เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20
  พิมพ์  
อ่าน: 130214 เจ้าชายยอร์ช วอชิงตัน แห่งสยาม กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ วังหน้าพระองค์สุดท้าย
paganini
องคต
*****
ตอบ: 406

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 270  เมื่อ 09 ส.ค. 12, 22:00

อ่านกระทู้นี้แล้วได้หลากหลายรสชาติ. แถมได้เจอความรู้ด้านอักษรศาสตร์ของแต่ละท่าน จนเด็กสายวิทย์อย่างผมสำนึกเลยว่าความรู้ภาษาไทยของตัวเองนั้นช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 271  เมื่อ 11 ส.ค. 12, 21:51

อ่านกระทู้นี้จบแล้ว อย่าเพิ่งเลิกค่ะ  เชิญไปอ่านอีกกระทู้หนึ่งต่อไปค่ะ

“นิราศกรมหมื่นสถิตย์” ว่าด้วยวิกฤตวังหน้า

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4297.0

บันทึกการเข้า
changnoi
อสุรผัด
*
ตอบ: 16


ความคิดเห็นที่ 272  เมื่อ 16 ส.ค. 12, 03:47

อ่านเพลินอีกแล้ว  เป็นสุขเหลือเกิน นี่จะเช้าแล้ว ยังไม่ได้นอนเลย สนุกมากครับ ได้ความรู้และสาระมากมาย คอยติดตามและเป็นกำลังให้ท่านทั้งหลายได้นำเรื่องที่ดีมีคุณค่ามาให้ชมกันอีก อยากรู้นักหากพวกเด็กรุ่นใหม่ได้อ่าน ยังอยากจะเป็นเกาหลีกันอีกหรือเปล่าครับ  ซาบซึ้งจริงๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 273  เมื่อ 16 ส.ค. 12, 09:42

เข้าไปดูกระทู้เก่าๆในห้องประวัติศาสตร์ซิคะ     อาจจะเจอหัวข้อสนุกๆถูกใจคุณ changnoi อีกก็ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 274  เมื่อ 31 ส.ค. 12, 22:56

เอามาฝากคุณเทาชมพู

http://atcloud.com/stories/100561

 ขยิบตา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 275  เมื่อ 01 ก.ย. 12, 14:11

คราวนี้เห็นที่มาชัดขึ้นกว่าครั้งก่อน   ว่าเอามาจากเว็บเรือนไทย 
ขอบคุณคุณเพ็ญชมพู


บันทึกการเข้า
saimai
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 276  เมื่อ 13 ก.ค. 14, 21:37

หัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่อ่านซ้ำหลายรอบทีเดียว และเมื่อวานก็อ่านอีก วันนี้จึงไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาค่ะ มีรูปหุ่นจีนมาฝากนะคะ  ยิ้มกว้างๆ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
saimai
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 277  เมื่อ 13 ก.ค. 14, 21:45

หุ่นจีนอีกรูปค่ะ...


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
saimai
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 278  เมื่อ 13 ก.ค. 14, 21:52

หุ่นอยู่ในตู้ แสงไฟก็ไม่ค่อยสว่างนัก และใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพ จึงไม่ค่อยได้ความคมชัดค่ะ มีอีกภาพค่ะที่ถ่ายมาเป็นหุ่นที่อาจารย์ทไม่ได้ซ่อมอยู่ในตู้ด้านในค่ะ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 279  เมื่อ 14 ก.ค. 14, 06:44

มีพระสาทิศลักษณ์ของกรมพระราชวังบวรพระองค์สุดท้าย เขียนด้วยสีน้ำมันไม่ปรากฎชื่อผู้เขียน ประดับไว้ที่พระที่นั่งวิมาณเมฆมาอภินันทนาการด้วยครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
visitna
นิลพัท
*******
ตอบ: 1724


ความคิดเห็นที่ 280  เมื่อ 14 ก.ค. 14, 11:40

จากข้อเขียนของอาจารย์ สมบัติ พลายน้อย..................

