SILA
|
ความคิดเห็นที่ 255 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:40
|
|
เรื่องราวเคราะห์กรรมของนักแสดงสาวที่ดับแสงตกจากฟากฟ้าเพราะฤทธิ์ยา ถูกถ่ายทอดในหนังเรื่อง Valley of the Dolls (1967) ที่สร้างจากนิยายขายดี อันดับหนึ่งของอเมริกา เมื่อมาฉายในบ้านเราได้ชื่อไทยว่า "รอยสวรรค์ รอยสลาย" ครับ
dolls ในที่นี้หมายถึงยากดประสาท(depressant - downers) - barbiturates ตรงข้ามกับยากระตุ้น (stimulant - uppers) - amphetamine
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 256 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:41
|
|
หนังเล่าเรื่องสามสาว (นำแสดงโดย Barbara Parkins, Patty Duke และ Sharon Tate) ก้าวเข้าสู่วงการมายาและหุบเขาตุ๊กตา
ดุ๊ค รับบทนักแสดงสาวมากความสามารถ คลื่นลูกใหม่มาแรงทำท่าว่าจะแซงคลื่นลูกเก่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 257 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:42
|
|
เทท เป็นนักแสดงสาวสวยมากแต่สามารถน้อย ต้องไปยืนอยู่แถวหลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 258 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:43
|
|
และ พาร์คิ่นส์ ทำงานในบริษัทตัวแทนนักแสดง
สามสาวกลายมาเป็นเพื่อนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 259 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:47
|
|
ดุ๊คถูกเจ้าแม่เขี่ยออกจากบรอดเวย์เพราะสามารถเกินหน้าคลื่นลูกเก่า เธอจึงหันมาฮอลลีวู้ด และหุบเขาตุ๊กตา ประสบความสำเร็จเป็นดาราดัง และ เป็นดาราติดยา ทั้งยากดประสาทยามจะหลับ กับยากระตุ้นให้ตื่นยามจะทำงาน จนมีอาการทางจิตต้องเข้ารับการรักษาในสถานบำบัด หลังการบำบัดเธอกลับสู่วงการแต่ยังไม่สามารถเลิกเสพยาได้ ในที่สุดเธอก็ถูกคลื่นลูกหลังซัด ออกไปเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 260 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:49
|
|
เททได้เป็นดาราหนัง แต่ไม่โด่งดัง ในที่สุดด้วยความจำเป็นทางการเงิน เธอต้องผันตัวไป แสดงหนังติดเรท และฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาดเมื่อเธอป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมและโรคซึมเศร้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 261 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:53
|
|
พาร์คิ่นส์ ได้เป็นนางแบบมีชื่อ แต่ก็ต้องพึ่งยาคลายเครียด ชะตากรรมของสองเพื่อนสาว ทำให้ได้คิดกลับตัวเลิกติดยา และออกจากหุบเขาตุ๊กตากลับบ้านเธอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 262 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 09:57
|
|
นอกจากบทของเททในหนังจะรันทดกว่าคนอื่นแล้ว ชีวิตจริงของเททก็จบลงอย่างแสนเศร้า เมื่อเธอถูกฆาตกรรมในปี 1969 (ปีเดียวกับที่จูดี้ การ์แลนด์เสียชีวิต) ในขณะที่เธอตั้งครรภ์จวนคลอด กับสามีผู้กำกับชื่อดัง Roman Polanski โดยเหล่าสมาชิกของ "ครอบครัว Manson (family)" ที่ร่วมกัน ทำ "พิธี" ฆาตกรรมหมู่เททและเพื่อนๆ ในคืนนั้นหัวหน้าครอบครัว Charles Milles Manson ออกคำสั่งให้สมาชิกไปจัดการฆ่าทุกคน ในบ้านหลังนั้น ที่เคยเป็นที่อยู่ของ Terry Melcher - โพรดิวเซอร์เพลงผู้ปฏิเสธไม่เซ็นสัญญาว่าจ้างเขาเป็นนักดนตรี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 263 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 10:01
