เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 269357 คำไทยที่หายไป
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 120  เมื่อ 12 มิ.ย. 11, 12:04

แม่ถนิมสร้อย

เออ...คำนี้ใช้กับบุรุษบ้างหรือไม่ครับ ยิ้มกว้างๆ

ชื่อหนังสือของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์



"ทำไมใช้ชื่อเรื่องว่าสนิมสร้อย"

"อันนี้ผมก็นึกไม่ออกนะ มันมีวลีโบราณ ๆ คนสนิมสร้อย จะเป็นถนิม สนิมอะไรก็แล้วแต่ มันหมายถึงคนหยิบโหย่ง เป็นคนไม่จริงจัง ก็เลยเอามาตั้งชื่อประชดประชันอะไรทำนองนั้น ความจริงโสเภณีเป็นคนจริงจังกับชีวิตมาก เป็นงานที่หนักที่สุดเลย หนักมากกว่าการเป็นรัฐมนตรีหญิงสักคน รู้สึกจะตั้งด้วยความประชด ๆ เพราะคนแก่ชอบด่าเด็กผู้หญิงที่หยิบโหย่งหรือขี้เกียจ ๆ ว่าอีนี่สนิมสร้อยหรือ อ้อยอิ่งเหลือเกิน นวยนาด ยืดยาด ต้วมเตี้ยม เป็นอย่างนั้น"

http://www.tuneingarden.com/work/b-04sn-bk001.shtml


บันทึกการเข้า
bangplama
ชมพูพาน
***
ตอบ: 168



ความคิดเห็นที่ 121  เมื่อ 12 มิ.ย. 11, 12:16

ู^
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงใช้กับบุรษได้ คือโรคบุรุษ เจ๋ง
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 122  เมื่อ 12 มิ.ย. 11, 14:22

กำลังดูภาพยนตร์ DVD อยู่  บังเอิญมีฉากที่มารดากำลังจะให้กำเนิดบุตรทำให้นึกศัพท์ได้อีกคำที่กำลังจะหายไปจากสารบบ  คือคำว่า
"น้ำทูนหัว"  แต่ผมเป็นบุรุษที่ไม่ค่อยจะสุภาพจึงกระดากที่จะเขียน  งานนี้จึงเรียนเชิญคุณสุภาพสตรีให้บรรเลงแทนครับ  ท่านใดที่คิดว่า
จะอธิบายให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้ผมขอเชิญเลยครับ
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 123  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 09:07

"ไข่เหี้ย" เจ้านี้ "ไม่เอาอ่าว" จริงๆ  "แข็งเป็นหัวโจร" เลย
ไม่รู้จะทน "ทู่ซี้" กับผัวเฮงซวยหยั่งงั้นทำไม  ทำตัวเป็น "ผีไม่มีศาล" "เด็กอมมือ" มันยังรู้
โอ้ย  จะมา "มะรุมมะตุ้ม" ยายทำไม  ยิ่งปวดขา "หนุบๆ" อยู่
โถ "หนุ่มทั้งแท่ง" หยั่งงี้  คงเป็น "หมูในอวย" ให้แม่ "เชือด" เสียละมั้ง
ทีแรกก็ทำเป็น "ก๋า" พอรู้ว่าเจอ "พี่เบิ้ม" เข้าให้  "หน้าม่อย" ไปเลย
บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 124  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 11:15

สืบเนื่องมาจากข่าวอีโคไล..
- โรคป่วง
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 125  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 12:30

สืบเนื่องมาจากข่าวอีโคไล..
- โรคป่วง
คำนี้ยังไม่หายไปไหนนี่ครับ  คนลงท้องหนักๆ (ออกปากออกก้น) คือทั้งถ่ายทั้งอาเจียร เราก็บอกว่าเป็นอาการของ "โรคท้องป่วง"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 126  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 12:39

กำลังดูภาพยนตร์ DVD อยู่  บังเอิญมีฉากที่มารดากำลังจะให้กำเนิดบุตรทำให้นึกศัพท์ได้อีกคำที่กำลังจะหายไปจากสารบบ  คือคำว่า
"น้ำทูนหัว"  แต่ผมเป็นบุรุษที่ไม่ค่อยจะสุภาพจึงกระดากที่จะเขียน  งานนี้จึงเรียนเชิญคุณสุภาพสตรีให้บรรเลงแทนครับ  ท่านใดที่คิดว่า
จะอธิบายให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้ผมขอเชิญเลยครับ

น้ำทูนหัวเป็นคำเรียกอีกคำหนึ่งของ น้ำคร่ำ   หมายถึงน้ำในมดลูกที่หล่ออยู่รอบตัวทารกในครรภ์ ป้องกันการกระทบกระแทกจากภายนอก   เวลาใกล้คลอด น้ำคร่ำจะออกมาก่อนเพื่อหล่อลื่นให้ทารกเลื่อนออกมาได้สะดวก 
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 127  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 13:37

 
[/quote]

น้ำทูนหัวเป็นคำเรียกอีกคำหนึ่งของ น้ำคร่ำ   หมายถึงน้ำในมดลูกที่หล่ออยู่รอบตัวทารกในครรภ์ ป้องกันการกระทบกระแทกจากภายนอก   เวลาใกล้คลอด น้ำคร่ำจะออกมาก่อนเพื่อหล่อลื่นให้ทารกเลื่อนออกมาได้สะดวก 
[/quote]

     แต่เท่าที่ผมทราบจากหมอตำแย (จากอยุธยา) ไม่เป็นดังนั้นครับ  จะมีสามอย่างคือ  น้ำทูนหัวก่อน  น้ำคร่ำตามมา  และน้ำคาวปลาปิดท้ายครับ
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 128  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 13:44

ต้องรีบแก้ก่อน  ผมรีบปิดเกินไป  น้ำคาวปลา ที่บอกว่าปิดท้าย หมายถึงเมื่อการคลอดเสร็จสิ้นไปแล้วสักวันหรือสองสามวัน แล้วแต่บุคคลน่ะครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 129  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 14:16

ไปหาหลักฐานมาประกอบ  ได้จากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานค่ะ

น้ำทูนหัว   น. นํ้าที่อยู่ในถุงนํ้าครํ่าซึ่งอยู่รอบลูกในท้อง ช่วยหล่อลื่นในการคลอด.
น้ำคร่ำ        น. ของเหลวในถุงเยื่อหุ้มลูกในมดลูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม      ทำหน้าที่ลดผลการกระทบกระแทก และช่วยหล่อลื่นในตอนคลอด  เป็นต้น เรียกถุงเยื่อหุ้มที่บรรจุน้ำคร่ำว่า ถุงน้ำคร่ำ.

ส่วนน้ำคาวปลาออกมาทีหลัง เมื่อคลอดแล้ว     
ไม่มีความรู้ทางแพทย์พอจะตอบได้ว่า 1 2 และ 3   เป็นอย่างเดียวกันหรือเปล่า    แต่ถ้าดูจากพจนานุกรม  1 และ 2 เป็นอย่างเดียวกันค่ะ
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 130  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 15:15

อาจารย์อ้างถึงพจนานุกรมผมเลยต้องอึ้งเลยครับ  ผมเป็นผู้ชายพูดเรื่องนี้ไม่สะดวกปาก  แต่ผมเคยพูดคุยกับหมอตำแยถึงขั้นตอนการทำคลอด (ไม่พูดถึงพิธีกรรม)
เริ่มตั้งแต่ปากมดลูกเปิด  ไปจนถึงล้วงปากเด็ก ใช้ไม้รวก (หรือไผ่) ตัดสายสะดือเด็ก  จนถึงอยู่ไฟ  ผมยืนยันกับอาจารย์ว่า  หมอตำแยเรียก "น้ำทูนหัว" แยกจาก
"น้ำคร่ำ" จริงๆ ครับ

อาจารย์อาจเห็นผมมีข้อขัดแย้งกับอาจารย์เสมอ  แต่ผมขอเรียนว่าผมติดตามกระทู้และข้อเขียนของอาจารย์มาตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเรือนไทย  เพราะผมนับถือ
ความรู้อันกว้างขวางของอาจารย์และสำนวนการเขียนที่น่าอ่านนั่นเอง  แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยไปหมดเสียทุกเรื่องนะครับ  บางเรื่องผมก็เฉยๆ ไม่คัดค้าน
เพราะเห็นว่าถึงอย่างไรเรื่องนั้นๆ ก็มีประโยชน์อยู่ดี  ผมขอรบกวนใช้เนื้อที่ตรงนี้ยกตัวอย่างสักหน่อย

