SILA
|
หนังบางเรื่อง ช่วงขณะที่รับชมเหมือนดั่งต้องมนต์จนลืมโลก บางครั้งทำให้โศกซึ้งถึงร้องไห้ บางคราวหัวเราะ สุขใจ บางทีก็ตกใจ หวาดกลัว
กระทู้นี้รวบรวมเรื่องราว ภาพ ฉากประทับใจ ลืมไม่ลง จากหนังเก่ามากและเก่าน้อย ทั้งหนังในกระแสและนอกกระแส ครับ
คำเตือนก่อนการรับชม
เนื่องจากภาพ และ เนื้อหาของกระทู้นี้ เป็นการเปิดเผยเรื่องราวของภาพยนตร์ ท่านที่ไม่ประสงค์จะรับรู้เรื่องราวของภาพยนตร์ที่ท่านยังไม่ได้ชม โปรดปิดตา ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33414
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 09:57
|
|
ตามมาเสิฟผู้เข้าอ่านโดยพลัน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:07
|
|
/l\ สวัสดีครับ อาจารย์
ประเดิมด้วย Gone With The Wind (1939) หนึ่งในภาพยนตร์อมตะคลาสสิคตลอดกาล อุดมด้วยฉากประทับใจ ไม่ลืมเลือน สร้างจากบทประพันธ์รางวัลพูลิทเซอร์ของ Margaret Mitchell ทำรายได้สูงสุดใน"ยุคทอง"ของฮอลลีวู้ด และได้รับออสการ์ 10 สาขา
ชีวิตแสนสุขสบายของ Scarlett O'Hara คุณหนูแสนงาม ณ ฝ่ายใต้ สูญสิ้นสลายกลับกลายเพราะไฟสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:09
|
|
นางเอกหรือนางร้าย - Vivien Leigh สวมบทสการ์เล็ทได้ชนะใจทั้งคนดูและรางวัล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:13
|
|
เมื่อครั้งยังอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัวอบอุ่นมีกันและกัน พ่อปลุกสำนึกลูกสาวเรื่อง Tara - แผ่นดินที่รักของเรา
สำหรับทุกคนที่มีสายเลือดไอริชในตัวตน แผ่นดินคือสิ่งเดียวในโลกนี้ที่มีค่าพอให้เรา ตรากตรำ, ต่อสู้ หรือ ตายเพื่อ..มาตุภูมิ
Mr. O'HARA Do you mean to tell me Katie Scarlett O'Hara that Tara, that land doesn't mean anything to you? Why, land is the only thing in the world worth working for. Worth fighting for, worth dying for. Because it's the only thing that lasts.
It's proud I am that I'm Irish. And don't you be forgetting, Missy, that you're half-Irish too. And to anyone with a drop of Irish blood in them, why the land they live on is like their mother. Oh, but there, there, now, you're just a child. It'll come to you, this love of the land. There's no getting away from it if you're Irish.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:14
|
|
The only thing that lasts
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:16
|
|
คุณหนูชุดแดงท่ามกลางทหารบาดเจ็บ(ซึ่งมีทั้งตัวประกอบและหุ่น) จากสงครามกลางเมือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:18
|
|
ไฟสงคราม เผาบ้านเมือง (อาคารที่เผาไหม้นั้นเป็นฉากจากหนังเรื่องเก่าก่อน)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:21
|
|
หลังสงครามกลางเมือง คุณหนูแห่งฝ่ายใต้ - ฝ่ายแพ้สงครามต้องกลายเป็นหญิงสาวยากไร้ แทบไม่มีจะกิน ซ้ำยังมีปากท้องอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ คุณหนูจึงต้องผันตนเป็นหญิงแกร่ง ปฏิบัติภารกิจพลิกฟื้นปิตุภูมิที่รัก - Tara ฉากสุดท้ายของครึ่งแรก - สการ์เล็ท ผู้หิวโหยโรยแรง เดินไปคุ้ยดินหาหัวผักกินในไร่ (radish)
พระองค์ทรงเป็นพยาน ลูกจะไม่ยอมแพ้ ลูกจะสู้ให้อยู่รอด จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ต้องหิวอีก
As God as my witness....as God as my witness they're not going to lick me. I'm going to live through this and when it's all over, I'll never be hungry again. No, nor any of my folk. If I have to lie, steal, cheat, or kill, as God as my witness, I'll never be hungry again.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:24
|
|
I'll never be hungry again
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:30
|
|
แม้จะแต่งตัวด้วยชุดดูดี(ที่ตัดจากผ้าม่าน) วางฟอร์มคุณนาย ร่ำรวยสุขสบาย แต่เธอก็ไม่สามารถ หลอกชายชาญชีวิตอย่างเขาได้ เมื่อเขาสัมผัส "มือนาง" ที่หยาบกร้านจากงานในไร่ -
RHETT What have you been doing with your hands?
SCARLETT It's just that, I went riding last week without my gloves...
RHETT These don't belong to a lady, you've been working with them like a field hand. Why did you lie to me, and what are you really up to?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:33
|
|
และ ตอนจบ - เมื่อเร็ทรู้สึกเต็มกลืนสุดฝืนทน เขาตัดสินใจจากสการ์เล็ทไปอย่างไม่ไยดี ไม่สนใจคำอ้อนวอนง้องอนของเธอ
S - Rhett, Rhett where are you going?
R - I'm going to Charleston. Back where I belong.
S - Please, please take me with you.
R - No. I'm through with everything here. I want peace. I want to see if somewhere if there is something left in life with charm and grace. Do you know what I'm talking about?
S - No. I only know that I love you.
R - That's your misfortune.
