ฉากประทับใจในหนังเก่า SPOILER ALERT

[SILA]

           ในที่สุด ขณะที่อัยการ(ที่ถูกบทเขียนให้เป็นตัวร้าย) แถลงการณ์ปิดคดีต่อหน้าลุกขุน
ว่าหลักฐานและหนังสือรับสารภาพที่เธอลงนามพิสูจน์ชัดว่า เอ็กซ์เป็นฆาตกร สมควรรับโทษ
อย่างสาสม เธอหันกลับไปมองผู้มาร่วมฟังการพิจารณาคดีและสบตากับอดีตสามี
ทั้งสองเริ่มระลึกจำกันได้

[SILA]

            และ เมื่ออัยการได้กล่าวพาดพิงทนายหนุ่มว่าเป็นเด็กใหม่(อ่อนหัด) ทำคดีนี้เป็นครั้งแรก
มีท่านผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นบิดามาดูลูกว่าความ
              เธอเหลียวหลังไปมองอดีตสามีอีกครั้ง แล้วจึงตระหนักรู้ว่าทนายหนุ่มน้อย
ที่ต่อสู้อยู่ข้างๆ นี้ คือลูกชายของเธอเอง
 

[SILA]

            เธอตัดสินใจที่จะไม่นิ่งเงียบแต่จะให้การต่อศาลหลังจากที่ได้ปล่อยให้ เด็กน้อยต่อสู้
อยู่คนเดียวในความมืด
               เธอให้การสารภาพว่าคนร้ายหมายจะแบล็คเมลเปิดโปงเรื่องราว เธอจึงฆ่าชายคนนั้น
เพื่อปกป้องครอบครัวซึ่งคิดว่าเธอได้ตายไปแล้ว เธอไม่ต้องการให้ลูกชายของเธอได้รู้ว่าเธอ
ยังมีชีวิตอยู่และอยู่ในสภาพ(ตกต่ำ)เช่นนี้

[SILA]

          ถึงคราวทนายหนุ่มกล่าวต่อลูกขุน เขาวิงวอนขอชีวิตหญิงผู้นี้ที่ทำหน้าที่ของแม่
ผู้เสียสละเพื่อลูก เขาเชื่อว่าหากลูกชายของเธอได้ล่วงรู้ เขาจะต้องคุกเข่าและกอดแม่
ที่ทำเพื่อลูกนี้ไว้แนบหัวใจ

[SILA]

               หัวใจที่อ่อนล้าโรยแรงของเธอเหนื่อยเกินกว่าจะเต้นต่อไปไหว เธอเกิดอาการหัวใจวายหลัง
จากทนายหนุ่มจบการแถลงการณ์ปิดคดี   

[SILA]

           แม่และลูก(ที่ไม่รู้ความจริง) ได้อยู่กันตามลำพัง ทนายหนุ่มให้ความหวังว่าจะชนะคดี
ในขณะที่เธอรู้ว่าเวลาของเธอเหลืออีกเพียงน้อยนิดและเธอตัดสินใจที่จะให้ความลับนี้ดับไปพร้อมกับ
ความตายของเธอ
             เธอถามเรื่องราวของลูกชาย อาศัยอยู่ที่ไหน มีสาวคนรักหรือยัง เมื่อแต่งงานมีลูกแล้ว
ให้มีบ้านของตัวเองในสิ่งแวดล้อมที่ดี ทนายหนุ่มบอกว่าจะตามลูกเธอมา หากเขาเป็นลูกของเธอ
เขาก็อยากจะได้รับรู้
             เธอปฏิเสธและตอบว่า
     
            It's the only prerogative of Motherhood I still possess.
He's free of my sin.

           Your son should be here.

           You're here.   

                    ทนายหนุ่มก้มลงจุมพิตแก้มของลูกความ(แม่)               

            Today I've had a son. Oh! What a joy!

                     สิ้นคำ เธอก็สิ้นลมอย่างมีความสุข

[SILA]

            ลูกชายน้ำตาไหลพรากบอกพ่อว่า             
 
          "I don't why but I loved her. From the first moment I saw her
I loved her."

             พ่อตอบว่า  "I know"   

คลิปฉากสุดท้ายสะเทือนอารมณ์

         

[SILA]

             เชื่อว่าผู้ชมเกินครึ่งถึงค่อนจะต้องประทับใจในบทบาทการแสดงของ Lana Turner
และโศกซึ้งไปกับชะตากรรมของตัวละครที่เธอรับบท คนรุ่นใหม่ในยุคนี้อาจจะมองว่าหนังเรื่องนี้เชย
น่าขันมาตั้งแต่ต้น แต่พอถึงช่วงท้ายก็คงจะยอมรับและอินไปกับดรามาช่วงนี้ไม่มากก็น้อย             

คลิปรวมฉากสำคัญของเรื่อง     

             


"I don't why but I loved her. From the first moment I saw her I loved her."

