เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
อ่าน: 38438 เรื่องจีนฮ่อ และสงครามปราบฮ่อ
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 20:08

^
^
 ปืนหามแล่นนี้ เวลาใช้งานจริง คงโดนถีบเจ็บไม่น้อย  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 08:40

ศึกฮ่อ ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๒๖ (ค.ศ. 1883)

เมื่อพวกฮ่อธงเหลืองแตกหนีทัพแล้วไปจากเมืองพวนและเมืองหัวพันทั้งห้าหก กลับไปตั้งรวมกันที่เมืองซันเทียน ซึ่งได้เคยอาศัยมาแต่ก่อน แล้วเที่ยวปล้นสดมภ์เมืองน้อยตามชายแดนจีน แดนญวน จีนกับญวนจึงนัดกันให้กองทัพออกไปปราบฮ่อธงเหลือง คราวนี้พากันระดมตีเมืองซันเทียนและฆ่าปวงนันซี ผู้เป็นหัวหน้าฮ่อธงเหลืองตายในที่รบ

พวกฮ่อที่หลบหนีได้ไม่มีคนสำคัญเป็นหัวหน้า ก็แยกกันออกไปหลายพวกหลายเหล่า ต่างพวกต่างใช้ธงสีอันหนึ่งเป็นเครื่องหมายของตน จึงเกิดพวกฮ่อธงแดงและสือื่นๆอีกต่อไป เมื่อฮ่อแยกออกเป็นหลายพวกเช่นนี้ ต่างพวกย่อมมีกำลังอ่อนและแข็งต่างกัน เป็นเหตุให้ประพฤติหาเลี้ยงชีพโดยวิธีต่างกัน
๑.   บางพวกที่มีกำลังมาก ก็ใช้กำลังเที่ยวเบียดเบียนผู้อื่นเอาไว้ในอำนาจอย่างที่เคยกระทำ
๒.   พวกที่กำลังน้อยก็เลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเป็นกำลังรบพุ่งให้ผู้อื่น
๓.   บางพวกก็อ่อนน้อมเข้ากับเจ้าเมือง ขอตั้งภูมิลำเนาประกอบการหาเลี้ยงชีพอย่างชาวเมือง
การที่ฮ่อกระจัดกระจายเป็นดังนี้ทำให้ท้าวขุนเจ้าเมืองใหญ่น้อยในแดนสิบสองจุไทยและแดนพวน ต่างก็พากันจ้างฮ่อเข้าเกลี้ยกล่อมเลี้ยงไว้ หากมีอริวิวาทต่อกันก็ให้พวกฮ่อไปปล้นสะดมภ์พวกที่เป็นศัตรู ประกอบกับพวกญวนก็ไม่มารบพุ่งในดินแดนแถบนี้แล้ว


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 08:48

ฝ่ายหลวงพระบางหลัง พ.ศ. ๒๔๑๘

เมืองหลวงพระบางหลังจากเสร็จศึกฮ่อแล้ว บัดนี้ผ่านมาเป็นเวลา ๙ ปี ก็มิได้จัดการปกครองเมืองพวนและเมืองหัวพันห้าทั้งหกให้มั่นคงขึ้น เคยเป็นอยู่แต่ก่อนอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น จึงมีฮ่อธงเหลืองพวก ๑ ตัวนายชื่อ อาจึง และ ไกวซึง ๑ คุมกำลังมาตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งเชียงคำในแขวงเมืองพวนประมาณ ๘ ปี

ครั้นถึงพ.ศ. ๒๔๒๖ (ค.ศ. 1883) ฮ่อพวกนี้ยกกองทัพไปตีเมืองเมืองในแดนหัวพันห้าทั้งหก ซึ่งขึ้นอยู่กับหลวงพระบาง เจ้านครหลวงพระบางบอกลงมายังกรุงเทพฯ จึงโปรดฯให้เกณฑ์กำลังมณฑลพิษณุโลกเข้ากองทัพ ให้พระยาพิไชย (มิ่ง) กับพระยาศุโขไทย (ครุธ) คุมขึ้นไปช่วยเมืองหลวงพระบางก่อน


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 08:50

แล้วให้พระยาราชวรานุกูล (เวก บุณยรัตพันธ์) ซึ่งเคยคุมกองพัพไปปราบฮ่อเมื่อยังเป็นพระสุริยภักดี ตามขึ้นไปเป็นแม่ทัพใหญ่ปราบฮ่อที่ยกไปทางเมืองหลวงพระบาง

