เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 23
  พิมพ์  
อ่าน: 164761 ภาพพระราชพงศาวดาร สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 270  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:07

อ้างถึง
ดิฉันยังไม่อยากเดาต่อ อดใจรอผู้รู้อย่างคุณ NAVARAT มาเล่าดีกว่าค่ะ คงได้ฟังอะไรสนุกๆขึ้นอีกมาก
ผมกลับเข้ามาเจอประโยคนี้เข้าถึงกับผงะ เดี๋ยวผู้รู้ตัวจริงที่ซุ่มๆอ่านอยู่เขม่นผมแย่ ผมเองนั้นคือผู้ที่ไม่รู้มากกว่ารู้
 
จะเล่าให้ฟังว่าเมื่อบ่ายวันนี้ผมไปตีกอล์ฟกับเพื่อนๆถาปัดมาครับ ที่หลุมนึงมีต้นชมพู่ออกลูกเล็กๆสะพรั่ง เพื่อนคนหนึ่งถามแคดดี้ว่านั่นต้นอะไร แคดดี้มองหน้าแล้วตอบว่า ต้นชมพู่ไง ต้นชมพู่นายไม่รู้จักเหรอ (แก่จนหัวหงอกแล้ว) เพื่อนผมย้อนถามแคดดี้ว่า แล้วเธอรู้จักตงไหม แคดดี้ส่ายหน้าแบบงงๆบอกว่าไม่รู้จัก เพื่อนผมได้ทีจึงกล่าวว่า เห็นไหม ทางใครทางมัน เธอมันลูกชาวสวนเธอก็รู้จักต้นชมพู่ ฉันไม่ใช่ ฉันก็เลยไม่รู้จัก แต่ฉันรู้จักตง เพราะฉันเป็นสถาปนิก เธอไม่ใช่สถาปนิกเธอก็ไม่รู้จักตง

ทั้งเพื่อนๆทั้งกลุ่มแคดดี้หัวเราะกันคิกคัก ผมชมเขาว่าตรรกะใช้ได้ แม้คนอื่นจะว่าเขาว่าโง่ไปหน่อยที่ไม่รู้จักต้นชมพู่ก็ตาม
ที่เล่ามานี้จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องข้อเท็จจริงที่เราแลกเปลี่ยนทัศนะกันในกระทู้ประการใด แล้วแต่ท่านจะตีความ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 271  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:09

เอ้ามาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า

ที่คุณ ShopperKimpy เสนอความเห็นข้างต้นไว้ ตรงกับใจผม บางทีหนังของท่านมุ้ยจะสร้างจินตนาภาพที่เกินจริงให้แก่เรามากเกิน ผมขอเอารูปมาให้ดูมั่ง

รูปแรก เป็นกำแพงเมืองมัณฑะเลย์ ที่สร้างขึ้นใหม่ในราวรัชกาลที่๓ แม้จะใหญ่โตกว่ากำแพงเมืองรัตนโกสินทร์มาก อาจเป็นเพราะพม่าได้ลิ้มรสชาดปืนใหญ่อังกฤษเข้าไปแล้ว จึงต้องสร้างกำแพงเมืองให้สูงใหญ่ไว้สักหน่อย



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 272  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:13

ในสงครามกับอังกฤษครั้งแรก พม่ามีเวลาและทรัพยากรมาก จึงสร้างค่ายทหารด้วยไม้สัก ตั้งรับกองทัพอังกฤษที่เมืองย่างกุ้ง แต่ถูกปืนใหญ่ยิงกระเจิง ทหารอังกฤษย่ำเท้าเข้าบดขยี้ทหารพม่าแตกพ่ายหมดทางสู้

ผมอยากให้สังเกตุขนาดของค่าย เวลาห่างกันกับสมัยของสมเด็จพระนเรศวรร่วมสองร้อยปี แต่ค่ายก็ไม่ได้วิวัฒนาการไปมากมาย ที่สำคัญเพนียดค่ายยังสูงนิดเดียวไม่ได้สูงใหญ่อย่างของท่านมุ้ย