|
|
ทั้งวีน ทั้งเหวี่ยง คลิปหลากลีลาของ NEELY O'HARA ที่รับบทโดย Patty Duke
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 264 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 10:04
|
|
ฉากซึ่งเป็นที่กล่าวถึง เมื่อคลื่นลูกใหม่แรงจัด แย่งซีน และทะเลาะกับคลื่นลูกเก่า (รับบทโดยนักแสดงใหญ่ Susan Hayward ที่มาแสดงแทน Judy Garland ที่ถูกให้ออก)
GET OUTTA MY WAY I'VE GOT A MAN WAITIN' FOR ME!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 265 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 10:07
|
|
ฉากเดียวกันแบบเต็มๆ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 266 เมื่อ 02 พ.ค. 11, 16:13
|
|
จำเรื่องนี้ได้ค่ะ dolls ในที่นี้เป็นสะแลง แปลว่ายาระงับประสาท คงเป็นเพราะฮอลลีวู้ดในสมัยนั้น ดาราใช้ยาพวกนี้กันมาก จึงเป็น valley of the dolls แพตตี้ ดุ๊คเป็นดาราตุ๊กตาทองอายุน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากเรื่อง The Miracle Worker (1962) สร้างจากเรื่องจริงของผู้หญิงมหัศจรรย์ชื่อเฮเลน เคลเลอร์ เธอเป็นเด็กหูหนวก ตาบอด และเป็นใบ้ ตั้งแต่อายุ 19 เดือน (ก็แน่ละ ถ้าหูหนวกก็เป็นใบ้เป็นธรรมดา เพราะหูไม่ได้ยินเสียงพอจะฝึกพูดได้เป็นเรื่องเป็นราว) พ่อแม่เลยปล่อยลูกคนนี้ แบบตามใจทุกอย่าง ให้อยู่ในโลกที่เงียบกริบและมืดสนิทจนโต วันหนึ่งครูสาวชื่อแอนนี่ ซัลลิแวนก็ถูกจ้างมาดูแลฝึกสอนเด็กพิการคนนี้ เฮเลนเป็นเด็กโมโหร้าย เอาแต่ใจ พฤติกรรมเหมือนสัตว์ที่ไม่ได้ฝึกมากกว่ามนุษย์ แต่ครูแอนนี่ก็สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นจนได้ เฮเลนเติบโตขึ้นเป็นผู้หญิงอัจฉริยะ เรียนจบมหาวิทยาลัย เป็นนักเขียน เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม เป็นนักกิจกรรมการเมือง ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี เดินทางไปบรรยายทั่วโลก นี่คือฉากประทับใจ เป็นฉากฝึกสอนอย่างทรหดของครูกับนักเรียน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 267 เมื่อ 08 พ.ค. 11, 12:22
|
|
กระทู้นี้คงขาดไปมาก ถ้าไม่มีฉากคลาสสิคตอนนี้ ของ The Godfather หนังแห่งศตวรรษ เสียดายคลิปใส่เพลงเข้ามา เลยเสียบรรยากาศไปมาก
เป็นตอนท้ายๆของเรื่อง ฝีมือตัดต่อสลับฉากกัน เฉียบขาดมาก เมื่อไมเคิลทำพิธีรีบศีลจุ่มแบ๊พติสต์อยู่ในโบสถ์อย่างน่าเลื่อมใส ตรงข้ามกับภายนอกที่ปรปักษ์ถูกกวาดล้างลงไปเหมือนเป็นผักเป็นปลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 268 เมื่อ 09 พ.ค. 11, 09:52
|
|
คลิปนี้ไม่มีเสียงเพลงร้อง ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 269 เมื่อ 09 พ.ค. 11, 09:56
|
|
และ อีกฉากหนึ่งที่ติดตา ครับ
ผู้อำนวยการสร้างฮอลลีวู้ดปฏิเสธที่จะมอบบทในหนังใหญ่ให้กับ "ลูก" ของเจ้าพ่อ (godson) (ที่รับบทโดย Al Martino นักร้องดังผู้ร้องเพลง เลิฟ ธีมจากหนังเรื่องนี้ด้วย - Speak Softly Love)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|