S - Rhett! If you go, where shall I go? What shall I do?
R - Frankly my dear, I don't give a damn.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:37
|
|
.
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พ.ค. 14, 11:14 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:40
|
|
ประโยคอึ้งสุดท้ายนี้ กลายเป็นหนึ่งในประโยคจากหนังที่ฮิทติดใจผู้ชมตลอดกาล ครองอันดับ 1 Movie Quotes ของ AFI (American Film Institute)
ในสมัยนั้น คำว่า 'Damn' คือหนึ่งในคำต้องห้าม ต้องเซนเซอร์ ผู้อำนวยการสร้าง David O. Selznick ขอความเห็นใจในการที่ต้องคงประโยคนี้ไว้ว่า
"The word as used in the picture is not an oath or a curse. The omission gives an impression of unfaithfulness after three hours and forty-five minutes of extreme fidelity to Miss Mitchell's work."
ตำนานเล่าว่า ประโยคนี้ยังอยู่ ที่ไม่อยู่คือเงินจำนวน $5,000 ที่ Selznick ต้องจ่ายเป็นค่าปรับ แต่ข้อเท็จจริงคือ บอร์ดของ Motion Picture Association ได้ผ่านข้อแก้ไขให้ใช้คำว่า hell หรือ damn ได้ในกรณีที่
"shall be essential and required for portrayal, in proper historical context, of any scene or dialogue based upon historical fact or folklore ... or a quotation from a literary work, provided that no such use shall be permitted which is intrinsically objectionable or offends good taste."
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 22 ก.พ. 11, 10:42
|
|
ถึงแม้เขาจะหมดรักและจากไปอย่างไร้เยื่อใย แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมสูญเสีย เธอจะกลับไปบ้าน - Tara และค่อยคิดหาทางนำคนที่เธอรักหวนคืนมา และ อ.เทาชมพู ตอบเรื่องการจบอย่างกำกวมนี้ไว้ในกระทู่เก่าว่า การจบวรรณกรรมด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ ทิ้งไว้ให้คลุมเครือ เรียกเป็นศัพท์ทางวรรณกรรม ว่า Ambiguity ถือเป็นฝีมือแต่งชั้นยอดอย่างหนึ่ง(ถ้าหากว่าจงใจทำและทำได้ดี ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะจบยังไง) ในขุนช้างขุนแผน การที่พระพันวษาสั่งประหารนางวันทอง โดยยังทิ้งคำตอบไว้ไม่มีการคลี่คลาย ว่านางเลือกจะอยู่กับใครกันแน่ ระหว่างขุนช้าง ขุนแผน หรือไม่เอาทั้งคู่ ขออยู่กับลูกชายคือพลายงาม ถือเป็น Amibiguity ชั้นยอดเยี่ยม ทิ้ง"คำถามที่ไม่มีคำตอบ"ไว้ในใจคน จนต้องตีความ ถกเถียง อภิปราย กันมาจนทุกวันนี้ ว่าวันทองสองใจหรือไม่ สมมุติว่าพระพันวษาใจเย็นกว่านี้ บอกว่า เอ้า ให้นางวันทองกลับไปคิดสัก ๓ วันแล้วค่อยกลับมาตอบ ถึงตอนนั้นนางอาจจะให้คำตอบได้แล้ว แต่ความมืดมนอันเป็นเสน่ห์ของเรื่อง คือใจของผู้หญิงไม่มีใครหยั่งถึง ก็จะหายไปจากเรื่อง เรื่อง Hamlet ของเชกสเปียร์ก็มี Ambiguity แบบนี้เหมือนกัน ว่าทำไมพระเอกถึงรีรอ ไม่ยอมจัดการอะไรลงไปสักอย่าง จนนำไปสู่จุดจบของตัวเองในตอนท้าย แต่ถ้าพระเอกรู้จากปีศาจของพ่อ ว่าอากับแม่ลอบวางยาพิษพ่อ พระเอกได้ฟังก็ท้าดวลกับอา ฆ่าอาตายในฉากที่ ๒ จบ เรื่องนี้ก็เป็นได้แค่ลิเกฝรั่ง
กลับมาถึงวิมานลอย ดิฉันคิดว่า แม้มากาเร็ต มิตเชลเอง ก็คงไม่อยากตอบ หรือตอบไม่ได้ ว่าพระเอกนางเอกจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ เธอคงอยากให้จบแบบทิ้งคำถามไว้ โดยมีน้ำหนัก "คืนดี" "ไม่คืนดี" ไล่เลี่ยกันมากกว่า เพราะพระเอกนางเอกก็แข็งพอกันทั้งคู่ ไม่มีใครน้อยกว่าใคร เมื่อพระเอกประกาศว่า ไม่กลับมาแล้ว นางเอกประกาศว่า จะต้องเอาเขากลับมาให้ได้แล้วจบเรื่อง มันก็ก่อคำถามให้คนอ่านมาหลายชั่วคนแล้ว โดยไม่มีใครรู้คำตอบแท้ๆ ประทับใจกว่าจะจบแบบมีฉากสุดท้ายโผล่ขึ้นมา ว่าพระเอกเดินกลับมาที่คฤหาสน์ทาร่าแล้วนางเอกก็วิ่งโผเข้าไปหา จบลงมีฉากตะวันตกดินเป็นแบคกราวน์ หรือฉากสุดท้ายอีกแบบ พระเอกแก่หง่อม ยืนนิ่งอยู่เหนือหลุมศพนางเอก พร้อมกับบอกว่า..ฉันมาเยี่ยมเธอละนะ แต่ไม่มาคืนดีด้วย สมดังที่ลั่นวาจาไว้ เชยทั้งสองแบบค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|