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 273  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:15

ในสงครามครั้งที่สาม พม่ามีค่ายที่สร้างด้วยไม้สักเช่นภาพแรกอยู่เช่นกัน จะเห็นขนาดของพะเนียดชัดเจน


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 274  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:20

ในสงครามครั้งที่สาม ตรงกับสมัยรัชกาลที่๕ อังกฤษใช้เรือกลไฟเป็นพาหนะ ขนทหารไปตามแม่น้ำอิระวดีเพื่อไปตีมัณฑะเลย์ ระหว่างทางพม่ามาตั้งค่ายต้านทาน อังกฤษก็ตีแตกไปทุกค่าย โปรดสังเกตุทหารพม่ายังนุ่งผ้าเตี่ยวเหมือนในรูปเมื่อกี้อยู่เลย หาความน่าเกรงขามเหมือนในหนังท่านมุ้ยมิได้ ส่วนทหารอังกฤษส่วมเครื่องแบบสนามเต็มพิกัด


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 275  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:22

ค่ายของพม่าในภาพเขียนนี้ เหมือนในหนังของท่านมุ้ยที่สร้างได้ใกล้เคียงข้อเท็จจริงที่สุด คือค่ายพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งขุดคูเอาดินมาพูนเป็นกำแพง (ในเชียงใหม่ยังมีกำแพงดินเช่นนี้อยู่) แล้วเสี้ยมไม้ไผ่เอามาปักเป็นแนวต้านทาน พระเจ้าเชียงใหม่ตอนนั้นเป็นพม่าแท้ๆ กำแพงดินนี้น่าจะเป็นเทคนิกของพม่าสมัยนั้นด้วย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 276  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:31

ในสงครามครั้งที่สามเช่นกัน เป็นภาพถ่ายค่ายทหารพม่าแห่งหนึ่งที่อังกฤษยึดได้ ก็แค่เนี๊ยะ

ตามพงศาวดารกล่าวว่า ค่ายที่พระนเรศวรแต่งทหารม้าออกไปตีเป็นค่ายของทัพหน้าพม่าค่ายหนึ่ง ที่เข้ามาตั้งแบบลองเชิงไม่ห่างจากพระนคร และเมื่อพม่ายกทัพมาถึงก็ต้องรีบสร้างค่ายอย่างเร่งรีบ จะไปรอตัดไม้งามๆชักลากมาคงไม่ไหว ต้นไม้ที่ถือเป็นยุทธปัจจัยไทยคงไม่เหลือไว้ใกล้ๆพระนครให้พม่าข้าศึกได้ใช้ประโยชน์ นอกจากไม้ไผ่ที่คงจะพอหาได้ไม่ยาก
 
ผมว่า ค่ายพม่าที่พระนเรศวรออกตีน่าจะประมาณเท่าในรูปนี้ เพราะพงศาวดารกล่าวต่อว่า ทรงไม่รั้งรอให้พม่าตั้งตัวได้ รีบจัดทัพม้าออกมาตีเพื่อหมายข่มขวัญ อีกประการหนึ่ง ถ้ายิ่งนานวัน พม่าก็ยิ่งเอาขวากหนามอุปสรรคมาเสริมแนวป้องกันค่าย จะเข้าหักโดยง่ายคงไม่ได้เสียแล้ว

ถ้าความสูงขนาดนี้ ก็ทรงปีนได้โดยไม่ต้องใช้บันได เพราะพงศาวดารกล่าวว่าทหารที่ไปเป็นทหารม้าเคลื่อนที่เร็วล้วนๆ เพราะต้องการบุกเร็วถอยเร็ว  ไม่ได้เอ่ยถึงทหารเดินเท้าแบกกระได หรือเข็นหอคอยไปด้วยเลย ตอนปีนก็ต้องใช้พระหัตถ์ทั้งสองเหนี่ยวพะเนียด พระบาทสอดไปตามช่องว่างของไม้ โหนพระองคืขึ้นไป พระแสงดาบจึงต้องทรงต้องคาบไว้ พอพม่าแทงสวนมาเห็นหนักนักก็พอจะกระโดดลงมาได้ไม่เจ็บตัวเท่าไหร่ แล้วคงจะทรงปีนขึ้นไปได้อีกหลายรอบหน่อย





บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 277  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:42


ถ้าความสูงขนาดนี้ ก็ทรงปีนได้โดยไม่ต้องใช้บันได เพราะพงศาวดารกล่าวว่าทหารที่ไปเป็นทหารม้าเคลื่อนที่เร็วล้วนๆ เพราะต้องการบุกเร็วถอยเร็ว  ไม่ได้เอ่ยถึงทหารเดินเท้าแบกกระได หรือเข็นหอคอยไปด้วยเลย ตอนปีนก็ต้องใช้พระหัตถ์ทั้งสองเหนี่ยวพะเนียด พระบาทสอดไปตามช่องว่างของไม้ โหนพระองคืขึ้นไป พระแสงดาบจึงต้องทรงต้องคาบไว้ พอพม่าแทงสวนมาเห็นหนักนักก็พอจะกระโดดลงมาได้ไม่เจ็บตัวเท่าไหร่ แล้วคงจะทรงปีนขึ้นไปได้อีกหลายรอบหน่อย


ผมคล้อยตามความคิดเห็นคุณ NAVARAT.C ที่ว่ากำแพงค่ายพม่าคงไม่สูงนักหนาหรอก บางทีอาจไม่ใช่ไม้ซุง ไม้ท่อน
อาจเป็นแค่ไม้ไผ่ผูกติดกันเป็นแพปักทำรั้วก็เท่านั้น อีกอย่างดินที่ปักเสาระเนียดก็ยังต้องพูนสูงให้รับแรงระเบิดของปืนใหญ่
และเป็นรากฐานมั่นคงของรั้วนั้นๆ ด้วย ทั้งยังมีขวากหนาม (อย่างค่ายพระเจ้าเชียงใหม่) ปักที่มูลดินด้านล่าง กันช้างม้าผู้คนประชิด

ซึ่งทั้งขวากหนาม มูลดิน และเสาระเนียด อาจเป็นส่วนหนึ่งในอุปกรณ์ที่ให้สมเด็จพระนเรศวร "ปีน" เข้าค่ายพม่าได้เช่นกัน
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 278  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:44

ในสงครามครั้งที่สาม พม่ามีค่ายที่สร้างด้วยไม้สักเช่นภาพแรกอยู่เช่นกัน จะเห็นขนาดของพะเนียดชัดเจน

รอ อ.NAVARAT.C ตั้งนานให้มาตอบตามคำเชิญของ อ.เทาชพู ...ท่านมัวไปตีกอล์ฟหลุมที่ ๑๙ หรือเปล่า  เจ๋ง

เห็นรั้วค่ายของพม่าที่ อ. NAVARAT.C แบบนี้พม่านิยมใช้ตั้งค่ายมาตั้งแต่โบราณ ผมมีหลักฐานอ้างถึงเกี่ยวกับการสร้างค่าย "ค่ายโพธิ์สามต้น" ครับ

จากแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่ค่ายโพธิ์สามต้น พบว่า

๑. ชั้นล่าง เป็นมูลดินถมที่ขุดขึ้นมาบริเวณรอบๆ

๒. ต่อจากชั้นล่าง คาดว่ามีการปักเสาไม้เพนียดล้อมไว้

๓. เมื่อเห็นว่าค่ายนี้ตั้งมั่นคงและอยู่เวลานาน จึงได้ก่อด้วยอิฐ ๘ รูทับไม้เพนียดเพื่อให้แข็งแรง เป็นป้อมปูนขึ้นมา
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 279  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 20:46

ค่ายที่กำลังสร้าง พอดีทหารอังกฤษมาถึงและเข้าโจมตีเสียก่อน ทหารพม่าจึงทิ้งค่ายหนีเอาตัวรอดไป