[watanachai4042]

แค่อ่านตามเรื่องมาดาม เอ๊กซ์ ของคุณศิลามาตลอดก็น้ำตาไหลได้โดยไม่ต้องดู

[เทาชมพู]

ขอขอบคุณคุณ SILA ด้วยหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาอีกเรื่องหนึ่ง ในปี 1940   คุณวัฒนชัยเตรียมผ้าเช็ดหน้า 7 ผืนไว้ซับได้เลย

เมื่อวิเวียน ลีห์ ดังทะลุฟ้าในบทของสคาเล็ตต์ โอฮาร่า  ต้นสังกัดก็ไม่รอช้า   รีบหาหนังใหม่มาจ่อคิวให้ทันที ได้แก่ Waterloo หนังขาวดำปี 1940  ซึ่งเป็นหนังเล็กไม่ใหญ่โตเป็นมหากาพย์อย่าง Gone with the Wind  (หรือชื่อภาษาไทยไพเราะนักหนาว่า "วิมานลอย")
แต่ Waterloo ก็ถูกวางให้เป็นหนังรักซาบซึ้งประทับจิต    ประกบบทบาทระหว่างดาราสาวชาวอังกฤษที่ดังเป็นพลุแตก กับดาราหนุ่มรูปหล่อที่สุดในยุคนั้น โรเบิร์ต เทเลอร์
วอร์เตอลูเป็นชื่อสะพานในกรุงลอนดอน  หนังเรื่องนี้ใช้ฉากย้อนยุคไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1    วิเวียนรับบทมีรา นักบัลเล่ต์สาว แค่ฉากในชุดบัลเล่ต์ของเธอก็ทำเอาคนดูฝันถึงไปแล้วค่อนโลก

[เทาชมพู]

มีราพบนายทหารหนุ่มรูปหล่อโดยบังเอิญที่สะพานวอเตอร์ลู ระหว่างหลบสัญญาณภัยทางอากาศ      เช่นเดียวกับพระเอกนางเอกหลายๆคู่ ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบสบตา        จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่คาดคิด คือฝ่ายชายถูกเรียกเข้าประจำการกะทันหัน   ทำให้ต้องพลัดพรากจากกัน
แต่ค่อยยังชั่วหน่อย ทั้งคู่ได้สารภาพรักและตกลงจะแต่งงานกัน ทั้งๆเพิ่งพบกันหนสองหนเอง

[เทาชมพู]

มิราตัดสินใจไปส่งคนรักผู้ต้องไปประจำการที่แนวหน้า ด้วยการไปอำลาที่สถานีรถไฟ    เธอจึงถูกไล่ออกจากคณะบัลเล่ต์เพราะขาดงาน กลับมาแสดงไม่ทัน   เพื่อนสาวผู้ออกมาปกป้องเธอก็พลอยถูกไล่ออกไปด้วย
ตกงาน ไม่มีเงิน  ภาวะสงครามนำความขาดแคลนมาให้ทุกอย่าง   สองสาวก็ได้แต่ปรับทุกข์กัน   หนังแสดงให้เห็นความว้าเหว่ หวาดกลัวและสิ้นหวังของหญิงสาวได้น่าสงสารจับใจ
จนในที่สุด  เพื่อนสาวของมิร่าก็จำต้องหาทางอยู่รอดที่เหลืออยู่ทางเดียว คือไปเป็นโสเภณี

[เทาชมพู]

เคราะห์กรรมของมิรายังไม่จบลงแค่จะอดตายอยู่รอมร่อเท่านั้น     แต่มีข่าวส่งมาว่า คนรักของเธอเสียชีวิตเสียแล้ว ในสมรภูมิ
มิราสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากในชีวิต   เธอไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่อความหวังใดๆอีก   ชีวิตเธอไร้ค่าไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง   แต่ในเมื่อลมหายใจยังอยู่ ก็ต้องดิ้นรนต่อไป
เส้นทางของมิราก็จบลงแบบเดียวกับเพื่อนสาว คือไปเป็นโสเภณีข้างถนน   หาลูกค้าจากทหารหนุ่มๆกลัดมันที่ทยอยกลับมาจากสมรภูมิ

ในตอนนั้นเอง  เธอก็พบอย่างไม่คาดฝันว่าข่าวร้ายที่แจ้งมานั้นผิดพลาด    คนรักของเธอยังไม่ตาย  เขาคืนกลับมาสู่บ้านเกิดด้วยความรักและความหวังเต็มเปี่ยม ว่าจะแต่งงานกับเธอ

[SILA]

             ขออภัย และขออนุญาตปาด ครับ

             กลับไปอ่านที่โพสท์ไว้แล้วพบว่าตกหล่นอย่างจัง ครับ

ลูกชายน้ำตาไหลพรากบอกพ่อว่า

           "I don't know why but I loved her. From the first moment I saw her I loved her."

           

[เทาชมพู]

นายทหารหนุ่มดีใจเหลือล้นที่พบมิราอีกครั้ง   เขาพาเธอไปพบญาติพี่น้องในถิ่นเดิมที่สกอตแลนด์   มิราจึงพบว่าเขามาจากตระกูลใหญ่เก่าแก่เป็นที่นับหน้าถือตา     ทุกคนต้อนรับเธออย่างดีในฐานะสะใภ้  ทำให้มิราปวดร้าวอย่างยิ่งในอดีตอันแปดเปื้อนของตัวเอง
เธอสารภาพความจริงกับเขา   เขารักเธอมากพอจะยอมรับและเห็นใจเส้นทางที่ผิดพลาดไป    แต่มิราไม่อาจทนให้ตัวเองบั่นทอนเกียรติยศและวงศ์ตระกูลของเขาได้   

เธอหนีเขามา   เขาก็ตามหาตัวเธอจนพบ  ในฉากสุดท้ายเธอกลับไปที่สะพานวอเตอร์ลู สถานที่ที่พบกันครั้งแรก     แล้วฆ่าตัวตายที่นั่น
ฉากสุดท้าย หลายสิบปีผ่านไป   นายทหารยังคงแวะเวียนกลับมาที่จุดนัดพบอีกครั้ง    พร้อมด้วยเครื่องรางนำโชคที่มิรามอบให้เขาตอนไปสงคราม    เพื่อรำลึกถึงเธอตลอดกาล