ฉากประทับใจในหนังเก่า SPOILER ALERT

[SILA]

          เคยดูรายการทีวี Shirley Temple's Storybook(1958) ที่มีคุณย่าในวัยสาว
เป็นพิธีกรกล่าวเปิดและปิดหนังทีวีความยาวหนึ่งชั่วโมงเล่าเรื่องจากนิทานชื่อดังทั้งหลาย
จำได้อยู่หลายเรื่อง เช่น Rapunzel, The Sleeping Beauty, The Emperor's New Clothes
และ The Nightingale  

       ชื่อนามสกุลอย่างเป็นทางการของคุณย่ามีนามสกุลของสามีต่อท้าย เป็น Shirley Temple Black

            

[SILA]

            บทความเล่าเรื่องเบื้องหลังภาพสดใส น่ารัก เรียกรอยยิ้มจากคนดูของหนูน้อยมหัศจรรย์
ผู้กอบกู้สถานะของสตูดิโอยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวู้ดนั้น เริ่มต้นด้วยน้ำตา

ย่อยจาก TV&Showbiz Dailymail.co.uk

            หนูน้อยเกิดจากแม่ซึ่งเป็นนักเต้นที่ตัวสูงเกินจะเป็น ballerina ได้ จึงโยกย้ายความฝัน
ของตัวเองมาฝากไว้ในลูกสาว แมวมองเห็นแววหนูน้อยในสตูดิโอเต้นรำจึงพาเข้าวงการ  เริ่มต้นด้วย
ซีรี่ส์ที่คุณย่าพูดถึงในเวลาต่อมาว่า "a cynical exploitation of our childish innocence"

            สตูดิโอต้นสังกัดแรกนี้ใช้แรงงานเด็กเยี่ยงทาส ค่าแรงน้อยนิด ซ้อมหนักโดยไม่มีค่าเหนื่อย
เด็กคนไหนโยเยจะถูกจับเข้า"ห้องเย็น" ทำโทษให้อยู่กับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เพื่อจะได้ "เย็นลง"
เชอร์ลีถูกจับเข้าห้องเย็นนี้หลายครั้งและเคยโดนบังคับให้เต้นทั้งที่เท้าได้รับบาดเจ็บ  

รูปจาก official website กับคุณแม่ในวันเกิดอายุ 5 ขวบ

[SILA]

            พ้นจากสตูดิโอนรก เมื่อหนูน้อยอายุได้ 5 ขวบ โอกาสทองก็มาถึงเมื่อได้ไปออดิชั่น
หนังของสตูดิโอยักษ์อย่าง Fox และได้ถูกจับเซ็นสัญญาเป็นดาราเด็กในสังกัด เมื่อพาราเมาท์
ขอยืมตัวไปแสดงหนัง หนูน้อยก็ฉายแววจรัสจนพาราเมาท์ของซื้อสัญญาต่อแต่ฟ็อกซ์ปฏิเสธ

              ดาวดวงน้อยแต่ฉายแสงแรงกล้า ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์เป็นซุปตาร์ฮอลลีวู้ด
โด่งดังข้ามฟากฟ้าไปถึงฝั่งอังกฤษ

            In Britain, the two young Princesses, Elizabeth and Margaret,
were avid Temple fans.
           In exile, the former King Edward VIII and his American mistress
Wallis Simpson, in acid references to the Royal Family, always referred
to the Princess Elizabeth as "Shirley Temple" and to her mother,
Queen Elizabeth, later the Queen Mother, as "Mrs Temple Senior."

กับคุณพ่อเมื่อเซ็นสัญญาสังกัดฟ็อกซ์

[SILA]

            หนูน้อยกลายเป็นดาราทำเงินอันดับหนึ่ง เบียด Clark Gable ไปอยู่ที่สอง
สตูดิโอฟ็อกซ์ที่ใกล้ล้มละลายกลับกลายปลอดตัวแดงด้วยหนูน้อยกู้สตูดิโอยักษ์คนนี้

             แต่โลกนี้ยังมีอีกด้านของคนที่ไม่ได้หลงเสน่ห์หนูน้อย นักเขียนนิยายชื่อดัง
Graham Greene ไม่ได้ปลื้มซ้ำยังสับหนังที่หนูน้อยนำแสดง จนฟ็อกซ์ตัดสินใจฟ้อง
เรียกค่าเสียหายแล้วชนะ คุณกรีนเรียกหนูน้อยว่า  "that little bitch"

           ทุกสิ่งมีวันหมดอายุ แสงฉานของเจ้าหญิงบ็อกซ์ ออฟฟิซ เริ่มริบหรี่ลงในปี 1939
เมื่อฟ็อกซ์ไม่ให้ MGM ยืมตัวเธอไปแสดง Wizard of Oz และหนังของเธอไม่ประสบ
ความสำเร็จ มนต์เสน่ห์วัยเยาว์ของหนูน้อยได้จางลงแล้ว ฟ็อกซ์ยอมขายสัญญาคืนแล้ว
บิดาได้พาเชอร์ลีไปเข้าสังกัด MGM ที่ใหม่เปิดหนังใหม่ให้สองเรื่อง ล้มเหลวทั้งคู่
           ผลงานหนังต่อมาโดยผู้อำนวยการสร้างอย่าง David O. Selznick พิสูจน์ให้เห็น
ว่าหนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้เมื่อโตขึ้นมาแล้วเป็นได้แค่ ดาราวัยรุ่นฮอลลีวู้ดธรรมดาๆ คนหนึ่ง