(ถ้าจะเอาของเก่ามาสอน ครูก็ต้องหาตัวอย่างมาให้ดูให้ได้ อย่างกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน   ล่าเตียงเป็นไง มัศกอดเป็นไง ต้องหาสูตรออกมาให้เห็นกันเลยว่าเขาทำ
กันอย่างไร   จะได้โยงไปสู่คำถามว่า มันมีส่วนคล้ายอาหารอะไรที่นักเรียนรู้จักบ้างไหม  อย่างน้อยมันก็ต้องมีส่วนผสมอะไร ที่เด็กรู้จักสักอย่างสองอย่างบ้างละ    เป็น
การจุดประกายต่อไปให้นักเรียนคิด และสนใจใคร่รู้)

นี่เป็นส่วนหนึ่งใน คคห. ของอาจารย์ในหัวข้อ "ความไม่ชอบวรรณคดีไทยของคนรุ่นใหม่" ครับ  และผมจะขอยกกลอนดอกสร้อยที่ถูกสอนให้ท่องจำไว้ตั้งแต่เด็กมาสัก
บทหนึ่ง  แต่เนื่องจากมันกว่าห้าสิบปีแล้ว จึงอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง  ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วย

     โอ้เอ๋ยโอ้ละเห่                       คิดถ่ายเทตื่นนอนแต่ก่อนไก่
ทำ "ขนมแชงม้า" หากำไร               เกิดขัดใจในครัวทั้งผัวเมีย
ผัวตืเมียเมียก็ด่าท้าขรม                  ลืมขนมทิ้งไว้ให้ไก่เขี่ย
ก้นหม้อเกรียมไหม้ไฟลวกเลีย           ขนมเสียเพราะวิวาทขาดทุนเอย  ฯ

จนบัดนี้ผมยังไม่รู้จัก "ขนมแชงม้า" เลยครับ  แต่ผมก็จำกลอนดอกสร้อยบทนี้ได้และคิดว่าคงจะจำได้ไปจนถึงวันสุดท้ายในชีวิตผม  ความหมายของผมก็คือ  อะไรคือ "แก่น"
หรือหัวใจของกลอนบทนี้ "ขนมแชงม้า" หรือ "ความปรองดองสามัคคี" 

เมื่ออาจารย์ใช้พจนานุกรมเป็นหลักฐานยืนยัน  ผมคงต้องยอมจำนนครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 131  เมื่อ 13 มิ.ย. 11, 16:04

ดิฉันไม่ได้ถือว่าการแสดงความเห็นที่แตกต่าง หรือแม้แต่คำตอบที่แตกต่างกัน เป็นความขัดแย้งนะคะคุณ willyquiz  และไม่ได้ถือว่าเอาชนะคะคานกันด้วย
แต่ถือว่ายิ่งมีข้อมูลหลายๆอย่างมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์แก่คนอ่านมากเท่านั้น  เขาจะเลือกเชื่อข้อมูลไหนก็แล้วแต่เขา   ไม่มีการบังคับกัน  มีแต่การเสนอ เพื่อให้คิดเห็น  ใคร่ครวญ และสรุปเอาเอง

ถ้าเห็นแตกต่างก็เขียนอีกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ      ตราบใดที่เรายังจำกัดความแตกต่างไว้ที่ประเด็นของเรื่อง  ไม่เปลี่ยนจากเรื่องมาเป็นตัวบุคคล    ความแตกต่างนั้นก็ไม่นำไปสู่ความเป็นปรปักษ์หรอกค่ะ

เรื่องขนมแชงม้านั้นดิฉันไม่เข้าใจประเด็นค่ะ ว่าจะถามว่าอะไร    แต่จะเป็นอะไรก็ตาม    มันก็มองได้ทั้ง ๒ ทางละค่ะ ทั้งความรู้เรื่องขนมแชงม้า กับความสามัคคี   
ถ้านักเรียนเห็นทั้ง ๒ ทางได้ก็ดี คือรู้ว่าขนมแชงม้าคืออะไร  หรือคิดว่าคืออะไร  กับรู้ว่าทะเลาะกันเมื่อไรก็เกิดความเสียหาย
ดีกว่าเห็นทางเดียว หรือไม่เห็นเลยสักทาง





