เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 19
  พิมพ์  
อ่าน: 141494 ของเสวยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 195  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 16:51

รู้จักเนยแข็งขึ้นรา   แต่ยังไม่เคยเห็นเนยแข็งเป็นหนอน ค่ะ
เนยแข็งกับไวน์แดง กินคู่กันอร่อยที่สุด     แต่เพิ่มห่วงยางรอบเอวได้ทันตาเห็นมาก
น้ำแร่เอเวียง  ก็ยังผลิตอยู่จนทุกวันนี้



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 196  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 16:57

น้ำแร่เอเวียง  ก็ยังผลิตอยู่จนทุกวันนี้

คนละยี่ห้อกับข้างบน

น้ำโอเดอเวียง เปนน้ำแร่ที่เมืองเอเวียง

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 197  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 18:45

^
คุณเพ็ญชมพูลองใช้กูเกิ้ลค้นคำว่า  Eau d'Evian   แล้วหาตัวอย่างให้หน่อยได้ไหม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 198  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 18:55


ขนมอย่างหนึ่งซึ่งน่าที่เราจะทำได้ แต่จะทำด้วยลูกอะไรนั้นเปนของควรคิด คือเขาเอาสตรอเบอรีลูกใหญ่ ที่ขนาดโตสักเท่าลูกเงาะชุบน้ำตาลผสมสีชอกกะเลต เหลือก้านเขียวแลเห็นอยู่ข้างนอก  แล้วใส่ในกระทงกระดาษเล็ก ๆ ลูกละกระทง เวลากินก็กัดเข้าไปเฉย ๆ รศเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อร่อย ถ้าน้ำตาลหนาหวานมากเกินไปสักหน่อย


นอกจากสตรอเบอรี่แล้ว   ผลไม้ที่ทำฟองดูได้มีอีกหลายอย่าง



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 199  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:07

^
คุณเพ็ญชมพูลองใช้กูเกิ้ลค้นคำว่า  Eau d'Evian   แล้วหาตัวอย่างให้หน่อยได้ไหม


น่าจะเป็นอย่างที่คุณเทาชมพูว่า

งั้นลองชมโฆษณาน้ำดื่มชุึดเด็กน้อยเล่นสเก๊ต สุดน่ารัก


 อายจัง
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 200  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:22

จะสังเกตุว่า การทานผลไม้นั้น ต้องจิ้มน้ำตาล เพื่อให้ออกรสหวานไว้ก่อน  ยิงฟันยิ้ม

ต่อมาที่ตำบลวิลลาโนเบล ซันเรโม แห่งเดิม พระองค์ได้เสด็จไปยังแปลงปลูกผัก และ ผลไม้

"..ตามเขา (ภูเขา) เหล่านั้นสังเกตุดูที่ทำมาหากินของคน คือ ปลูกต้นออลิฟนั้นอย่างหนึ่ง ปลูกส้มที่จะเปนพรรณสัมจีนเรียกว่า สัมแมนเดอริน อันแปลว่าขุนนางจีน แต่ลูกแบนเหมือนส้มมะแป้น เลวกว่าส้มมะแป้นเปนอันมาก  อีกอย่างหนึ่งก็มะนาวฤามะงั่ว สีเหลืองอ่อน

ผลไม้อื่นๆ ก็ห่างตา มีปลูกอินทผาลัมอยู่ระยะหนึ่ง จะปลูกเล่นฤาได้ผลก็ไม่ทราบ แต่เห็นมากอยู่ต่อไปอีกก็ผักต่างๆ ผักกินเปนอาหารอย่างอิ่มได้ เช่น อาติโจ๊กก็มี ผักสำหรับกินใบ เช่น ผักสลัดมีโดยมากทั่วไปทุกแห่ง แต่ไม่เท่าต้นไม้ดอกไม้ดอกอะไรก็ไม่เท่ากุหลาบ.."
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 201  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:26