ระยะสมัยห่างกันยังเป็นแค่นี้เอง ค่ายพม่าที่มาล้อมกรุงศรี(ไม่ใช่ค่ายหลวงนะครับ)ก็คงไม่ต่างจากภาพที่ผมเอามาให้ดูเหล่านี้สักเท่าไหร่ดอก

ส่วนค่ายโพธิ์สามต้น พม่ากะจะตั้งแบบค่อนข้างถาวรเพื่อจะครอบครองรักษากรุงศรีอยุธยา อาจจะทำแน่นหนาหน่อยครับเพราะมีเวลามากด้วย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 280  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 21:37

ถ้าความสูงขนาดนี้ ก็ทรงปีนได้โดยไม่ต้องใช้บันได เพราะพงศาวดารกล่าวว่าทหารที่ไปเป็นทหารม้าเคลื่อนที่เร็วล้วนๆ เพราะต้องการบุกเร็วถอยเร็ว  ไม่ได้เอ่ยถึงทหารเดินเท้าแบกกระได หรือเข็นหอคอยไปด้วยเลย


สถาปนิกเจ้าของค่ายตัวจริงมาแล้ว    ช่วยกันลากกระไดกับหอคอย กลับอังกฤษกันเถอะ  คุณเพ็นโน   ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 281  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 21:44

ขออำไพคะรับ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 282  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 21:50

แล้วถ้าไม่มีบันได แล้วไซร้ ประวัติ "พระแสงดาบคาบค่าย" ละครับเกิดขึ้นได้อย่างไร  ฮืม แล้วถ้าไม่ทรงใช้บันได ทรงกระโดด ? กระโดดจาก ?

อ.NAVARAT.C วานบอก  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 283  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 21:56

^
^

ถ้าความสูงขนาดนี้ ก็ทรงปีนได้โดยไม่ต้องใช้บันได เพราะพงศาวดารกล่าวว่าทหารที่ไปเป็นทหารม้าเคลื่อนที่เร็วล้วนๆ เพราะต้องการบุกเร็วถอยเร็ว  ไม่ได้เอ่ยถึงทหารเดินเท้าแบกกระได หรือเข็นหอคอยไปด้วยเลย ตอนปีนก็ต้องใช้พระหัตถ์ทั้งสองเหนี่ยวพะเนียด พระบาทสอดไปตามช่องว่างของไม้ โหนพระองคืขึ้นไป พระแสงดาบจึงต้องทรงต้องคาบไว้ พอพม่าแทงสวนมาเห็นหนักนักก็พอจะกระโดดลงมาได้ไม่เจ็บตัวเท่าไหร่ แล้วคงจะทรงปีนขึ้นไปได้อีกหลายรอบหน่อย

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 284  เมื่อ 28 เม.ย. 11, 22:06

^
^

ถ้าความสูงขนาดนี้ ก็ทรงปีนได้โดยไม่ต้องใช้บันได เพราะพงศาวดารกล่าวว่าทหารที่ไปเป็นทหารม้าเคลื่อนที่เร็วล้วนๆ เพราะต้องการบุกเร็วถอยเร็ว  ไม่ได้เอ่ยถึงทหารเดินเท้าแบกกระได หรือเข็นหอคอยไปด้วยเลย ตอนปีนก็ต้องใช้พระหัตถ์ทั้งสองเหนี่ยวพะเนียด พระบาทสอดไปตามช่องว่างของไม้ โหนพระองคืขึ้นไป พระแสงดาบจึงต้องทรงต้องคาบไว้ พอพม่าแทงสวนมาเห็นหนักนักก็พอจะกระโดดลงมาได้ไม่เจ็บตัวเท่าไหร่ แล้วคงจะทรงปีนขึ้นไปได้อีกหลายรอบหน่อย

 ยิงฟันยิ้ม

^
^
ปะ ช่วยกันๆ ลากบันไดกลับ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.058 วินาที กับ 20 คำสั่ง