รูปนี้เป็นรูปสำคัญที่หาดูได้ยากอีกรูปหนึ่ง....
หอสูงสี่หอที่ตั้งเรียงกันคือ"ระทา"
เป็นเรือนดอกไม้ไฟซึ่งจะมีเฉพาะงานใหญ่
เช่นงานฉลองวัดหรืองานพระเมรุ
ในรูปนี้เป็นงานพระเมรุกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ(ท่านเขียนอย่างนี้)เมื่อ พศ 2429
ใช้ระทาใหญ่ที่ทำขึ้นคราวฉลองวัดราชประดิษฐฯ  มาใช้ในงานนี้ 12 ระทา
นับเป็นงานทีมีระทามากที่สุด(งานฉลองวัดโพธิ์ในสมัย ร3 มีแค่ 8 ระทา)
เวลาจุดดอกไม้ไฟจะสว่างน่าดูมาก.....

เรือนโรงที่เห็นในภาพนอกจาก ระทา ... ก็เป็นโรงรำ 11 โรง  โขน 2 โรง
หุ่น 1 โรง  งิ้ว 1 โรง หนัง 4 โรง  และที่ขาดไม่ได้คือไม้ตํ่าสูง

งานพระเมรุเริ่ม  7 มิย  2429  ....ตกกลางคืนมีการสมโภช  .....
ครั้นถึงวันที่ 14 มิย 2429  เวลายํ่าคํ่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนและดอกไม้จันทร์
เครื่องขมาศพ เสด็จขึ้นไปพระราชทานเพลิงพระศพ.....

อนึ่ง  เนื่องจากในเวลานั้นมีเจ้านายสิ้นพระชนม์หลายพระองค์  จึงโปรดให้พระราชทานเพลิง
 ณ เมรุตามลำดับ คือ
กรมขุนภูวไนยนฤเบนทราธิบาล 20 มิย
พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามัณยาภากร 28 มิย
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรุณ 5 กค .....

(พิมพ์ไม่เก่งข้อความไหนที่ไม่น่าสนใจ ผมก็ใส่จุดไว้   ข้ามไป ขออภัย)


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
visitna
นิลพัท
*******
ตอบ: 1724


ความคิดเห็นที่ 281  เมื่อ 14 ก.ค. 14, 11:45

มีภาพลายเส้นของเมรุปูน วัดสระเกศ  แสดงระทาไว้ด้วย อีกภาพหนึ่ง


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 282  เมื่อ 14 ก.ค. 14, 17:56

จากข้อเขียนของอาจารย์ สมบัติ พลายน้อย..................

รูปนี้เป็นรูปสำคัญที่หาดูได้ยากอีกรูปหนึ่ง....
หอสูงสี่หอที่ตั้งเรียงกันคือ"ระทา"
เป็นเรือนดอกไม้ไฟซึ่งจะมีเฉพาะงานใหญ่
เช่นงานฉลองวัดหรืองานพระเมรุ
ในรูปนี้เป็นงานพระเมรุกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ(ท่านเขียนอย่างนี้)เมื่อ พศ 2429
ใช้ระทาใหญ่ที่ทำขึ้นคราวฉลองวัดราชประดิษฐฯ  มาใช้ในงานนี้ 12 ระทา
นับเป็นงานทีมีระทามากที่สุด(งานฉลองวัดโพธิ์ในสมัย ร3 มีแค่ 8 ระทา)
เวลาจุดดอกไม้ไฟจะสว่างน่าดูมาก.....



ภาพนี้มีการบรรยายที่นำไปใช้หลากหลายมากๆ ซึ่งส่วนมากจะลากไปสู่งานพระเมรุ แต่ว่าผมไม่เชื่อว่าจะเป็นภาพงานพระเมรุ ซึ่งภาพนี้เป็นงานถ่ายภาพของ
ชาวต่างประเทศ และจัดทำเป็นอัลบั้มไปต่างประเทศ โดยเฉพาะถูกส่งไปยังงานนิทรรศกาลเมืองชิคาโก คิดว่าคงจะไม่นำภาพงานอวมงคลไปปนอยู่ในภาพงาน
มงคลแค่คิดว่าเป็นงานฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปีมากกว่าครับ
บันทึกการเข้า
netirut
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 283  เมื่อ 24 มิ.ย. 15, 01:19

