เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 21731 วังพระแก้ววังหน้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 06:25

ภาพอีกฝั่งหนึ่งครับ


บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 08:05

คคห ที่ 42-44 บานหน้าต่างเขียนเรื่อง "นรสิงหาวตาร"

พระนารายณ์ทรงอวตารเป็นนรสิงห์เพื่อปราบยักษ์หิรัณยกศิปุ
ผู้ซึ่งได้พรจากพระพรหมว่า
"อย่าให้เทพมนุษย์ สุดจนเดรัจฉาน สังหารตนตายได้ อีกอย่าให้ม้วยมุด ด้วยอาวุธใดๆ อย่าให้ตายกลางวัน อันกลางคืนไม่ตาย
ภายในเรือนให้รอด ปลอดภัยภายนอกเรือน"

ครั้นนรสิงห์มาปราบยักษ์หิรัณยกศิปุนั้น พระองค์ก็ตรัสถามว่า
๏ จึ่งมีพระกระทู้                      ถามยักษ์
กูนี่อะไรหนอ                         จุ่งแจ้ง
คนหรือสัตว์ประจักษ์                  แจ้งชนิด ใดฮือ
มึงอย่าได้คิดแกล้ง                   เกลื่อนความ ฯ
๏ ฟังถามแทตย์ร้ายตอบ             คำไป
ว่าบ่มิเคยเห็น                         แต่กี้
มิเป็นสัตว์มิใช่                       มนุษย์
สองอย่างรวมเช่นนี้                  เหลือทาย ฯ
๏ นารายณ์ชูหัตถ์ชี้                  นขา
ถามว่าอาวุธใด                       เล่าแฮ้
ยักษ์ตอบมิใช่อา-                   วุธอย่าง ใดเลย
ดูก็เป็นเล็บแล้                       แหลมจริง ฯ
๏ นรสิงห์ว่าบัดนี้                    เวลา ใดฮือ
ยักษ์เพ่งดูตะวัน                      เคลื่อคล้อย
ตอบว่าระหว่างรา-                    ตรีกับ วันนา
เพราะตะวันต่ำต้อย                   แต่มี ฯ
๏ นรสิงห์ว่าที่นี้                       บอกมา
อยู่นอกฤๅอยู่ใน                      จุ่งแจ้ง
ยักษ์ตอบว่าอยู่คา                    แค่ช่อง ทวารแฮ
ข้าบ่อยากโต้แย้ง                     ต่อไป ฯ

เมื่อหิรัณยกศิปุยักษ์ยอมรับชะตากรรมของตนแล้ว พระนารายณ์เป็นเจ้าในร่างของนรสิงห์ก็
๏ คำรามสนั่นอื้อ                    แสนอึง
นรสิงห์ฉีกอก                        ยักษ์ห้าว
ทะลวงแหวะพุงรึง                    ไส้หลุด
จึ่งหิรัณย์แทตย์ท้าว                  มอดมรณ์ ฯ
๏ เสร็จรอญอริร้าย                   แรงฦๅ
พระหริกลายรูป                      บัดนั้น
ถนัดหัตถ์สี่มือ                        อาวุธ สี่แฮ
ผ่องรัศมีทั่วชั้น                        แมนสรวง ฯ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 09:46

ภาพวาดนรสิงหาวตาร มีการวาดภาพ โดยมีดอกไม้คล้องคอ ผ้านุ่ง และอาวุธที่เทพ ยักษ์ถือ มีกลิ่นอายอินเดียอยู่มากนะครับ
บันทึกการเข้า
Friday
อสุรผัด
*
ตอบ: 7


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 16:04

อยากอ่านเรื่อง นรสิงหาวตาร เต็มๆ ช่วยลงต่อได้ไหมคับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 18:46