แล้วโปรดฯ ให้เกณฑ์ทัพใหญ่เตรียมไว้อีกทัพ ๑ เผื่อมีกองทัพฮ่อยกลงมาหัวเมืองริมน้ำโขงเหมือนอย่างคราวก่อน จึงโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระบำราบปรปักษ์ ซึ่งได้ทรงบัญชาการมหาดไทยต่อเจ้าพระยาภูธราภัยเสด็จไปเป็นจอมพล
โปรดฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ซึ่งทรงบังคับการกรมทหารมหาเล็กและกรมแผนที่ โดยเสด็จไปอำนวยการทำแผนที่พระราชอาณาเขตข้างฝ่ายเหนือด้วย
ต่อมาได้ข่าวแน่นอนว่าฮ่อมีกำลังไม่มากนัก และยกไปแต่ทางเมืองหลวงพระบางทางเดียว จึงโปรดฯให้เลิกกองทัพใหญ่ที่ได้ตระเตรียมเสีย เป็นแต่ให้พระวิภาคภูวดล (แมกคาธี) คุมพนักงานขึ้นไปทำแผนที่ตามที่ได้ทรงพระราชดำริห์ไว้


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 08:51

ภาพพระยาราชวรานุกูล (เวก บุณยรัตพันธ์)


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 08:54

ฮ่อรู้ตัว

เมื่อกองทัพไทยยกขึ้นไปถึงหลวงพระบาง พวกฮ่อทราบความก็พากันถอยหนีจากเมืองหัวพันห้าทั้งหก กลับไปตั้งค่ายใหญ่ที่ทุ่งเชียงคำ
พระยาราชวรานุกูล, พระยาพิไชย, และพระยาศุโขทัย ยกกองกำลังติดตามไปถึงทุ่งเชียงคำ เข้าล้อมค่ายไว้ แต่ฮ่อคราวนี้ตั้งมาช้านานจยปลูกกอไผ่บัง แทนระเนียดล้อมรอบ ปืนใหญ่ที่ไทยเตรียมมีกำลังไม่พอจะยิงล้างกอไผ่ได้ กองทัพไทยยกเข้าตีค่ายหลายครั้งก็เข้าไม่ได้ ด้วยพวกฮ่ออาศัยกอไผ่กำบังยิงปืนกราดอกมา

ครั้งหนึ่งพระยาราชวรานุกูลยกเข้าตีค่ายเอง ได้ถูกปืนข้าศึกที่ขาเจ็บป่วยแต่ยังบัญชาการศึกได้ จึงสั่งให้ล้อมค่ายฮ่อไว้ ในระหว่างที่รักษาบาดแผล ฝ่ายฮ่อถูกล้อมในค่ายก็ขัดสนเสบียงอาหาร เห็นว่าจะรบไม่ไหว นายทัพฮ่อจึงออกมาว่ากับพระยาราชวรานุกูลว่าจะยอมทู้ จะขอกระทำสัตย์เป็นข้าขอบขัณฑสีมากรุงเทพต่อไป ขออย่าให้ไทยทำอันตราย

ฝ่ายพระยาราชวรานุกูลกล่าวว่าให้ฮ่อส่งเครื่องสาตราวุธบรรดามีมาให้เสียก่อน แล้วให้ตัวออกมาหาจะไม่ทำอันตราย แต่พวกฮ่อไม่ไว้ใจ เกรงว่าไทยจะฆ่าฟันเสีย จีงไม่ออกมา

กองทัพล้อมค่ายฮ่ออยู่ ๒ เดือน ผู้คนเกิดป่วยเจ็บด้วยขัดสนเสบียงอาหารส่งไม่ทัน พระยาราชวรานุกูลต้องเลิกทัพกลับมาเมืองหนองคาย เป็นการสิ้นเรื่องปราบฮ่อครั้งที่ ๒

ภาพลายเส้นภาพวาดกองทัพฮ่อในค่าย


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 09:15

สำหรับเมืองซันเทียน มีเพื่อนผม คุณอุ้ย (พันทิป) หลังไมค์มาบอกว่ามีประวัติของสองพี่น้องธงเหลืองและธงดำได้ดังนี้

"ผมลองไปค้นประวัติของ หวู่หลิงหยุน และหวู่หยาจง หัวหน้าแก๊งค์ฮ่อธงดำรุ่นแรกๆดูครับ ปรากฎว่าเจอว่า

