อะไรกัน จะรีบจบไปไหน
ในพงศาวดารตอนพระยาจีนจันตุหนีโดยสำเภานั้นมีข้อความว่า
แล้วเอาเรือพระที่นั่งหนุนเข้าไปให้ชิดสาเภา
แล้วทรงปืนนกสับยิงถูกจีนผู้ใหญ่ตายสามคน
พระยาจีนจันตุก็ยิงปืนนกสับมา ต้องรางปืนต้นอันทรงนั้นแตก
พระยาจีนจันตุก็รบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ
พลทหารข้าหลวงจะปีนขึ้นสำเภามิได้
พระยาจีนจันตุก็ให้โล้สำเภาออกพ้นปากน้ำตกลึก แม้สำเภาของพระยาจีนจันตุจะหนีจากกองเรือสมเด็จพระนเรศวร
ที่ตามตีได้
แต่อุปสรรคของพระยาจีนจันตุยังไม่ได้หมดแต่เท่านั้น
ยังมีสิ่งที่สำเภาหรือเรือใหญ่ทุกลำที่ล่องเข้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา
ต้องคำนึงถึงด้วยเสมอ นั่นคือ สันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา
สันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยากินอาณาบริเวณกว้างหลายกิโลเมตร
ก่อนที่มีการขุดลอกสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงปี ๒๔๙๔
สันดอนนี้เป็นปัญหาในการเดินเรือเข้าออกในแม่น้ำเจ้าพระยามานาน
ดังที่มีบันทึกชาวต่างชาติจดไว้มากมาย
อย่างบันทึกชาวต่างชาติฉบับหนึ่งว่า
น้ำตรงสันดอนลึกประมาณ ๑๒ ฟุต
น้ำตรงสันดอนตื้นที่สุดในเดือนมีนาคม
ตรงน้ำลึกจะลึกเพียง ๑๓ ฟุตเท่านั้น
ในเดือนพฤศจิกายน น้ำจะลึกที่สุดถึง ๑๘ ฟุต
ที่ว่าลึกหรือตื้นสุดตามบันทึกนี้
เป็นความลึกเมื่อน้ำขึ้นสูงสุดในแต่ละเดือน
และก็มีหลักฐานจากทางไทยที่จดไว้ว่า
ครั้นถึงเมืองปากน้ำพอย่ำฆ้อง ดุเหว่าร้องเพลาประจุสสมัย
ทอดสมอรอรั้งประทังใจ อยู่ที่ปากชลาลัยนั้นสองวัน
ต่อน้ำขึ้นจึงได้ถอยออกลอยล่อง จำเพาะร่องสำเภาผายผัน
แต่ฉุดชากลากเข็นอยู่เป็นควัน หวังให้ทันมรสุมสำเภาไป
ครั้นข้ามโขดหลังเต่าออกตกลึก ก็ตั้งตรึกตรมจนกมลไหม้
เขาผูกจัดเชือกเสาแลเพลาใบ แล้วคอยลมที่จะได้ไคลคลา
ข้อความนี้คัดจากนิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน
เมื่อวันอังคารแรม ๑๓ ค่ำเดือน ๗ ปี ๒๓๒๔
ก็ขนาดสำเภาพระยามหานุภาพไปเดือน ๗ ยังต้องรอออกจากปากน้ำ
ถึง ๒ วันเพื่อให้ถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ น้ำจึงจะขึ้นสูงพอจะเอาเรือข้ามสันดอนได้
กระนั้นกว่าข้ามไปได้ ก็ต้องฉุดกระชากลากเข็นกันพอสมควร
ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า เดือน ๗ นั้น เป็นเทศกาลฝนแล้ว
น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็น่าจะมากกว่าช่วงเดือน ๓-๔ (เดือนมีนาคม) แต่ก็ยังข้ามสันดอนลำบาก
ทีนี้มาดูสำเภาพระยาจีนจันตุซึ่งหนีมาตอนวันแรม ๔ ค่ำ
ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูง คือ วันขึ้น แรม ๑๕ ค่ำ
(แถมวันขึ้นแรม ๑ ค่ำให้อีกวัน) แถมช่วงนั้นเป็นช่วงฝนแล้ง
น้ำในแม่น้ำย่อมไม่มาก จะมากก็แต่วันที่น้ำทะเลหนุนสูง
คือวันขึ้นแรม ๑๕ ค่ำ ที่เรียกว่าวันน้ำเกิด
ปกติชาวเรือเมื่อล่องเรือมาถึงปากน้ำจะทอดสายดิ่งหยั่งความลึกของน้ำ
แล้วจะต้องรอจนกระทั่งวัน ๑๕ ค่ำก่อน
และรอน้ำขึ้นสูงสุดจึงจะเอาเรือข้ามสันดอนไป
กรณีพระยาจีนจันตุ เอาสำเภามาในช่วงไม่ใช่เวลาน้ำเกิด
และหนีเขามา จะได้ทอดสายดิ่งหยั่งน้ำดูหรือเราก็ไม่ทราบ
แต่พระยาจีนจันตุสามารถเอาสำเภาข้ามสันดอนปากแม่น้ำ
เจ้าพระยาด้วยการโล้จนลึกได้ในวัน แรม ๔ ค่ำ เดือน ๒
นับว่าเก่งมาก
การที่สมเด็จพระนเรศวรให้กองเรือตามพระยาจีนจันตุมาถึงปากน้ำนั้น
คงจะคาดการณ์ไว้แล้วว่า สำเภาพระยาจีนจันตุจะข้ามสันดอน
ไปยังไม่ง่าย ถึงอย่างไรก็ก็อาจจะตามจับได้ที่สันดอนนั่นเอง
ซึ่งในระหว่างนั้น กองเรือของสมเด็จพระนเรศวรอาจจะกำลังรอ
ทัพเรือที่กำลังตามมาสมทบด้วย แต่ปรากฏว่าทัพเรือสมทบมาช้า
ไม่ทันการณ์ พระยาจีนจันตุ โล้ สำเภาพ้นสันดอนตกลึกไปแล้ว
ผมก็สงสัยอยุ่ว่า ถ้าโล้อย่างที่คุณNAVARAT.C ว่า
พระยาจีนจันตุ แกจะเอาสำเภาของแกข้ามสันดอน
ที่กินอาณาบริเวณกว้างเป็นหลายกิโลเมตร
ในช่วงน้ำขึ้นน้อยในเดือน ๒ ได้อย่างไร