ขอเสนอข้อมูล ที่ไม่เป็นที่เปิดเผยและค่อนข้างหาหลักฐานอ้างอิงได้ยากสักหน่อยครับ แต่หากรับทราบไว้พอเป็นความรู้ที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปได้หากต้องการ

"พระองค์วังหน้านั้น มีจิตใจฝักใฝ่อย่างยิ่งในทางธรรม เมื่อเยาว์วัย มักชอบเสด็จออกจากวังเพียงลำพังหลายๆวันเพื่อหลีกเร้นไปปฏิบัติธรรมด้วยองค์เอง โดยมีเพียงพระมารดาที่ทรงทราบเท่านั้นว่าจะเสด็จไปที่ใด โปรดการเจริญสมาธิภาวนาอย่างยิ่ง โปรดเรียนคาถาอาคม อักขระเลขยันต์ จนเชี่ยวชาญแตกฉานยิ่ง และมีช่วงเวลาหลายปีที่ได้เสด็จออกจากวังเพียงลำพังเพื่อตามหาครูอาจารย์ที่เก่งเลิศในแผ่นดินสยาม โดยตั้งปณิธานไว้ว่าจักเรียนวิชาให้เก่งกาจเป็นยอดของแผ่นดินให้จงได้ แต่ไปที่ใดก็พบแต่ครูอาจารย์ที่รู้พอๆกับตนเท่านั้น จนกระทั้งผ่านไปหลายปีที่ออกเดินทางเพียงลำพังไปทั่วแผ่นดิน ก็ได้พบกับครูอาจารย์ที่เป็นเลิศในแผ่นดินสมความปรารถนาของพระองค์ได้ พระองค์ทรงศึกษาเรียนสมาธิภาวนา คาถาอาคม อักขระเลขยันต์จากครูอาจารย์ตามป่าเขาอยู่หลายปี จนกระทั่งครูอาจารย์พระองค์สั่งให้เสด็จกลับวังได้แล้ว ด้วยอยู่ร่วมกับครูอาจารย์หลายปี ก็อาลัยไม่อยากจากมา แต่ก็ด้วยจำเป็นแก่กาลเวลาที่เสด็จออกมาจากวังหลายปีแล้วจึงเสด็จกลับด้วยจำใจอย่างยิ่ง ในช่วงเวลานั้นคนในวังต่างก็คิดว่าพระองค์คงสิ้นไปแล้วเป็นแน่ แต่เมื่อเห็นเสด็จกลับมาต่างก็ปิติดีใจกันที่เห็นพระองค์เสด็จกลับมา

เรื่องความเก่งกาจในทางสมาธิ คาถาอาคมนั้น พระองค์ถือได้ว่าเป็นเลิศยอดยิ่งในแผ่นดินสมความปรารถนาจริงๆ ทรงสามารถย่นย่อพระองค์ให้เล็กลงแล้วลงอาบว่านยาในแก้วน้ำได้ ทรงสามารถเสกใบมะขามให้กลายเป็นต่อแตนได้ ว่ากันว่าต้นมะขามหน้าวังนั้น แท้จริงแล้วพระองค์เป็นต้นคิดให้ปลูก ด้วยหวังว่าหากเกิดเหตุใดขึ้นก็จะสามารถเสกใบมะขามทั้งหมดนั้นเป็นต่อแตนป้องกันเมืองได้ ทรงสามารถย่นย่อระยะทางได้ ทรงคาถาอาคมให้หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้าได้ ลิ้นของพระองค์เป็นสีดำ ทรงเชี่ยวชาญการเล่นแร่แปรธาตุโดยเฉพาะธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายเช่นการหุงปรอท ทรงชำนาญในกสิณ4 และกรรมฐานทุกกอง