ระหว่างปี 1865-68 นั้น พอหวู่หลิวหยุนถูกทางการชิงฆ่าตาย หวู่หยาจง น้องร่วมสาบานก็พาพรรคพวกหนีตายไปตั้งฐานทัพบนเขา ซานไท่ ครับ และกลุ่มฮ่อก็อาศัยบนเขานั้นอยู่หลายปีจนล่าถอยเข้าไปในแคว้นสิบสองจุไทและเมืองลาวกายในภายหลัง

เป็นไปได้ไหมครับว่า เขาซานไท่ จะคือเมืองซันเทียน

แต่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เขาซานไท่นี้อยู่ตรงไหนหน่ะครับ

ชื่อภาษาจีนของเขาลูกนี้คือ 三台山 ครับ"

นี่ครับแผนที่เขาซานไท่ เขตปกครองตนเองชนชาติไทและจิ่งพัว เต๋อหง มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเชียงรุ่ง ตามเวปนี้ครับ http://www.panoramio.com/photo/21608437


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 14:52

ที่มาของชื่อ "ห้อ" หรือ "ฮ่อ" นั้นยังคลุมเครืออยู่มาก

สมมติฐานที่ว่ามาจากคำเรียกชนเผ่าที่อยู่ริมแม่น้ำแสนั้น ยังน่าสงสัยว่าชนกลุ่มนี้กลายเป็นตัวแทนของจีนยูนนานในสายตาของชาติที่อยู่ใต้ลงมาได้อย่างไร

สมมติฐานที่ว่ามาจากจีนยูนนานที่ชอบพูด ฮ่อๆๆๆ นั้นยิ่งน่าสงสัยเข้าไปอีก ผมไม่ทราบว่าสำเนียงจีนยูนนานเป็นอย่างไร แต่หากใกล้เคียงกับจีนกลางจริง ก็ไม่น่าจะพูด ฮ่อๆๆๆ ซึ่งเป็นสำเนียงอย่างจีนแต้จิ๋วครับ

ยังมีบางกระแสที่ว่า ห้อ อาจจะมาจากชื่อชนเป่า หุย ซึ่งเป็นมุสลิมอีก

แต่กระทู้นี้ที่พันทิพ มีข้อสังเกตของคุณหลี่เสียนหลอ ซึ่งเข้าเค้าอยู่มากครับ หาก ห้อ มากจาก หอ และ หอ มาจาก หัว เพราะสามารถตอบข้อข้องใจได้ทั้งหมดว่าคำนี้เป็นคำที่คนทางล้านนาและพื้นที่แวดล้อมเรียกคนจีนว่า ห้อ ทั้งหมด

ที่มาของฮ่อนั้นชัดเจนว่าเป็นกองกำลังที่แตกมาจากการล่มสลายของกบฏไท่ผิง ทางสยามดูเหมือนจะไม่รู้ที่มาที่ไปของพวกนี้ชัดเจนนัก น่าสงสัยว่ากองกำลังของพวกฮ่อธงเหลืองธงดำที่เข้ามาก่อกวนนั้นเป็นทัพใหญ่หรือเป็นเพียงบางส่วน(ส่วนน้อย)ของพวกธงดำธงเหลือง ข้อมูลทางจีนอาจจะไขข้อข้องใจนี้ได้ รอมีเวลาสักหน่อยผมจะลองค้นดูครับ

แต่เท่าที่เห็นคร่าวๆ ทางจีนเรียกพวกนี้ว่า เฮยฉีจวิน หวางฉีจวิน (ทัพธงดำ ทัพธงเหลือง) ซึ่งไม่ให้คำตอบอะไรกับเรื่องคำว่า ฮ่อ อยู่ดีครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 11 ก.พ. 11, 15:20

ใช่ครับ เข้าเค้ามาก จึงนำมาให้อ่านกันครับ

"ในปัจจุบัน ชาวไตลือ/傣族 (คนลื้อเรียกตัวเองว่า ลือ มิใช่ลื้อ)

เรียกชาว ฮั่น/汉族 ว่า ฮ๋อ(หอ)ไม่ได้ออกเสียงว่า ห้อ ครับ

ผมยังรู้สึกว่า น่าจะมาจากคำว่า ฮั๋ว(หัว)/华 ซึ่งเป็นคำดั่งเดิมที่คน ไต เรียกชาวจีน...หลี่ เสียนหลอ (พันทิป)"




จากหนังสือของพระวิภาคภูวดล (เจมส์ แมคคาธี) บรรยายไว้เรื่องฮ่อ


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 12 ก.พ. 11, 11:36

คนจีนแต้จิ๋วจะเรียกคนจีนด้วยกันว่า ตึ่งนั้ง จีนกลางว่า ถังเหริน 唐人 คือชาวถัง

"ถัง" ตัวนี้ตัวเดียวกับราชวงศ์ถังครับ นัยว่าเป็นชาวราชวงศ์ถัง ซึ่งคงใช้กันมานานแล้ว และน่าสังเกตว่าเหตุที่ใช้อยู่ได้อย่างนี้น่าจะเป็นเพราะคนแต้จิ๋วนั้นอยู่ไกลจากศูนย์กลางอำนาจ (ซึ่งเปลี่ยนราชวงศ์ไปอีกหลายรอบแล้ว)

ยังมีอีกคำหนึ่งที่คนแต้จิ๋วใช้เรียกคนจีน คำนี้เป็นคำอย่างที่เรียกว่า "ภาษาหนังสือ" นัยว่าเป็นคำที่ใช้ตามจีนในศูนย์กลางอำนาจว่า หั่วยิ้ง จีนกลางจะว่า ฮว๋าเหริน 华人 ซึ่งอาจแปลได้ว่า "ผู้เจริญ" ครับ

สำหรับคนไทย จะคุ้นกับคำว่า หัวเฉียว (เป็นการเขียนอย่างการออกเสียงในสำเนียงจีนกลาง แต่ความจริงจะออกเสียงว่า ฮว๋าเฉียว ถ้าเป็นแต้จิ๋วจะว่า หั่วเคี้ยว) 华侨 คำว่า เฉียว นี้แปลว่าผู้ย้ายถิ่นฐาน รวมความแล้วหัวเฉียวก็คือคนจีนที่อพยพไปอยู่ในประเทศอื่น หรือที่เราเรียกกันว่าจีนโพ้นทะเลครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 13 ก.พ. 11, 01:19

สนใจเรื่องนี้มากค่ะ มาลงชื่อเข้าเรียนเป็นกิจลักษณะ
สมัครเป็นศิษย์ท่าน Siamese ด้วยคนนะคะ

บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 13 ก.พ. 11, 11:16

ศึกฮ่อ ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๒๘ (ค.ศ. 1885)

เป็นศึกฮ่อที่เกี่ยวเนื่องกับศึกฮ่อเมื่อพระยาราชวรานุกูลถูกอาวุธข้าศึก และกองทัพได้ล้อมค่ายฮ่อที่ทุ่งเชียงคำ และในขณะนั้นได้รับใบบอกเมืองหลวงพระบางว่า มีทัพฮ่อยกมาย่ำยีเมืองหัวพันห้าทั้งหก
ที่ในกรุงเทพฯ ไม่ทราบว่าจะเป็นฮ่อพวกเดียวกับที่ทุ่งเชียงคำหรือพวกต่างกัน ทรงพระราชดำริว่า กองทัพพระยาราชวรานุกูลคงทำการไม่สำเร็จ ด้วยเป็นแต่เกณฑ์พลเรือนไปรบตามแบบโบราณ ในเวลานั้นกรมทหารที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นใหม่มีหลายกรม จัดการฝึกทหารแบบยุโรป ควรใช้ไปปราบฮ่อให้คุ้นเคยกรศึกบ้าง
จัดทัพ
๑.   ทัพตะวันออก โปรดฯให้ นายพันเอก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ผู้บังคับการกรมทหารรักษาพระราชวัง เป็นแม่ทัพ ยกไปแขวงเมืองพวน
๒.   ทัพตะวันตก โปรดฯ ให้ นายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนารถ (เจิม แสงชูโต) ผู้บังคับการกรมทหารหน้า (ราบที่ ๔) เป็นแม่ทัพ ยกไปแขวงเมืองหัวพันห้าทั้งหก
๓.   ให้ยกกองทัพขึ้นไปปีระกา พ.ศ. ๒๔๒๘ (ค.ศ. 1885) พร้อมกันทั้ง ๒ ทัพ