ปางที่ ๔ นรสิงหาวตาร

อวตาร ปางนี้อยู่ในยุคที่ ๑ ของโลกคือ กฤดายุคเช่นเดียวกัน เรื่องราวของการอวตารในปางนี้ก็มีอยู่ว่าหลังจากหิรัณยากษะ (หิรันตยักษ์) ถูกพระวิษณุอวตาร เป็นหมูป่าสังหารเรียบร้อยแล้วนั้น พญายักษ์ชื่อว่า “หิรัณยกศิปุ” ผู้เป็นน้องชายฝาแฝดก็ขึ้นมาเป็นใหญ่ในหมู่อสูร (ใต้บาดาล) แทนพี่ชาย พญายักษ์นี้มีจิตใจ หยาบช้ากว่าพี่ชายยิ่งนักได้ไปบำเพ็ญตบะขอพรต่อพระพรหมว่าขออย่าให้ตนเองถูก มนุษย์ เทวดา สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย ฆ่าเอาให้ตายได้ อย่าให้ตายด้วย อาวุธใด ๆ ในสากลโลก อย่าให้ตายในเวลากลางวันและกลางคืน อย่าให้ตายในบ้านนอกบ้าน ซึ่งพระพรหมธาดาก็ประสิทธิ์ประสาทพรให้ตามที่ขอทุกประการ ทำให้พญาหิรัณยกศิปุมีความฮึกเหิมไม่เกรงกลัวผู้ใด แม้แต่พระผู้เป็นเจ้า พญายักษ์ตนนี้มีโอรสองค์หนึ่งชื่อว่า “ประหลาทกุมาร” ซึ่งเป็นอสูรที่ตั้งมั่นอยู่ในศีล ธรรมอันดีมีความจงรักภักดีต่อพระวิษณุมหาเทพยิ่งนัก ทำให้แนวความคิดของพญาหิรัณยกศิปุนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแลพญายักษ์ก็มี ความรักในโอรสยิ่งนัก เรียกได้ว่ารักดังหัวแก้วหัวแหวน ประหลาทกุมารผู้ตั้งอยู่ในศีลธรรมก็พยายามโน้มน้าวจิดใจของบิดาให้เลิก ประพฤติชั่วหันมาทำความดีมีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นเจ้า แต่บิดาก็หาได้ฟังไม่เที่ยวเบียดเบียนบีฑาบรรดาทวยเทพทั้งหลายให้เดือดร้อน ไปทั่วทุกหัวระแหง พระอินทร์จึงชักชวนบรรดาทวยเทพทั้งหลายไปขอร้องให้พระวิษณุ มหาเทพมาช่วยปราบพญาอสูรผู้ชั่วร้ายตนนี้เพราะไม่มีใครจะปราบมันได้ พระวิษณุมหาเทพก็ทรงรับปากว่าจะช่วยแต่ทรงขอเวลาคิดหาหนทางปราบพญาอสูรก่อน ฝ่ายประหลาทกุมารผู้เป็นโอรสก็เพียรพยายามขอร้องให้บิดาเลิกเบียดเบียนผู้ อื่นฝ่ายพญาอสูรผู้บิดาก็หาเชื่อฟังไม่จึงใช้พวกพราหมณ์อสูรทั้งหลายไปอบรม พระโอรส ให้มาเข้าข้างตนพระโอรสก็ไม่ยอมแม้จะพยายามอย่างใดพระโอรสก็ไม่ยอม จากความรักมากก็กลายเป็นความชังมากจึงสั่งให้จัดการฆ่าโอรสของตนเสีย แต่ไม่ว่าจะ ใช้วิธีใด ๆ ก็ไม่สามารถฆ่าโอรสของตนได้ พญาหิรัณยกศิปุจึงถามโอรสตรง ๆ ว่าพระวิษณุมหาเทพนั้นมีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงและแน่จริงก็ปรากฏตัวออกมาเลย และทัน ใดในระหว่างนั้นเสาศิลากลางห้องท้องพระโรงก็แตกออกมา มีตัวประหลาดเป็นครึ่งคนครึ่งสิงห์ ปราดเข้ามาจับตัวหิรัณยกศิปุลากออกไปวางไว้บริเวณธรณีประตู (คืออยู่ในปราสาทครึ่งตัวอยู่นอกปราสาทครึ่งตัว) และนรสิงห์ผู้นั้นก็ถามพญาอสูรว่าตนเป็นมนุษย์เทวดาหรือสัตว์ พญายักษ์ตอบว่าไม่ใช่ทั้งมนุษย์เทวดาและสัตว์,นรสิงห์ ก็ถามต่อไปว่าเวลานี้ร่างของหิรัณยกศิปุ อยู่นอกเรือนหรือในเรือน พญายักษ์ตอบว่าไม่ใช่ทั้งในเรือนและนอกเรือน และนรสิงห์ถามต่อไปอีกว่าเวลานี้เป็นกลางวันหรือกลางคืน หิรัณยกศิปุตอบว่า มิใช่ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่เป็นเวลาโพล้เพล้นรสิงห์จึงชูมือกางกรงเล็บออกมาถามพญายักษ์ว่าอันนี้คือ อาวุธหรือไม่ พญายักษ์ก็ตอบว่าไม่ นรสิงห์จึงประกาศว่าพรทั้งหลายของพระพรหมธาดาเป็นอันเสื่อมแล้ว และตัวพญาอสูรก็ตกอยู่ในภาวะอันนอกเหนือจากพรหมประกาศิตทุกประการแล้ว กล่าวจบนรสิงห์ก็จัดการ สังหารพญาอสูรด้วยการใช้กรงเล็บฉีกกระชากท้องของพญาอสูรจนถึงทรวงอกจนขาดใจ ตาย พระวิษณุมหาเทพจึงประทานแต่งตั้งให้ประหลาทกุมารเป็นใหญ่แทนบิดาต่อไป พร้อมกับสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีแล้วเสด็จกลับยังที่ประทับของ พระองค์ คืนความสงบให้กลับมาสู่ไตรโลกอีกต่อไป


