ผมขอดับเครื่องรอท่านอื่นๆด้วยรูปที่ผู้จัดงาน ประชาสัมพันธ์เขมรให้คนยุโรปมาเที่ยวงานเอกซ์โป 1906 ที่ปารีส เรื่องนี้เป็นจุดผกผันอันสำคัญของนาฏศิลป์เขมร เขาก้าวขึ้นสู่เวทีโลกก่อนไทย ด้วยพลังส่งของวิธีการด้านการตลาดที่ชาญฉลาด ซึ่งคิดและทำโดยคนฝรั่งเศส
แล้วผมจะกลับมาใหม่ครับ ชักจะเล่นเกินบทตัวประกอบไปนิดนึงแล้ว
อ้าว กลับมาไม่ทัน ท่านนวรัตนไปอินเทอร์มิชชั่น ๑๕ นาที เสียแล้ว
คงเป็นเพราะท่านชิงเปลี่ยนชุดเป็นสนับเพลาคาวบอย เลยไม่มีหางกระเบนให้คุณ siamese กับคุณเพ็ญชมพูฉุดได้ทัน

ขอคั่นโปรแกรมไปพลางๆก่อนค่ะ ด้วยเนื้อความที่เก็บมาจากม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่อง โครงกระดูกในตู้
ท่านบอกว่าละเม็งละครในสมัยโน้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กไม่ได้ หากแต่เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะประเทศต่างๆแถวเอเชียอาคเนย์ถือว่าโขนละครและหนังเป็นเครื่องส่งเสริมเกียรติยศของบ้านเมือง โขน ละคร และหนังใหญ่ของไทยถือว่าประเสริฐสุดๆ ทุกประเทศอยากได้ไปเป็นของตนหรือเป็นแบบฉบับ
เมื่อเจ้าอนุวงศ์แห่งลาวเสด็จเข้ามาในสยามในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสร็จงานเมื่อถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ กลับบ้านเมือง ก็ทูลขอตัวละครในไปเวียงจันทน์ เพื่อจะไว้ไปฝึกละครในราชสำนักลาว แต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มิได้โปรดพระราชทานให้
เจ้าอนุถูกปฏิเสธก็โทมนัสน้อยใจ และเริ่มเอาใจออกห่าง จนถึงขั้นเป็นกบฏยกทัพเข้ามาถึงโคราช อย่างที่เรารู้ๆกันในเรื่องวีรกรรมของย่าโมหรือท้าวสุรนารี
ในเมื่อลาวไม่มีสิทธิ์เอาละครในของไทยไปประจำในราชสำนักลาว เขมรก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน สมเด็จเจ้านโรดมซึ่งเคยมาอยู่ในกรุงเทพฯ เมื่อคราวเสด็จกลับไปครองราชย์ ก็ได้ไปแต่ลิเกไทย ไปประจำอยู่ในเขมร
ลิเกไทยก็ไปเฟื่องฟูอยู่ในเขมร สมเด็จนโรดมทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ จนในเขมรเชื่อกันว่าสมเด็จฯเป็นผู้คิดลิเกขึ้นมาเอง และทรงสั่งสอนนาฏศิลป์เขมรให้เป็นเรื่องลิเก
ลิเกเขมรเป็นอย่างไร ไม่เคยเห็น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์เล่าว่าลิเกเขมรร้องราดนิเกริงอย่างลิเกไทยไม่เป็น เพราะราดนิเกริงเป็นเพลงลิเกที่พระเอกลิเกดังชื่อนายดอกดินเป็นคนแต่งขึ้นมา นายดอกดินเป็นคนรุ่นหลัง สมเด็จนโรดมท่านทรงนำลิเกไปเขมรก่อนหน้านี้นานแล้ว