เจอรูปอัปสรานางนี้ โครงหน้าเธอสวยและดูโมเดิร์นมากๆ นึกถึงนางอัปสรที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เล่าไว้ในเรื่อง ถกเขมร และเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านนำไปแต่งเรื่องสั้นในชุด เพื่อนนอน
นางอัปสรกลุ่มใหญ่เกิดขึ้นหลังกวนเกษียณสมุทร ที่เทวดากับอสูรเอานาคมาชักคะเย่อ มีเขาพระสุเมรุปั่นอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ลอยขึ้นมาเป็นครีมมีพิษร้ายที่พระอิศวรฉวยไปกลืนจนพระศอดำ พระลักษมี ธันวันตรี(แพทย์เทวดา) และนางอัปสร
นางอัปสรเหล่านี้เป็นของกลาง ไม่มีใครรับไปเป็นภรรยา ทั้งที่ยังสาวสวย นานๆก็ถูกใช้ลงมาทำลายตบะฤาษี ที่จำได้คือนางเมนกาถูกใช้มาทำลายตบะพระวิศวามิตรจนเกิดลูกสาวคือศกุนตลา คลอดลูกเสร็จก็กลับสวรรค์ไม่มาเลี้ยงดู อีกคนคืออุรวศี แต่ทำอะไรลืมไปแล้วต้องไปหาหนังสือดร.ศักดิ์ศรีมาอ่าน
ส่วนนางอัปสรา ก็มาจากอัปสรนั่นละค่ะ ภาษาสันสกฤต บาลีเรียกว่าอัจฉรา ดิฉันคิดว่าสาวประดับผนังนครวัดคงเป็นรูปแบบของคนงามในสมัยนั้น
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เคยเขียนล้อเอาไว้ในเรื่องสั้น ที่นางอัปสรสวยที่สุดในนครวัดได้แบบมาจากนางตะเภาเหาะ หล่อนเป็นหญิงงามแห่งนคร พูดอีกทีคือโสเภณี

"ครู มะรืนนี้ผมก็จะไม่ได้พบครูอีกแล้ว วันนี้วันที่หกผมยังหาผู้หญิงเหมือนนางอัปสราถวายไม่ได้ พรุ่งนี้วันที่เจ็ดก็คงหาไม่ได้"
"เฮ้ย! ลื้ออย่าไปท้อแท้อย่างงั้นสิวะ"ครูอบสะเรดกล่าว " ในเมื่อหาไม่ได้ เจ้าก็ไปหาอีตัวที่มันเหมือนในสปิริตไปถวายซี อั้วพาลื้อไปเรียนรู้นางอัปสราที่ไหน ลื้อก็ไปหาเอาที่นั้นก็แล้วกัน ไม่เห็นจะยากอะไรนี่หว่า เลือกเอาไปถวายซักคนยังดีกว่าไม่ถวายเลย"
"ครูหมายถึงคนไหนล่ะ" ศิลปินหนุ่มถาม
"ก็
นังตะเภาเหาะไง" สิ้นคำแนะนำของครูเฒ่า โอยสะลาร้องเสียงหลง
"ตายแล้ว! ก็นังตะเภาเหาะนั้นมันตัวร้ายที่สุดเลยนี่ครู! คนสร้างนครวัดกี่หมื่นกี่แสนก็เป็นแฟนมันทั้งนั้น ขืนผมเอาไปถวาย"
ครูเฒ่าตัดบทขึ้นมาทันที "ก็เพราะไอ้เหตุนี้แหละ เจ้าจึงควรเอานางตะเภาเหาะไปถวาย ช่างสลักนางอัปสรากี่ร้อยคนมันก็เป็นแฟนนังตะเภาเหาะทั้งนั้น นางตะเภาเหาะมันจึงต้องมีส่วนเหมือนนางอัปสราที่นครวัดมากกว่าคนอื่น เชื่ออั๊วเถิดน่า! ถ้าเจ้าไม่ไปหานางอัปสราไปถวายภายในเจ็ดวันก็ต้องตายแน่ ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าเจ้าพานางตะเภาเหาะไปถวาย เจ้าก็ยังพอมีทางรอดครึ่งต่อครึ่งว่ะ"