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 18:47

ปางที่ ๓ มัตสยาอวตาร

พระ วิษณุมหาเทพทรงทราบดีว่าในเวลาที่พระพรหมทรงบรรทมอยู่นั้นเป็นการเริ่มต้น ของ “พรหมราตรี” เป็นราตรีที่ยาวนานเป็นช่วงที่โลกทั้งหลาย ถึงกาลอวสาน น้ำจะท่วมโลกสรรพชีวิตทั้งหลายไม่อาจอยู่รอดได้ โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดปราศจากแสงสว่างทั้งจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พรหมราตรีนี้มีระยะเวลานานกับ ๔,๓๒๐ ล้านปีมนุษย์หรือเท่ากับครึ่งกัลป์ พระวิษณุมหาเทพทรงพิจารณาเห็นถึงมหันตภัยที่จะมากร้ำกรายแก่โลก และบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายในสากลโลก อันมีพระมหากษัตริย์และไพร่ฟ้าประชาชนที่ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันประเสริฐ จึงทรงอวตารลงมาเป็นปลาก รายทองชื่อศผริ (อ่านว่า “ศะ-ผะ-ริ”) อยู่ในฝั่งแม่น้ำเมืองอโยธยา (ในโลกมนุษย์) รอเวลาเมื่อพระสัตยพรตพระราชาผู้ตั้งอยู่ในศีลสัตย์เสด็จมาวักน้ำ สรงพระพักตร์ ปลาน้อยก็ติดขึ้นมาในอุ้งพระหัตถ์กล่าวร้องขอให้ช่วยชีวิต พระราชาจึงนำมาเลี้ยงไว้ในบาตรปลานั้นก็โตเต็มบาตร แม้จะเปลี่ยนภาชนะ เป็นอ่างเป็นสระ ทะเลสาบจนในที่สุดต้องนำไปปล่อยลงในมหาสมุทรเพราะปลาจะขยายใหญ่โตเต็มขนาด ของภาชนะที่ใส่ ทำให้ทรงพระสัตยพรตสงสัย ว่าปลาตัวนี้คงมิใช่ปลาธรรมดา คงจะเป็นพระผู้เป็นเจ้าอวตารมาเพื่อลองพระทัย จึงทรงบูชากราบไหว้พญาปลาด้วยความนอบน้อมและเคารพยิ่งพญาปลา ที่เป็นพระวิษณุอวตารก็พอใจยิ่งนักจึงแจ้งเรื่องภัยพิบัติ คือน้ำกำลังจะท่วมโลกและให้สัญญาว่าจะช่วยชีวิตของพระราชาไว้ โดยแนะนำให้พระองค์พร้อม ด้วยข้าราชบริพารเสด็จลงเรือใหญ่พร้อมด้วยพระฤาษีเจ็ดตน และเก็บรวบรวมพันธุ์ไม้ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างละคู่เตรียมไว้ด้วย และในที่สุดภัย พิบัติดังกล่าวก็มาถึงเมื่อพระพรหมธาดาทรงบรรทมหลับสนิทบังเกิดพายุใหญ่พัด โหมกระหน่ำไปทั่วสากลโลก พาให้น้ำในมหาสมุทรท่วมท้นโลกจนพินาศ ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวต่างจมอยู่ใต้น้ำพระราชาพร้อมด้วยพระฤาษีเจ็ด ตนและสัตว์ต่าง ๆ ต้นไม้ ฯลฯ อาศัยเรือลำใหญ่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลาง มหาสมุทรที่ท่วมโลกแล้วนั้นโดยมีปลาศผริเป็นผุ้ชักลากจูงเรือไปฝ่าคลื่นและ ลมพายุอยุ่ในมหาสมุทรตลอดพรหมราตรีอันยาวนาน จนน้ำค่อย ๆ ลดลงและ สรรพสิ่งกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เรือลำใหญ่นั้นก็เทียบชายฝั่งพร้อมกับกับส่งพระราชาพร้อมด้วยช้าราชบริพาร เรียบร้อยแล้ว ปลาศผริ (อวตาร) ก้รีบดำดิ่งลง สู่มหาสมุทรเพื่อตามล่าอสูรหัยครีพทวงเอาพระเวทคืนกลับมาจนพบอสูรหัยครีพจึง ทรงจัดการสังหารเสีย ซึ่งก่อนหน้านั้นอสูรหัยครีพได้นำพระเวททั้ง ๔ไป ฝากกับสังข์อสูร ทำให้พระวิษณุมิได้พระเวททั้ง ๔ คืนมาและจักต้องทรงอวตารมาอีกเพื่อทวงเอาพระเวททั้ง ๔ คืน