"มะงั่ว น. ชื่อไม้ต้นขนาดเล็ก ชนิด Citrus ichangensis Swing. ในวงศ์ Rutacea ผลคล้ายส้มโอ รสเปรี้ยวจัด ใช้ประสมกับขมิ้นเพื่อย้อมผ้า" ทางภาคอีสานท่านจัดให้ มะงั่ว เป็นผลไม้พวกเดียวกับส้มซ่า โดยท่านแยกออกเป็น 2 รส คือ ชนิดรสส้มและรสหวาน

มะงั่ว เป็นไม้ผลที่มีชื่อเรียกต่างกันไปในแต่ละถิ่น แถบอีสาน เรียกว่า หมากเว่อ เชียงใหม่ เรียกว่า มะโว้ช้าง และในถิ่นอื่นๆ เรียกต่างไปอีกว่า มะนาวควาย มะนาวริปน ส้มนาวคลาน และส้มละโว้ เป็นต้น มะงั่วนั้น เราเชื่อได้ว่าเป็นผลไม้โบราณเพราะมีระบุชื่อไว้ในพระคัมภีร์แพทย์แผนไทย เมล็ดในมะงั่ว ใบมะงั่ว รากมะงั่ว ผิวเปลือกผลมะงั่ว น้ำมะงั่ว และที่ระบุว่า มะงั่วเฉยๆ ก็มี และโรคที่ท่านระบุชื่อว่าแก้ได้ ได้แก่ โรคกุมารสำรอกและสะอึก โรคซาง โรคละอองแสงเพลิง โรคลมบ้าหมู โรคมูกเลือด โรคลม โรคป่วง โรคหืดหรือไอ โรคสันนิบาต โรคนอนไม่หลับ โรคเสมหะพิการ โรคริดสีดวง โรคเกี่ยวกับตับ และโรคกษัยที่เกิดเถาดานโลหิตในท้อง เป็นต้น


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 202  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:34

ผักกินเปนอาหารอย่างอิ่มได้ เช่น อาติโจ๊กก็มี

เคยกิน Artichoke เอาไปต้ม แล้วกินเนื้อที่กลืบ อร่อยดี



 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 203  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:37

สิ่งที่พระองค์เห็นมาคือ "อาติโจ๊ก" หรือ อาร์ติโชค (Artichoke)

ว่ากันว่าอาร์ติโชคถูกค้นพบมานานกว่า 3,000 ปี เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรคของชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมันในยุคโบราณ ลำต้นของอาร์ติโชคสูงประมาณ 1-2 เมตร มีใบสีเขียวส่วนดอกมีลักษณะเป็นกลีบแข็งซ้อนกันแน่นหลายชั้น เป็นพืชพื้นเมืองของแอฟริกาเหนือ สามารถปลูกได้ทั่วไปในแถบอากาศเย็น เช่น เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ โครงการหลวงได้เริ่มทดลองปลูกอาร์ติโชคมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 ไม่นานมานี้โครงการหลวงก็ได้ผลิตชาอาร์ติโชคบรรจุซองเพื่อชงเป็นน้ำดื่มได้

ผมเคยลองทานอาร์ติโชค ครั้งหนึ่งบริษัทส่งออกรายใหญ่ได้ส่งอาร์ติโชคจำนวนมากส่งเข้ามาให้ลองกินดู เมื่อแรกเห็นเป็นหัวใหญ่มาก คล้ายเกล็ดปลาซ้อนกันเป็นดอกบัวตูม หัวใหญ่จะเริ่มบานตัวออก ทราบว่าเป็นพืชเดียวกับตระกูลกระบองเพชร

ต่อมาก็หาวิธีกินที่แสนพิศดารว่าเขาทานกันอย่างไร  ฮืม

สรุปเบื้องต้นว่า ส่วนที่ทานได้นั้นมี 2 ที่คือ ตัวกลีบใบ และตัวฐานรองกลีบ ซึ่งวิธีการทำอาหารคือ เอามาต้มในน้ำเดือดทั้งหัว สีจะเข้มขึ้น ต้มนานพอสมควร แกะกลีบทิ้งให้หมด (กลีบนี้ให้เด็กดูดเนื้อได้ แต่เนื้อน้อยมาก) แกะเหมือนกลีบบัวหลวงเลย แกะออกให้หมด จนถึงชั้นเกสร และจนถึงชั้นฐานรองดอก ส่วนในจะเหมือนฝักบัวเล็กๆ เนื้อสีขาวเหมือนมันต้ม เนื้อน้อยมาก ส่วนที่ว่านี่แหละครับ นำมาประกอบอาหาร ซึ่งมีราคาแพงพอสมควร แต่อร่อยมากครับ



บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 204  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:41

ภาพตัดขวาง ให้ชมครับ

คลิปนี้ดีครับ นำชมการทำอาร์ติโชค ให้ดูครับ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 205  เมื่อ 06 เม.ย. 11, 19:58

วิลลาโนเบล ซันเรโม

"..วันนี้ก่อนจะนอน กินลูกแปร์ที่เป็นอย่างสุกงอมขนาดใหญ่ที่สุด ช่างอร่อยจริงๆ คิดถึงเกือบน้ำตาหยด มันนุ่มแลรศแหลม จะหาลูกไม้อะไรเหมือนออกยากๆ พ่อเปนนักเลงกินลูกไม้อย่างเอก จะต้องนับว่าเปนลูกไม้ชั้นสูง ซึ่งไม่ควรจะหมิ่นประมาทเลย ลูกเดียวแลอิ่มบริบูรณ์ชื่นใจทีเดียว"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 206  เมื่อ 07 เม.ย. 11, 10:42

วิลลาโนเบล ซันเรโม

"..วันนี้ก่อนจะนอน กินลูกแปร์ที่เป็นอย่างสุกงอมขนาดใหญ่ที่สุด ช่างอร่อยจริงๆ คิดถึงเกือบน้ำตาหยด มันนุ่มแลรศแหลม จะหาลูกไม้อะไรเหมือนออกยากๆ พ่อเปนนักเลงกินลูกไม้อย่างเอก จะต้องนับว่าเปนลูกไม้ชั้นสูง ซึ่งไม่ควรจะหมิ่นประมาทเลย ลูกเดียวแลอิ่มบริบูรณ์ชื่นใจทีเดียว"

ลูกแพร์ที่สุกแล้ว สีจะออกแดง  ไม่เขียวอมเหลืองอย่างแพร์ที่ออกใหม่ๆ


บันทึกการเข้า
ธีร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 54



ความคิดเห็นที่ 207  เมื่อ 07 เม.ย. 11, 13:10

เรียนอาจารย์เทาชมพูครับ ที่เห็นดำๆในเนื้อเนยไม่ใช่รานะครับ เคยดูรายการที่เขาพาไปชิมเนยอย่างเดียวทั่วยุโรปและอเมริกา เขาใช้ขี้เถ้าครับ งง ดีเหมือนกันครับว่าโรยไปทำไมจะอร่อยขึ้นไหมน้า  ฮืม  แต่ก็ไม่เคยเห็นหนอนขึ้นเลยนะครับ เห็นแต่ราขึ้นเหมือนกันครับ

ส่วนต้นในรูปนี้ ทางบ้านผมเขาเรียก " ต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ " ครับ คุ้นๆกันดีใน ชาดกเรื่อง พระรถเสน(ตามม้า)และน้องเม(รี) ขี้เมาครับผม

ปัจจุบันมีคนนำลูกมาฝานเม็ดแช่อิ่มกรอบอร่อยแปลกดีครับ พึ่งจะทราบว่าทาง กรุงเทพ เรียก มะงั่ว  น้ำของลูกที่สุกนั้นเป็นของเล่นแกล้งคนให้ตกใจ

ได้ดีที่หนึ่งเพราะจะมีฟองและมีความข้นสีแดงเข้ม เหมือนสีของเลือดหมูสดๆ  ติดเสื้อดีนักแต่ซักสัก 2 - 3 ครั้งก็หมดครับ


บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 208  เมื่อ 07 เม.ย. 11, 13:41