ทัพตะวันออกไปแขวงเมืองพวน
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำปีระกา ไปตั้งรวมพลที่เมืองพิษณุโลก (ขณะนั้นได้ข่าวว่า กองทัพพระยาราชวรานุกูลยกทัพมาตั้งมั่นที่หนองคายแล้ว)
ทัพของนายพันเอก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม จัดกระบวนทัพได้ดังนี้
๑.   ทัพหน้า : พระอมรวิไสยสรเดช (โต บุนนาค) (ต่อมาเป็นเจ้าพระยาสุรวงศวัฒนศักดิ), เจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิต, ม.ร.ว. อรุณ ฉัตรกุล ณ กรุงเทพ
๒.   ทัพหลวง : พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม
๓.   ทัพหลัง : พระราชวรินทร (ต่อมาเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์)
ยกกองทัพออกจากเมืองพิษณุโลก วันเสาร์ เดือนอ้าย แรม ๕ ค่ำ ไปทางเมืองหล่มสัก เมืองเลย เมืองแก่นท้าว ๒๑ วันถึงหนองคาย เมื่อเดือนยี่ ขึ้น ๑๒ ค่ำ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 13 ก.พ. 11, 11:22

การรบที่ทุ่งเชียงคำ

เมื่อถึงหนองคายแล้ว ทรงจัดให้กองทัพพระอมรวิไสยสรเดช (โต บุนนาค) ซึ่งเป็นทัพหน้า ยกไปตีค่ายฮ่อที่ทุ่งเชียงคำ และตามด้วยทัพหนุน โดยพระราชวรินทร ซึ่งการเดินทางจากหนองคาย – ทุ่งเชียงคำ ใช้เวลาเดินทาง ๓๕ วัน ครั้งนั้นกำลังพาหนะและเสบียงอาหารในมณฑลอุดรร่อยหรอฝืดเคือง ต้องรวบรวมเป็นการลำบาก จึงทำให้การเดินทางล่าช้า

เมื่อเดินทางไปทุ่งเชียงคำ พวกฮ่อรู้ตัวก่อนแล้วจึงเผาค่ายทิ้ง กองทัพไทยไปถึงแล้วจะตั้งค่ายที่ทุ่งเชียงคำก็ไม่มีเสบียงอาหาร จึงได้กลับไปตั้งอยู่เมืองเชียงขวาง และให้สืบเสาะว่าพวกฮ่อไปตั้งค่ายอยู่แถวไหน และได้ความว่าฮ่อหนีไปจากทุ่งเชียงคำ ไปอาศัยพวกแม้ว พวกเย้า ที่ปลายแดนญวน ซึ่งระยะเดินทาง ๖ วัน (ซึ่งเป็นเหตุกาณณ์ที่มีฝรั่งเศสมีข้อพิพาทรบกับจีนที่อ่าวตังเกี๋ย พวกฮ่อเข้าไปรับจ้างจีนรบกับฝรั่งเศส)

นายทัพทั้ง ๒ ปรึกษากันว่าหากจะไล่ตามคงไม่ทัน จึงได้จัดการตั้งบ้านเมืองเกลี้ยกล่อมพวกพลเมืองที่แตกฉานไปอยู่ตามป่าเขา ให้กลับคืนภูมิลำเนา และได้พาหัวหน้าพวกข่า เข้ามาสวามิภักดิ์อีกด้วย แล้วจึงยกทัพกลับหนองคาย
สรุปว่ากองทัพตะวันออกโดยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม มิได้มีโอกาศพุ่งรับกับพวกฮ่อ จึงโปรดเกล้าฯให้กองทัพกลับมากรุงเทพฯ และเสด็จมาถึงเมื่อเดือน ๖ ปีกุน พ.ศ. ๒๔๓๐

วันอาทิตย์  แรม  ๙  ค่ำ เดือน  ๑๑  ปีระกา  จ.ศ.๑๒๔๗   ตรงกับ   วันที่  ๑  พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๔๒๘     พระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานธงชัยอันวิเศษสำคัญให้แก่กองทัพ 


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 13 ก.พ. 11, 11:24

ทัพตะวันตกไปหัวเมืองหัวพันห้าทั้งหก

ทัพตะวันตก โปรดฯ ให้ นายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนารถ (เจิม แสงชูโต) ผู้บังคับการกรมทหารหน้า (ราบที่ ๔) เป็นแม่ทัพ ยกไปแขวงเมืองหัวพันห้าทั้งหก