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 18:59

ชอบจังเลยครับ คุณ yutthana รบกวนถามสักหน่อยว่า ท่านกำลังทรงอะไรในมือครับ  ฮืม


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 02 เม.ย. 11, 22:17

ในปางนี้ที่อินเดีย ผมขอนำภาพ ๓ ภาพมาให้ชมว่าในพระหัตถ์นั้น บ้างถือ หอยสังข์, จักร, คฑา, ดอกบัว, ดอกไม้ บ้างก็อีกมือคว้าจับผมยักษ์ไว้ หรือว่า ช่างไทยจะนำเหล่าอาวุธรวมกันอยู่ในวงกลม


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 05 เม.ย. 11, 14:50

อันนี้เรียนตามตรงว่าไม่ทราบจริงๆครับ  อาจเป็นสัญลักษ์แทนพระเวททั้งสี่ก็ได้อันนี้ต้องรอท่านผู้รู้ครับ  เพราะไม่ค่อยได้เห็นรูปแบบนี้   มาต่อกันอีนิดแล้วกันนะครับ   ลายขอบบนเพดานหน้าต่าง  ฉลุกระดาษปิดทอง  ของเดิมน่าจะคมกว่านี้คาดว่าโดนซ่อมแซมไปลานเลยเสือนไม่คมครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 05 เม.ย. 11, 14:51

ขยายครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 05 เม.ย. 11, 14:53

ขอบหน้าต่างทำเป็นลวดบัวลดชั้นปราณีตมาก


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 05 เม.ย. 11, 14:54

ต่อกัันด้วยอวตารปางนี้ครับคนไทยรู้จักกันอยู่แล้วคือรามเกียรตินั่นเอง


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 05 เม.ย. 11, 14:55

ภาพขยายครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 07 เม.ย. 11, 05:49

...


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 07 เม.ย. 11, 05:51

ที่นี่เขียนฟอร์มหินสวยมาก


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 19 คำสั่ง