เซ็นสัญญากับ Selznick

[SILA]

           ด้วยวัยเพียง 17 ปี (1945) เธอแต่งงานกับทหารอากาศผู้ไม่ขาดรักนอกบ้าน
(บางคร้งก็ถึงกับพาเข้าบ้านด้วย) ซ้ำยังขี้เมา จนต้องฟ้องหย่ากันในที่สุด ขณะเดียวกันผลงาน
หนังของเธอก็ยังไม่สามารถกู้ชื่อเสียงคืนมาได้
  
            5 ปีต่อมา เธอแต่งงานใหม่และในปี 1958 เธอได้กลับเข้าวงการอีกครั้งทางจอแก้ว
ใน series Shirley Temple's Storybook ที่มีซีซั่นต่อถึงปี  1961

           คุณย่าเป็น Breast cancer survivor มาแต่ปี 1972 ต้องรับการผ่าตัดเต้านม
คุณย่าเผชิญโรคร้ายอย่างกล้าหาญ และเป็นหนึ่งในคนดังที่เปิดเผยว่าเป็นโรคนี้ต่อสาธารณะ
  
             ทศวรรษ 80 เป็นช่วงเวลาเกียรติประวัติชีวิตของคุณย่า เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็น
United States Ambassador to Ghana ในปี 1974 และ America's first female
Chief of Protocol at the White House ในปี 1976

กับสามีคนที่สอง

[SILA]

       ในปี 2005 คุณย่าสูญเสียสามีที่ครองคู่อยู่กันมา 55 ปีด้วยโรคไขกระดูกผิดปกติ

        และในปีต่อมา 2006 คุณย่าได้รับรางวัล Screen Actors Guild's Lifetime
Achievement Award  พร้อมคำยกย่องคุณย่าว่า

       "lived the most remarkable life, as the brilliant performer the world came
to know when she was just a child to the dedicated public servant who has
served her country both at home and abroad for 30 years."

        จากดาราเด็กน่ารักที่เติบโตมาโดยไม่เสียคนด้วยเหล้า ยา และเซ็กซ์ ผู้เป็นหนึ่งในตำนาน
แห่งฮอลลีวู้ด และแบบอย่างของพลเมืองที่รักและรับใช้ชาติและสังคม คุณย่ากล่าวถึงวันอันรุ่งโรจน์
อย่างถ่อมตนปนปลงว่า

           "I class myself with Rin Tin Tin," she said once. "At the end of the Depression,
people were perhaps looking for something to cheer themselves up. They fell in love
with a dog and a little girl. It won't happen again."

[เทาชมพู]

เชอร์ลี่ในวัยสาวใหญ่  มาเล่นในหนังชุดทางจอแก้ว  Shirley Temple Show- ในวรรณกรรมคลาสสิคของอเมริกา ชื่อ The House of the Seven Gables (1960)

ตอนที่ 1



ตอนที่ 2 (จบ)

[เทาชมพู]

หนึ่งในหนังที่เชอร์ลี่เล่นเมื่อโตเป็นสาวรุ่น    ไม่ประสบความสำเร็จอย่างในวัยเด็ก

[เทาชมพู]

ดาวดวงใหญ่ในทีวีตั้งแต่ยุค 1960s  มาจนถึงหนังใหญ่ในปัจจุบัน ดับแสงไปอีกดวงหนึ่งแล้ว   James Garner
ึคุณ SILA คงจำได้ตั้งแต่ Maverick ทางทีวี

ส่วนหนังใหญ่ที่เราคงจำกันได้ดีคือ The Notebook

[เทาชมพู]

ตอนหนุ่มๆ คุณปู่หล่อไม่เบาในบทของนักเลงไพ่ มาเวอริคในหนังชุดทางทีวี   เรื่องนี้ทำให้คุณปู่เจมส์แจ้งเกิดขึ้นมา
ไปเจอตอนที่มีคลินท์ อีสต์วู้ดในวัยหนุ่มแน่นมาเป็นดาราประกอบในตอนนี้ด้วย

[เทาชมพู]

ดูหน้าชัดๆในวัยหนุ่มค่ะ

[SILA]

            พี่ชายคนโตสกุล Maverick ซีรี่ส์ดังแห่งสถานีโทรทัศน์กองทัพบกสนามเป้า
ช่อง 7 ที่ปัจจุบันคือช่อง 5
            กับน้องอีกสอง Jack Kelly และ Roger Moore ที่ข้ามจอแก้วมาจอเงินและ
ประสบความสำเร็จกับบท James Bond

[SILA]

           จากจอแก้วสู่จอเงิน รับบทนำใน Grand Prix ที่จำได้แค่ว่าฉายบนจอโค้งซีเนรามา
ซิงเกิ้ลเลนส์ของโรงหนังอินทรา กับภาพรถแข่งแล่นลิ่วบนสนามและเสียงเครื่องยนต์คำราม

[SILA]

             รับบทนำชายคู่กับ Julie Andrew ใน Victor Victoria

            “Jimmy was my friend for over 50 years. We made three movies
together."
            "He was not only a wonderful actor, he was a great reactor on film.
Working with him was easy and fun and always a joy.”

[SILA]

           เคยรับราชการเป็นทหารหาญผ่านสมรภูมิสงครามเกาหลี พร้อมเหรียญสดุดี Purple Heart
ก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงใหญ่