เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
อ่าน: 53554 “นิราศกรมหมื่นสถิตย์” ว่าด้วยวิกฤตวังหน้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 30 เม.ย. 11, 09:33

ต่อไป.


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 30 เม.ย. 11, 09:37

ต่อไป...




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 02 พ.ค. 11, 08:57

พระนิพนธ์บทความเรื่องนี้ กรมหมื่นสถิตย์ฯ ทรงเรียบเรียงลงในวชิรญาณวิเศษ   น่าจะเป็นพระประสงค์ของเจ้านายผู้ทรงทำหน้าที่บรรณาธิการ   ที่จะให้มีผู้รู้ช่วยเขียนเรื่องลงในวารสาร  หมุนเวียนกันไป   
ที่มาก็คือก่อนหน้านี้มีพระราชนิพนธ์เรื่องลอยพระประทีปกระทงหลวง       จากนั้นก็คงลงความเห็นกันว่า มีเรื่องพระราชพิธีหลวงแล้ว ก็น่าจะเขียนเล่าต่อไปว่า ประชาชนเขาลอยกระทงกันอย่างไร      กรมหมื่นสถิตย์ฯ คงจะได้รับคำขอ หรือไม่ก็ได้รับคัดเลือกให้เขียน  ท่านก็เลยทรงเล่าไว้ในหน้าแรก    เก็บความจากประสบการณ์ส่วนพระองค์  และสอบถามผู้รู้ถึงที่มาด้วย

กรมหมื่นสถิตย์ฯ ทรงเล่าแบบง่ายๆ เป็นกันเอง เหมือนทรงชวนคุยให้ฟัง    สมกับเป็นเรื่องของราษฎร   เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆถี่ถ้วน เช่นกระทงของชาวบ้านทำด้วยอะไรบ้างก็ทรงแจกแจงให้เห็น  กระทงดอกบัวยังมีอยู่จนทุกวันนี้ แต่วัสดุคงไม่เหมือนกันอีกแล้ว  สมัยนั้นใช้วัสดุจากธรรมชาติ  เพราะมีเหลือเฟือ    กระทงพลับพลึง คิดว่าทำจากกาบพลับพลึง ไม่ใช่ดอก   ดอกมีกลีบเรียวเล็กเป็นเส้น คงไม่เหมาะจะทำอะไร    กระทงหยวกกล้วยยังเคยเห็น เพราะมันเบาลอยน้ำได้   กระทงใบตองก็ยังเคยเห็น  แต่ที่ทำเป็นกระทงเจิม มีกระจังยังนึกภาพไม่ออก  อาจจะต้องขอผู้ที่เคยเห็นมาอธิบาย

ตำนานยกเสาแขวนโคม  ก็เป็นความเชื่อที่แพร่หลาย ว่าเป็นการบูชาพระรัตนตรัยในพรหมโลกและเทวโลก  บูชาพระเกตุธาตุที่เจดีย์จุฬามณีในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์   เช่นเดียวกับการลอยกระทงเพื่อขอขมาลาโทษแม่พระคงคา ที่ได้ใช้น้ำ และถ่ายเทของเสียลงน้ำมาตลอดปี
กรมหมื่นสถิตย์ฯ ทรงรวบรวมความเชื่อของชาวบ้านมาลงไว้ในบทความ  ก็คงสดับฟังมาจากหลายแห่ง    ข้างบนนี้คือความเชื่ออย่างที่รู้ๆกัน  แต่ก็มีตำนานหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ยินกันนัก คือความเชื่อว่ายักษ์คอยเฝ้าดูว่าพระพุทธเจ้าเสด็จสู่ปรินิพพานหรือยัง    ถ้ายังก็ยังเห็นพระรัศมีสว่าง   ถ้านิพพานแล้วก็จะมืดไปทั่ว   จึงต้องจุดประทีปโคมไฟหลอกยักษ์ที่ขึ้นมาดูในคืนนี้   อ่านแล้วก็นึกขำความไม่ประสีประสาของยักษ์     ความเชื่อแบบนี้ก็คงจะเป็นเรื่องเล่าสืบต่อๆกันมา   ไม่ได้เป็นแก่นสารอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้สนุกสำหรับชาวบ้านจะจุดโคมไฟสว่างไสวไปทั่วเมือง    ก่อบรรยากาศรื่นเริงบันเทิงของหนุ่มสาวอย่างที่ทรงเล่าไว้ในลำดับต่อไป
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 02 พ.ค. 11, 17:16

