เหตุการณ์ตอนนี้ยิ่งใหญ่เกินสติปัญญาของผมจะย่อบรรยายกฤดาภินิหารของมหาราชเจ้าของปวงชนชาวไทยได้ ขอเชิญท่านอ่านความในพระราชพงศาวดารโดยตรงเอาเอง
พระบาทสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงประกาศแก่เทพดาทั้งปวงว่า ให้บังเกิดมาในประยูรมหาเศวตฉัตร์ จะให้บำรุงพระบวรพุทธสาสนา ไฉนจึงมิช่วยให้สว่างเห็นข้าศึกเล่า พอตกพระโอฏฐ์ลง พระพายก็พัดควันอันเป็นหมอกมืดนั้นสว่างไป ทอดพระเนตรเห็นช้างเศวตฉัตรสิบสองช้าง มีช้างดั้งช้างกันยืนอยู่เป็นอันมาก แต่มิได้เห็นอุปราชา ครั้นเหลือบไปทิศขวาพระหัตถ์ ก็เห็นช้างเศวตฉัตรช้างหนึ่ง ยืนอยู่ ณ ฉายาไม้ข่อยมีเครื่องสูงและทหารหน้าช้างมาก ก็เข้าพระทัยถนัดว่าช้างพระมหาอุปราชา พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ก็ขับพระคชาธารตรงเข้าไป ทหารหน้าช้างข้าศึก ก็วางปืนจ่ารงมณฑกนกสับตระแบงแก้วระดมยิงมิได้ต้องพระองค์และพระคชาธาร สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงตรัสร้องเรียกด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ไยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว
พระมหาอุปราชาได้ฟังดังนั้นแล้ว ละอายพระทัยมีขัตติยราชมานะก็บ่ายพระคชาธารออกมารับ เจ้าพระยาชัยานุภาพเห็นช้างข้าศึกก็ไปด้วยฝีน้ำมันมิทันยั้งเสียที พลายพัทกอได้ล่างแบกรุนมา พระมหาอุปราชาจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าเบี่ยงพระมาลารับ พระแสงขอมิได้ต้องพระองค์ เจ้าพระยาชัยานุภาพสะบัดลงได้ล่างแบกถนัด พลายพัทกอเพลี่ยงเบนไป สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าได้ที จ้วงฟันด้วยพระแสงพลพ่าย ต้องพระอังสาเบื้องขวาพระมหาอุปราชาตลอดลงมาจนประจิมุราประเทศ ซบลงกับคอช้าง และนายมหานุภาพควาญพระคชาธารของพระนเรศวรเป็นเจ้านั้น ต้องปืนข้าศึกตายขณะเมื่อสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ชนช้างด้วยมหาอุปราชานั้น เจ้าพระยาปราบไตรจักรซึ่งเปนพระคชาธารสมเด็จพระเอกาทศรฐ ก็เข้าชนช้างด้วยพลายพัชเนียงช้างมางจาชะโร เจ้าพระยาปราบไตรจักรได้ล่างพัชเนียงเสียทีเบนไป สมเด็จพระเอกาทศรฐจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวต้องคอมางจาชะโรขาดตายกับคอช้าง หมื่นภักดี ศวรกลางช้างสมเด็จพระเอกาทศรฐนั้น ต้องปืนข้าศึกตาย
พงศาวดารพม่าบอกไว้อีกอย่าง
พระมหาอุปราชาตายเพราะถูกปืนยิง
การรบครั้งนี้หนังสือพงศาวดารพม่าว่า รบกันในชานพระนคร ว่าในวันรบนั้นพระมหาอุปราชายืนช้างอยู่กลาง พระเจ้าแปรยืนช้างอยู่ข้างขวา นัตจินหน่องยืนช้างอยู่ข้างซ้าย ต่อไปข้างขวาเจ้าเมืองจาปโร (เห็นจะเป็นที่ในพระราชพงศาวดารเรียกว่า มังจาชโร พี่เลี้ยง) ขี่ช้างตัว ๑ กำลังติดน้ำมันหน้าหลัง ช้างนั้นดุร้ายต้องเอาผ้าคลุมกระพองปิดตาไว้ สมเด็จพระนเรศวรทรงพระคชาธารยกกองทัพมาจากพระนคร พอแลเห็นพระมหาอุปราชา ก็ขับช้างพระที่นั่งตรงเข้าไปที่พระมหาอุปราชายืนช้างอยู่ ขณะนั้นเจ้าเมืองจาปโรจึงเปิดผ้าที่คลุมตาช้างน้ำมัน หวังจะขับเข้าชนช้างพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวร ช้างน้ำมันกลับแล่นเข้าแทงเอาช้างพระมหาอุปราชาเจ็บป่วยสาหัส ถึงต้องเอายืนพิงไว้กับต้นไม้ พอข้าศึกยิงปืนมาต้องพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง แต่นายท้ายช้างพยุงพระองค์ไว้
สมเด็จพระนเรศวรสำคัญว่าพระมหาอุปราชายังดีอยู่จึงยั้งช้างพระที่นั่ง ในขณะนั้นนัดจินหน่องจึงไสช้างเข้าชนช้างพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวร ช้างสมเด็จพระนเรศวรทานกำลังช้างนัดจินหน่องไม่ได้ สมเด็จพระนเรศวรก็ถอยกลับเข้าพระนคร พระเจ้าแปร พระเจ้าตองอู บิดานัตจินหน่อง (ซึ่งอาสามาด้วยอีกพระองค์ ๑) พากันติดตาม แต่กองทัพไทยเข้าเมืองได้ก่อน เจ้าเมืองตันโบ เจ้าเมืองวินรอ ตามเลยเข้าไป ไทยจับไว้ได้ ข้างฝ่ายพม่าก็จับออกญาจักรีกับออกญาบาต (แปลไม่ออกว่าตำแหน่งใด) ไว้ได้ กองทัพหงสาวดีเมื่อเสียพระมหาอุปราชาแล้ว จึงถอยออกไปตั้งห่างพระนคร นายทัพนายกองปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า พระมหาอุปราชาผู้เป็นจอมพลสิ้นพระชนม์เสียแล้ว ควรจะเลิกทัพกลับไปเมืองหงสาวดี จึงเลิกทัพพาศพพระมหาอุปราชากลับไป ถึงเมืองหงสาวดีในเดือน ๓ ปีนั้น เรื่องสงครามคราวพระมหาอุปราชาชนช้าง หนังสือพงศาวดารพม่าว่าดังกล่าวมานี้จาก อธิบายเรื่องในรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในท้ายพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา
พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
