Maneerat
อสุรผัด

ตอบ: 6
|
ใครอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วบ้างคะ อยากทราบความเห้นของแต่ละท่านค่ะ ว่าอ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรบ้าง และมีประโยคใดที่กินใจบ้างค่ะ สำหรับตัวดิฉันเองอ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจต่อสู้บนโลกใบนี้มากขึ้นเยอะเลยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 08 พ.ค. 11, 21:50
|
|
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ของคุณชมัยภรค่ะ รอท่านอื่นมาออกความเห็นนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chupong
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 09 พ.ค. 11, 14:24
|
|
ในฐานะ "คนตาบอด" ตัวจริงเสียงจริง ผมขออนุญาตท่านอาจารย์เทาชมพูและท่านเจ้าของกระทู้แสดงความเห็นบางประการเกี่ยวกับนวนิยายแสนรักเรื่องนี้สักหน่อยครับ
ท่านอาจารย์ชมัยพร แสงกระจ่าง สร้างสรรค์ "พระอาทิตย์คืนแรม" ด้วยการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคนตาบอดอย่างเป็นระบบ และได้ผลลัพธ์ออกมาใกล้เคียงวิถีชีวิตของพวกเรามากที่สุด ผมเคยคุยกับเพื่อนสมาชิกห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ (ซึ่งตั้งอยู่ ณ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย) ท่านหนึ่ง ท่านถึงกับออกปากว่า "เขียนเหมือนเข้าไปนั่งในหัวใจของคนตาบอดเลย" ประโยคประทับใจของผม อันที่จริง ก็คือสัจจะซึ่งบางคนในสังคมอาจยังเข้าใจไขว้เขว ก็คือประโยคของคุณพี อันสรุปใจความได้ว่า การตาบอดมิใช่เป็นสิ่งผิดปกติ อีกทั้งคนตาบอดมิต่างจากคนทั่วไป เพียงแต่ ขาดดวงตาก็เท่านั้น ความต้องการสำคัญของคนตาบอดคือ "โอกาส" ที่จะยืนอยู่ ตลอดจนก้าวเดิน ร่วมไปกับทุกๆคนในสังคมอย่างเท่าเทียม นั่นเองครับ
กล่าวถึงเนื้อเรื่อง ผมมีทัศนะส่วนตัวว่า น่าจะมีภาค ๒ นะครับ เพราะแม้ "กรรณ" จะเป็นคนตาบอด แต่ก็จัดอยู่ในระดับชั้น "คุณหนู" เขาจึงยังมิมีโอกาสสัมผัสกับวิถีชีวิตคนตาบอดส่วนใหญ่อันดำรงอยู่ด้วยความลำบาก การสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถูกหละ นั่นเป็นความสำเร็จระดับหนึ่ง ทว่า หากเขาสามารถ "เป็นเสาหลัก" ของครอบครัวได้ นั่นคือสัมฤทธิผลอันยอดเยี่ยม เราในฐานะผู้อ่าน (ผู้ฟัง) ยังมิรู้เลยว่า กรรณจบจากจุฬาฯ แล้ว เขาใฝ่ฝันจะประกอบอาชีพอะไร เส้นทางเดินไปสู่อาชีพนั้นขรุขระหรือราบรื่น ถ้าสมมุติว่าผู้เขียน สร้างสถานการณ์ให้ครอบครัว "ทรัพย์มั่งคั่ง" ประสบมรสุมทุ่มโถมอย่างหนักหน่วง ไกรลาออกจากงานเพราะสุดจะทนความขัดแย้งไหว นายสว่าง (พ่อของกรรณ) แน่หละ....เขาคงต้องลี้ภัยหลบๆซ่อนๆอีกนาน ประกอบกับวิกฤตต้มยำกุ้งครั้งมโหฬาร ส่งผลต่อครอบครัวจนกรรณต้องตัดสินใจออกไปเดินขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือไม่ก็ร่วมเล่นดนตรีเปิดหมวก มิฉะนั้น อาจเปิดร้านนวดอย่างคุณพีเคยทำ อาจเลือกเรียนวิชาโหราศาสตร์แล้วไปเป็นหมอดูชั่วคราว ชะตาชีวิตช่วงนี้ จะพากรรณไปรู้จักคนตาบอดที่ทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างตรากตรำลำเค็ญ (ซึ่งเป็นปริมาณส่วนมากของคนตาบอดในประเทศไทยเรา) จากนั้น เมื่อการเงินของครอบครัวเริ่มฟื้นตัว กรรณจึงค่อยมุ่งหน้าไปสู่เจตน์จำนงอันตั้งใจไว้ วันใดที่เขาลงหลักปักฐานมีการงานคงมั่น เป็นที่พึ่งของแม่ได้ไม่ต่างจากยามพ่อยังอยู่กับครอบครัว เขาจะสามารถชูธงแห่งชัยชนะอย่างทระนงทรงศักดิ์ยิ่งยวด เมื่อนั้น ชีวิตกรรณจะมิใช่ "พระอาทิตย์คืนแรม" อีกต่อไป หากจะเป็น "พระอาทิตย์เรืองรอง" เที่ยงแท้
ขอแสดงความนับถืออย่างสูงยิ่ง ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Maneerat
อสุรผัด

ตอบ: 6
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 15 พ.ค. 11, 16:45
|
|
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|