เรื่องยศศักดิ์ บรรดาศักดิ์ ศักดินา (ของข้าราชสำนัก) ขุนตำรวจเอก เนื่อง สาคริก บันทึกไว้ว่า
“ในสมัยก่อนรัชกาลที่ ๔ เมื่อพระเจ้าแผ่นดินจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งมหาดเล็กคนใดเป็นผู้บังคับกองร้อยทหาร ก็จะโปรดเกล้าฯพระราชทานพระแสงดาบที่มี
ฝักหุ้มแพรสีแดง มีปลอกเงินรัดเป็นปล้อง ๆ มีคำจารึกตำแหน่งและชื่อไว้ที่โกร่งดาบด้านใน”
และยังบันทึกต่อไปอีกว่า
“ภายหลัง ที่ผู้นั้นออกจากที่เฝ้าฯแล้วผู้ที่พากันแสดงความยินดีด้วยในตอนนั้น มักจะใช้สรรพนามเรียกท่านผู้นั้นว่า
ออกหุ้มแพร เช่นเดียวกับออกขุน ออกหลวง ฯลฯ เป็นต้น”
ทีนี้ว่าถึงท่านปลายเชือก ตำแหน่งหัวหมื่นมหาดเล็ก มีด้วยกัน ๔ ท่าน คือ
๑. เจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี (หรือบางทีเขียนว่าสรรพเพธภักดี)
๒. เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์
๓. เจ้าหมื่นเสมอใจราช
๔. เจ้าหมื่นไวยวรนารถ
หัวหมื่นทั้ง ๔ ท่าน นี้ถือศักดินา ๑,๐๐๐ ไร่เท่ากัน เทียบยศทหารปัจจุบัน (สมัย ร.๖) เท่ากับชั้นนายพันเอก
(ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยศทหารมีคำว่า ‘นาย’ นำหน้า เช่นนายพลตรี นายพันตรี นายร้อยตรี)
บรรดาศักดิ์ชั้นยศหัวหมื่นทั้ง ๔ นี้ ก่อนสมัยรัชกาลที่ ๔ ใช้ว่า ‘จมื่น’ เช่นเดียวกันกับจมื่น ในกรมกองอื่น ๆ
แต่ศักดินา ‘จมื่น’ ของหัวหมื่นมหาดเล็กนั้นสูงกว่า ศักดินาของจมื่นกรมกองอื่นอยู่หลายร้อยไร่ การเรียกขานก็ยกย่องเรียกว่า ‘คุณพระนาย’ เฉพาะหัวหมื่นมหาดเล็กเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมดาแล้วผู้น้อยจะเรียกว่า ‘คุณพระนาย’ ผู้เหนือกว่ามักเรียกว่า ‘พระนาย’ ส่วนจมื่นโดยทั่วๆไปเคยได้ยินเรียกกันว่า ‘คุณจมื่น’
ถึงรัชกาลที่ ๔ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงโปรดฯให้เรียกหัวหมื่นมหาดเล็กว่า ‘เจ้าหมื่น’
ด้วยเหตุผลสองนัยคือ
นัยหนึ่ง เล่ากันว่า เมื่อยังทรงผนวชอยู่ในรัชกาลที่ ๓ ทรงรับเลี้ยงนายเพ็ง เสมอดังราชบุตรบุญธรรมออกพระโอษฐ์ไว้ว่า หากเสด็จครองราชย์จะโปรดฯให้เป็นเจ้าครั้นเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว โปรดฯให้นายเพ็งเป็นหัวหมื่นมหาดเล็ก จึงทรงแก้คำว่า ‘จมื่น’ เป็น ‘เจ้าหมื่น’
ส่วนอีกนัยหนึ่งว่า คงจะทรงพระราชวินิจฉัยว่า ตำแหน่งหัวหมื่นมหาดเล็กนั้น สูงกว่า จมื่นกรมกองอื่น ไม่น่าจะมียศ ‘จมื่น’ อย่างเดียวกัน จึงแยกกันเป็น ‘เจ้าหมื่น’ และ ‘จมื่น’
(‘เจ้าหมื่น’ อยู่ระหว่างพระและพระยา จากเจ้าหมื่นขึ้นไปเป็นพระยา ส่วน ‘จมื่น’ อยู่ระหว่างหลวงและพระ จากจมื่นขึ้นไปจึงเป็นพระ)
อนึ่งเคยมีผู้สงสัยชื่อ หรือบรรดาศักดิ์มหาดเล็ก จมื่นมานิตย์นเรศท่านจึงเรียงไว้ให้ทราบตามทำเนียบในรัชกาลที่ ๖ จากต่ำขึ้นไปหาสูง ดังนี้
๑. มหาดเล็กชั้นต้น เรียกว่า เด็กชา
๒. เลื่อนขึ้นเป็นพันเด็กชา ตรี โท เอก และ พันจ่าเด็กชา
๓. แล้วเป็นมหาดเล็กสำรอง เทียบว่าที่นายร้อยตรี (ชั้นสัญญาบัตร)
๔. เป็นมหาดเล็กวิเศษ เทียบเท่าชั้นนายร้อยตรี
๕. ชั้นนายรอง เทียบเท่านายร้อยโท มีบรรดาศักดิ์ เช่น นายรองกวด นายรองขัน ฯลฯ ทั้งหมด ๒๐ ตำแหน่ง
๖. ชั้นหุ้มแพร เทียบเท่านายร้อยเอก มีหุ้มแพรต้นเชือก ๔ นาย คือ นายกวดหุ้มแพร นายขันหุ้มแพร นายฉันหุ้มแพร นายชิดหุ้มแพร ทั้ง ๔ นาย ถือศักดินา ๕๐๐ ไร่ หุ้มแพรนอกนั้นศักดินา ๔๐๐ ไร่ หุ้มแพร รวมทั้งหมด ๒๐ นาย
๗. แล้วจึงจะขึ้นไปถึงชั้นนายจ่า ๔ คือ นายจ่ายวด นายจ่ายง นายจ่ารง นายจ่าเรศ ถือศักดินา ๖๐๐ ไร่ (ต้องมีคำว่า ‘นาย’ นำหน้าเสมอ)
๘. แล้วก็ชั้นรองหัวหมื่น ๔ คือ หลวงศักดิ์ นายเวร หลวงสิทธิ์ นายเวร หลวงฤทธิ์ นายเวร หลวงเดช นายเวร ถือศักดินา ๘๐๐ ไร่ เรียกกันโดยทั่วไปว่า ‘คุณหลวงนาย’ หรือ ‘หลวงนาย’
๙. ชั้นหัวหมื่น ๔ ดังที่เล่ามาแล้วข้างต้น ถือศักดินา ๑,๐๐๐ ไร่
๑๐. ยศจางวางมหาดเล็ก คือ เจ้ากรมมหาดเล็ก บรรดาศักดิ์เป็นพระยาหรือเจ้าพระยาแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
จาก บทความเรื่อง ‘ท่านปลายเชือก' โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์
นิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๒๖๒๙ ปีที่ ๕๑ ประจำวัน อังคารที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๘
http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=3665&stissueid=2629&stcolcatid=2&stauthorid=13