พระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๒ เสด็จประพาสแหลมมลายู คราว ร.ศ. ๑๐๘
เรือพระที่นั่งอุบลบุรทิศ ทอดปากอ่าวเมืองสงขลา
วันที่ ๒๙ กรกฎาคม รัตนโกสินทร
๒๒ศก ๑๐๘
ถึง ท่านกลางแลกรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ
ด้วยแต่ก่อนได้บอกข่าวคราวเข้ามาเพียงวันที่ ๒๐ เดือนกรกฎาคม จะขอบอกข่าวต่อไปตามลำดับ......
เขาคูหาสวรรค์ที่ไปนั้น เมื่อจะเข้าเขตวัดมีสระ ๆ หนึ่ง ทางที่เข้าไปมีลูกเขาบังต้องเดิรเฉียงไป พื้นแผ่นดินแดงเหมือนเขาจันทบุรีตลอด ที่ตรงน่าวัดมีบ่อ ๆ หนึ่งว่าน้ำจืดสนิท แต่เวลานี้น้ำแห้ง มีถ้ำอยู่ที่ลูกเขาข้างน่าเป็นโพรงเล็กๆ มีพระพุทธรูปขึ้นไปบนชานชั้นบนอีกชั้นหนึ่งสูงสัก ๗ -๘ ศอก เปนพื้นราบกว้างสักสามสิบวา มีต้นไม้ใหญ่ปลูกรายรอบร่มรื่นดี ที่กลางลานนั้นยกพื้นอีกชั้นหนึ่งสูงสักศอกหนึ่ง มีโบสถ์สามห้องไม่มีผนังอย่างโบสถ์บ้านนอกข้างหัวเมืองตวันตกทั้งปวง มีพระประธนใหญ่ที่ลานชั้นกลางมีการเปรียญและกุฏิสงฆ์ ลูกพลับพลาประทับร้อนบนนั้น ว่าข้างภูมที่ท่วงทีเขาดีอย่างยิ่ง เหมือนอย่างเรานึกทำเล่น ถ้าจะทำเปนวัดหลวงจะงามกว่าวัดมหาสมณารามมาก
ขึ้นเนินลาด ๆ ไปอีกหน่อยหนึ่งจึงถึงปากถ้ำ ที่ปากถ้ำนั้นก็มีเทือกเขาบัง ต้องเดิรเฉียงเข้าไปเหมือนกัน ถ้ำยาวสักสิบห้าวา ข้างแคบๆ กว่าหน่อยหนึ่ง แสงสว่างเข้าได้เต็มน่าเพราะปากช่องใหญ่ ถ้ำนี้เรียกว่าถ้ำน้ำเงิน เพราะน้ำซึมตะไคร่จับเขียวไปทั้งถ้ำ มีพระพุทธรูปนอนใหญ่องค์หนึ่ง นั่งใหญ่องค์หนึ่ง ย่อมๆ ลงมาอีกยี่สิบหกองค์ พระพุทธรูปนั้นก็น้ำเงินไปด้วยกันโยมาก ข้างหลังพระมีปล่องลงไปได้จนถึงพื้นล่างมีน้ำ ในนั้นทำนองถ้ำหมีแควป่าสัก แต่มืดต้องจุดเทียน
ได้จารึกอักษร จ.ป.ร. ไว้ที่เพิงน่าถ้ำอีกแห่งหนึ่ง แล้วเดิรกลับลงมาเลี้ยวไปตามทางข้างเขาอีกหน่อยหนึ่งถึงถ้ำนางคลอด ปากถ้ำสูงประมาณสี่วา เปนเวิ้งเข้าไปตื้น ๆ ไม่อัศจรรย์อันใด
รอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ปปร. ภปร. และ พระนามาภิไธยย่อ สก.ที่ผนังถ้ำวัดคูหาสวรรค์ จังหวัดพัทลุง

พระปรมาภิไธยย่อ จปร. เมื่อ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๒ (ร.ศ. ๑๐๘)
พระปรมาภิไธยย่อ ปปร. เมื่อ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๑
พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และ พระนามาภิไธยย่อ สก. เมื่อ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๒