    บรรยากาศงานรื่นเริงในวันลอยกระทงที่ประทีปจุดสว่างไสวกันทั้งเมือง มีการบรรยายไว้สั้นๆในตอนท้ายบทความ  แต่ก็๋ทรงเก็บภาพได้ใจความละเอียดลออดี   อ่านแล้วสนุกไปด้วย
    กรมหมื่นสถิตย์ฯทรงมีวังอยู่ริมแม่น้ำ   ตรงที่เป็น  ASTV ถนนพระอาทิตย์ในปัจจุบัน   วังเจ้านายไทยก็ไม่ได้ห่างไกลจากบ้านเรือนชาวบ้าน    ท่านจึงทรงเห็นราษฎรชายหญิงข้างนอกวัง "...แต่งกายอย่างสุภาพบ้าง แต่งกายอย่างวิปลาศให้แปลกให้ขันบ้าง" พวกนี้ก็ลงเรือเก๋ง เรือนาง เรือเป็ด เรือสำปั้นใหญ่น้อย    มาเที่ยวงาน  ซึ่งถ้าเป็นการชุมนุมกันก็ต้องไปที่วัดริมแม่น้ำ  ซึ่งมีอยู่หลายวัดด้วยกัน   หรือลึกเข้าไปคลองต่างๆก็มีวัดใหญ่น้อยอีกมาก
   การสัญจรในรัชกาลที่ ๕ ยังใช้ทางน้ำอยู่เป็นส่วนใหญ่   ถนนที่ตัดในรัชกาลที่ ๔  มีจริงแต่ก็น้อย  แค่ไม่กี่สาย    สภาพเมืองหลวงในต้นรัชกาลที่ ๕ จนถึงตอนกลาง จึงมีชีวิตชีวากันที่ริมแม่น้ำลำคลอง    ลึกเข้าไปในฝั่งก็เป็นสวนปนป่าเสียเป็นส่วนใหญ่  อย่างที่บรรยายไว้ในประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์       
   ส่วนประกอบอีกอย่างของความรื่นเริงสนุกสนาน มาจากเสียงเพลง ทั้งเสียงร้องเสียงเล่น   กรมหมื่นสถิตย์ฯท่านทรงเก็บเสียงมาให้ได้ยินกันหลากหลาย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
   เสียงดนตรี
    "...แอ่วลาวเป่าแพนตีฆ้องโหม่ง   กลองโทนรำมะนาฉิ่งกรับ"
   เสียงร้อง
    " ขับร้องลำนำเพลงดอกสร้อยสักระวา  เพลงครึ่งท่อน เพลงปรบไก่  เพลงเรือ เพลงตวันตกตวันออกโต้ตอบกัน"
     ไม่เคยได้ยินเพลงครึ่งท่อน และเพลงตวันตกตวันออก   สมัยนั้นคงเป็นที่นิยมไม่แพ้เพลงแบบอื่น  จึงทรงกล่าวถึงไว้ด้วย

    ชาวบ้านไกลๆก็เดินทางมาแต่วัน  แวะไปมาหาสู่กับญาติมิตรบ้าง  บางคนไม่ได้เอาของกินติดเรือมาด้วย ก็แวะซื้ออาหารตามเรือตามแพกินกัน     กรมหมื่นสถิตย์ฯทรงบอกละเอียดถึงขั้นว่า ซื้อเมล็ดบัวถั่วยะสง (ถั่วลิสง)อาหารคาวหวาน     ท่านคงจะได้เคยเสด็จลงเรือ   ผ่านไปท่ามกลางชาวบ้านชาวช่องทั้งหลายในวันลอยกระทงมาแล้ว     จึงทรงสังเกตได้ว่าซื้อขายของกินอะไรกันบ้าง    แสดงว่าชีวิตเจ้านายไทยในสมัยนั้นก็ไม่ได้ห่างไกลจากราษฎร  ทั้งบ้านช่องที่อยู่อาศัย  และการดำเนินชีวิต
    ท่านทรงเล่าจนกระทั่งว่าวันงานรื่นเริงแบบนี้ก็เป็นโอกาสที่หนุ่มๆ จะได้พายเรือไปดูสาวๆที่ออกจากบ้านมาเที่ยวงาน     เพราะตามธรรมดา โอกาสจะพบสาวๆเป็นเรื่องยาก     ผู้หญิงมักจะถูกเก็บตัวอยู่กับบ้าน     งานรื่นเริงต่างๆจึงเป็นโอกาสดีจะสานสัมพันธ์กัน

ก็คงจะจบเรื่องพระนิพนธ์แต่เพียงแค่นี้ค่ะ

   
 
 
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 02 พ.ค. 11, 18:02

ขอบคุณมากครับที่นำมาลง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 19 คำสั่ง