มรดกสำคัญที่ตกทอดให้คนรุ่นหลังที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ คือ "พระเครื่อง" ทรงโปรดการสร้างพระอย่างยิ่ง ที่เรียกกันว่า "พระวังหน้า" หรือ "พระสมเด็จวังหน้า" โดยมีการสร้างหลายวาระ แต่ครั้งแรกที่พระองค์สร้างพระนั้น คือเมื่อได้ทรงเสด็จกลับจากเรียนวิชาตามป่าเขา และได้สื่อจิตถึงครูอาจารย์ของพระองค์ เมื่อถึงกำหนดวันปลุกเสก ครูอาจารย์ของท่านก็มาปรากฏที่วังหน้าเป็นที่อัศจรรย์และเลื่องลือไปทั้งวัง เนื่องด้วยคืนนั้นมีกลิ่นหอมมะลิหอมฟุ้งตลบอบอวนทั่วทั้งวัง กระทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถึงพระองค์ว่าได้ครูอาจารย์ดีเป็นที่เลื่องลือในเวลานั้น ต่อมาได้ทรงสร้างพระอีกหลายวาระโดยใช้ช่างวังหน้าที่ทรงอุปถัมภ์เป็นผู้ทำแบบแม่พิมพ์ และมักจะอารธนาสมเด็จฯโต มาเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์เสมอ พระวังหน้าที่สร้างบางส่วนได้แจกใช้ในวัง บางส่วนแจกแก่ทหารเพื่อใช้รบให้ฟันแทงไม่เข้า แต่ส่วนใหญ่บรรจุไว้ในวัดพระแก้วและบางส่วนได้กระจายออกไปบรรจุตามวัดอื่นๆทั่วประเทศตามโอกาสอำนวย แต่ว่ากันว่า มีพระสำคัญบางองค์ที่วังหน้าตั้งใจสร้างพิเศษเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ไม่สมความตั้งใจ เพราะพระที่สร้างพิเศษองค์นั้นมิได้ไปถึงพระหัตถุ์ของพระองค์

ด้วยความสามารถของพระองค์วังหน้าเองนั้น ก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่เจ้านายผู้ใหญ่จะผลักดันให้พระองค์ได้ตำแหน่งวังหน้าทั้งที่อาวุโสน้อย และก็ไม่น่าแปลกใจเช่นกันที่ฝ่ายวังหลวงจะหวาดระแวงภัย ด้วยสมัยนั้นจะยำเกรงต่อผู้มีวิชาคาถาอาคมมาก แต่ในพระทัยของพระองค์นั้นมิเคยคิดที่จะแย่งชิงสิ่งที่มิใช่ของตนเลย หากแต่เหตุการณ์และคนรอบข้างพาไปให้เป็นเหตุ ทำให้ผู้คนเข้าใจพระองค์ผิดไปด้วยความหวาดระแวงในความสามารถของพระองค์ แท้จริงแล้วทรงมีพระทัยเบื่อหน่ายทางโลก ใฝ่ใจไปในทางธรรมโดยมาก ว่ากันว่าทรงปรารถนาเป็นสิ่งสูงสุดในพระพุทธศาสนา ว่ากันว่า บั้นปลายของพระองค์วังหน้านั้น ทั่วไปเข้าใจว่าสิ้นเมื่อ 2428 และมีงานพระเมรุเมื่อ 2429 แต่ความเป็นจริงในงานพระเมรุครั้งนั้นเป็นการเผาใบไม้ พระองค์วังหน้าทรงหาทางออกที่เหมาะสมกับชาติบ้านเมือง เหมาะสมกับความสบายใจของคนในวัง เหมาะสมกับความอยู่รอดปลอดภัยของคนใต้ปกครองตน และเหมาะสมกับความปรารถนาที่แท้จริงของพระองค์เอง ทรงเสด็จออกผนวชในปี 2429 ตามพระอาจารย์ของพระองค์สู่ป่าเขาลำเนาไพร"

ข้อมูลข้างต้นนี้ โปรดอย่าเชื่อเพราะมันขาดหลักฐานอ้างอิง หากจะเชื่อก็ด้วยใช้ใจสัมผัสเท่านั้นครับ ว่ากันว่า.....?

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 284  เมื่อ 24 มิ.ย. 15, 06:04

เรื่องแนวๆข้างบนนี้ คนเขียนมโนขึ้นมาเอง หรือไม่ก็ฟังเขาโม้มา
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 19 คำสั่ง