหรับยกได้
นั่นแน่ คุณ Siamese นำสำนวนมาโมเมหลอกตีกินเฉยเลย มีที่ไหนกันครับ หยิบเบี้ยใกล้มือ เขามีแต่ “สิบเบี้ยใกล้มือ” ฮิ ฮิ แต่คำว่า “เสวียน” ทำให้ คำที่หายไป ในอดีตหลั่งไหล
กลับมาอีกหลายคำเลยทีเดียว
เมื่อตอนอายุราว ๘-๙ ขวบ ได้เห็นคุณตาท่านหนึ่งนั่งถัก เสวียน อยู่บนศาลาวัด แต่ท่านไม่ได้ใช้เชือกหวายเหมือนของคุณ Siamese หรอกนะครับ ท่านใช้เชือกกล้วยชุบน้ำถัก ลักษณะ
เหมือนมงคลสวมศีรษะขยายขนาด
ต่อมาราวปี 2534-35 ผมอยู่ที่ทองผาภูมิ ได้เห็นคนงานชาวมอญถัก เสวียน อีกครั้ง ครั้งนี้ถักด้วยหญ้าแฝก แน่นและสวยงามไม่แพ้ถักด้วยเชือกกล้วยเลย
และหม้อคะนนทำให้ผมหวนนึกถึงหม้ออีกชนิดหนึ่งเหมือนหม้อคะนน นั่นคือ “หม้อพะเนียง” สำหรับบรรจุน้ำ
สมองเตลิดเปิดเปิงไปถึงวัยเด็กที่เมื่อถึงเวลาปิดเทอมชีวิตก็จะตะลอนหัวหกก้นขวิดอยู่ตามหัวไร่ปลายนา นึกถึงภาพการนวดข้าวที่ก่อนนวดต้องมีการเตรียมลานนวดให้พร้อมโดยการใช้ขี้ควาย
(ใครจะเรียกมูลควายผมก็ไม่เกี่ยง) ผสมน้ำฉาบบนลานแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อถึงเวลาก็นำข้าวที่เกี่ยวแล้วมาสุมไว้บนลานนวดเกลี่ยให้กระจายสูงพอประมาณแล้วจูงควายที่สวมตะกร้อปาก
แล้วขึ้นมาเหยียบย่ำบนกองข้าว เดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น ระหว่างนั้นจะมีคนคอยเอาไม้สองชิ้นยาววาเศษ ลักษณะโค้งงอ ปลายคล้ายตะขอคอยสงฟางให้ฟูกระจายเป็นระยะๆ ไม้สองชิ้นนี้
เรียกว่า “ไม้กระดองหาย” ไม่ทราบว่าคุณ Siamese พอจะนำภาพ ไม้กระดองหายมาให้ดูได้ไหมครับ เพราะผมบรรยายลักษณะไม่เป็นเขียนไปตามภาพความทรงจำของสมองเท่านั้น