บันทึกการเข้า
kwang satanart
อสุรผัด
*
ตอบ: 48


ความคิดเห็นที่ 132  เมื่อ 14 มิ.ย. 11, 23:13

อยากให้อยู่ในประเด็น  ....คำไทยที่หายไป....จังเลยค่ะ

    กระเถิบ  เลื่อนตัวไปจากจุดเดิมที่นั่งอยู่หรือยืนอยู่   แต่เท่าที่สังเกตมักใช้กรณีที่นั่งอยู่ 
    เขยิบ    ใช้กรณีเดียวกับกระเถิบ
    กระถด   มักใช้กรณีที่ผู้กระทำกริยานั่งอยู่กับพื้น  แล้วเคลื่อนตัวห่างออกไปจากบุคคลหนึ่งโดยมิได้ลุกขึ้น แต่ใช้มือยันพื้น  ยกสะโพกขึ้น ค่อยๆเคลื่อนที่ไป
    จาระไน  แจกแจงความต้องการ , สิ่งที่รู้มาให้บุคคลอื่นรับรู้
    แจงสี่เบี้ย   อธิบายโดยละเอียด
    ก้อร่อก้อติก   ผู้ชายที่ทำทีประหนึ่งว่าสนใจในตัวผู้หญิงในทางชู้สาว
    เหม็นเปรี้ยว   กลิ่นเหงื่อที่ฉุนๆจากร่างกาย
    เหม็นเขียว    กลิ่นเหม็นคล้ายเวลาเราเอามือไปขยี้ใบไม้บางชนิด
   
   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 133  เมื่อ 15 มิ.ย. 11, 19:57

หน่วยก้าน  = ท่าทาง,ท่วงทีม  แวว   
เด็กคนนี้หน่วยก้านดีกว่าเพื่อนๆ

จ้าละหวั่น   =  ชุลมุน  วุ่นวาย

คนในบ้านหาของหายกันจ้าละหวั่น
บันทึกการเข้า
willyquiz
องคต
*****
ตอบ: 501


ความคิดเห็นที่ 134  เมื่อ 17 มิ.ย. 11, 21:16

จาก คคห. ที่ 110 ของ อ. เพ็ญชมพู ที่กล่าวว่า "เด้ดสะมอเร่" เป็นคำที่คุณ เทิ่ง สติเฟื่อง บัญญัติ ขึ้น  ทำให้ผมรำลึกถึงอีกคำหนึ่งที่คุณ เทิ่ง ได้บัญญัติ
เอาไว้เช่นกันนั่นคือคำว่า "เริ่ดสะแมนแตน"
ต๊ายตาย หายไปไม่กี่ปี กลับมาคราวนี้  "เริ่ดสะแมนแตน"  เชียว
อย่างนี้ถ้าซอยกระเทียมเพิ่มไปนิด  บีบมะนาวใส่ลงไปหน่อยละก้อ  "เริ่ดสะแมนแตน"  แน่

นอนหุบแขนหุบขาหน่อยลูก  "แผ่กระจาด"  เต็มบ้านอย่างนี้ไม่น่าดูเลย
ลูกคนนี้ก็อีกคน  หลบๆ ให้พ้นทางหน่อย  นอนเป็น  "ไอ้เข้ขวางคลอง"  เชียว

อย่ามาทำ  "บ่อน้ำตาตื้น"  กะแม่นะ   พูดแค่นี้น้ำตาหก  "กะเรี่ยกะราด"

"สวาปาม"  ซะจน  "รากแตกรากแตน"  เรื่องตะกละละก้อไม่มีใครเท่า

ให้รู้ตัวมั่งว่าเริ่มเป็นสาวแล้ว  ไป  "ขลุกขลุ่ย"  อยู่ที่บ้านนั้นทั้งวัน  ระวังจะเป็น  "ขี้ปาก"  ชาวบ้านเขา

สงสารหมอนั่นจัง  โดน  "เจี๊ยะพรึ่บ"  ทีเดียว  "กองเป็นผ้าขี้ริ้ว"  ไปเลย

ลื้อแกงเป็น  "น้ำคาวปลา"  หยั่งงี้  อั๊ว  "เจี๊ยะบ่โล๊ะ"  หรอก

ลื๊ออย่ามา  "แผลงฤทธิ์"  กะอั๊วนะ  เดี๋ยวก้อ  "เจ็กอั่ก"  หรอก
(จริงๆ แล้ว  ผมก็ไม่รู้ว่า "เจ็กอั่ก" แปลว่าอะไร  แต่สมัยเป็นเด็กได้ยินบ่อยจนชินหู  ใครทราบความหมายกรุณาขยายความด้วยครับ)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.051 วินาที กับ 19 คำสั่ง