พระกระยาหารกลางวันบนรถไฟจากเยนัวมาซันเรโม

เวลามานี้ไม่มีกินเข้าฤๅรถกินเข้าอย่างใด เขาจัดอย่างที่เรียกว่าบาสเกต อันเราเคยแปลว่ากระจาด แต่ไม่ใช่กระจาด เปนกระจาดอย่างฝรั่งดังนี้ ตัวบาสเกตน้นทำเปนรูปหีบสานด้วยหญ้าโปร่ง ๆ สูงสักศอกหนึ่งยาวสักศอกคืบ เอาลวดเหล็กผูกตามบุญตามกรรมพอฝาไม่หลุดจากตัว อาหารที่มีอยู่ในนั้นคือเนื้อไก่ย่างเย็น ๆ ทั้งตัว หมูแฮมที่ต้มแล้วจืด ๆ เนื้อโคเค็ม ลิ้นโค เนยแขงสามอย่างทั้งที่เปนหนอน เกลือพริกไทยใส่กรวยกระดาษผนึกเหมือนถั่วที่ขายในตลาด ของหวานมีผลไม้ แปร์ แอบเปอล สัม ภาชนะที่ใช้ จานเลวขอบน้ำเงิน น้ำโอเดอเวียง เปนน้ำแร่ที่เมืองเอเวียง แต่จืด ถ้วยทำด้วยกระดาษพับแบน ๆ เวลาจะรินน้ำก็กางออก อย่างเอาใบตองตักน้ำกิน ผ้าเช็ดมือกระดาษ หมดเท่านั้น ตามแต่จะว่ากันไป ของขายตามสเตชั่น มีลูกสตรอเบอรีป่่า ลูกแอบเปอลออกจะดี ๆ แต่ลูกองุ่นมีเหี่ยวปรอดทั้งสิ้น รศชาติก็อย่างเดียวกับลูกเงาะเก็บเมื่ออ่อน ๆ ด้วยอารามอยากจะได้เงิน

เนยแขงสามอย่างทั้งที่เปนหนอน = เนยแข็งขึ้นรา ?


เนยแข็งอย่างที่เป็นหนอน เรียกว่า คาสุ มาร์ซู (Casu Marzu) ค่ะ
เป็นชีสนมแกะที่ภายในมีรูพรุน อันอุดมไปด้วย "หนอนแมลงวัน"
คำเตือน คนขวัญอ่อนไม่ควรดูภาพประกอบหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ค่ะ..ฮิ ฮิ  ยิงฟันยิ้ม

คาสุ มาร์ซู มีต้นกำเนิดจากเมืองซาร์ดิเนียในอิตาลี โดยเป็นเนยแข็งที่หนอนตัวอ่อนใช้เป็นที่อยู่อาศัย พวกมันถูกใส่เข้าไปในเนยแข็งอย่างจงใจเพื่อเพิ่มระดับการหมักให้สูงขึ้นจนถึงจุดที่ไขมันของเนยแข็งแตกตัว กล่าวกันว่าชีสชนิดนี้มีความอ่อนนุ่มมาก เนื่องจากมีของเหลวแทรกซึมอยู่ในเนื้อชีส แต่จะต้อง รีบทานในขณะที่หนอนยังมีชีวิตอยู่ เพราะถ้ารอให้หนอนตายก่อน ชีสก้อนนั้นจะถือว่าเป็นอาหารมีพิษทันที และถ้าใครเอามือไปโดนหรือเอาอะไรเขี่ยหนอนที่อยู่ในชีส พวกมันจะกระโดดใส่ทันที (หนอนพวกนี้สามารถดีดตัวได้สูงถึง 15 ซ.ม.) ซึ่งถ้าหากไม่ระวังอาจกระเด็นเข้าตาได้ด้วย

ยี้...ยี้...ยี้....รูดซิบปาก




บันทึกการเข้า
ธีร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 54



ความคิดเห็นที่ 209  เมื่อ 07 เม.ย. 11, 15:30

 ขยิบตา เห็นภาพแล้วสยองมากกว่าน่าเสวย  ลังเล
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 19
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.051 วินาที กับ 20 คำสั่ง