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำปีระกา ไปตั้งรวมพลที่เมืองพิไชย และโปรดให้พระยาศรีสิงหเทพ (อ่วม) ขึ้นไปเป็นพนักงานจัดพาหนะส่งกองทัพ จึงปรึกษาการจัดการเดินทัพขึ้นไปเมืองหลวงพระบางเป็น ๓ ทาง
๑.   ทางที่ ๑ ทัพใหญ่ : เมืองพิไชย – เมืองฝาง ๓ วัน – เมืองท่าแฝกเขตน่าน ๔ วัน – เมืองน่าน ๖ วัน – ตำบลนาดินดำ ๖ วัน – บ้านนาแล ๖ วัน ถึงหลวงพระบาง
๒.   ทางที่ ๒ เมื่อทัพใหญ่ถึงน่าน แต่งให้พระพลสงคราม เมืองสวรรคโลก กับ นายทหารกองทหารปืนใหญ่ คุมปืนใหญ่และกระสุนดินดำ แยกไปท่านุ่น ริมแม่น้ำโขง จัดลงบรรทุกเรือไปยังหลวงพระบาง
๓.   ทางที่ ๓ เครื่องใช้สำหรับกองทัพ : ให้พระศรีพิไชยสงคราม (ปลัดซ้ายกรมการเมืองพิไชย) กับนายทหารกรุงเทพ ให้คุมไปทางเมืองน้ำปาด – ตำบลปากลาย – ลงเรือข้ามแม่โขง ส่งไปเมืองหลวงพระบาง
พาหนะและเสบียงอยุ่ที่เมืองพิไชยได้ ๒๐ วัน ยังไม่พร้อม ช้างที่จะใช้ในกองทัพ ๑๐๘ ช้าง โคต่าง ๓๑๐ โค ม้า ๑๑ ตัวเท่านั้น  จึงต้องรอคอยให้พาหนะพร้อมแล้วจึงยกกองทัพออกจากเมืองพิไชย วันศุกร์ แรม ๑๑ ค่ำ ปีระกา พ.ศ. ๒๔๒๘

ครั้นถึงวันพุธ เดือนยี่ แรม ๑ ค่ำปีระกา ถึงตำบลสบสมุนใกล้เมืองน่านประมาณ ๑๐๐ เส้น แม่ทัพจึงสั่งให้ตั้งพักจัดกองทัพที่จะเดินเข้าเมืองน่าน เจ้าเมืองน่าน(เจ้าอนันตรฤทธิเดช) แต่งให้พระยาวังซ้าย และเจ้านายบุตรหลานแสนท้าวพระยา คุมช้างพลายสูง ๕ ศอกผูกจำลองเขียนทองออกมารับ ๓ ช้างกับดอกไม้ธูปเทียนพานหนึ่ง แต่แม่ทัพบอกว่าจะขอพักที่แห่งนี้คืนหนึ่ง วันรุ่งจึงขอเข้าเมืองเนื่องจากทัพเหนื่อยล้ามาก

รุ่งขึ้นเจ้านครน่านจึงได้จัดกระบวนช้าง ๓ ช้างออกมารับในเวลา ๓ โมงเศษ แม่ทัพและนายกองพร้อมกระบวนทัพแห่กันเข้าเมืองน่าน และจัดที่พักให้ตรงประตูกำแพงเวียงด้านตะวันออก บ่าย ๓ โมงเจ้านครน่านและบุตรหลานจัดพระศิลานิล องค์หนึ่ง ข้าวสารเป็นข้าวเจ้า ๔ ขัน หมากพลู ๒ ขัน แม่ทัพจึงได้จัดของแปลกปลาดแก่เมืองน่านหลายสิ่ง ซึ่งจัดขึ้นไปแต่กรุงเทพให้ต่างตอบแทนเป็นการสมควร สรุปแล้วกองทัพเดิน ๑๗ วัน หยุดพักเมืองฝางและท่าแฝก ๔ วัน
อนึ่งพระยาสิงหเทพ (ข้าหลวง) อัญเชิญเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาสุราภรณ์มงกุฎสยาม ชั้นที่ ๑ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเจ้าเมืองน่านอีกด้วย กำหนดวันพระราชทาน วันอาทิตย์ เดือนยี่ แรม ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ
ทั้งนี้เจ้าเมืองน่านได้จัดส่งช้าง เพื่อเข้ากระบวนทัพอีก ๑๐๐ ช้างอีกด้วย แม่ทัพจึงได้เปลี่ยนช้างหัวเมืองชั้นในที่ได้บรรทุกกระสุนดินดำเสบียงอาหารมาในกองทัพ ๕๘ ช้าง มอบให้พระพิไชยชุมพล มหาดไทยเมืองพิไชยคุมกลับไปยังเมืองพิไชย เพื่อจะได้บรรทุกเสบียงข้าวจากเมืองพิไชย ขึ้นมาส่งยังฉางเมืองท่าแฝก ซึ่งพระยาสวรรคโลกได้มาตั้งฉางพักเสบียงไว้
สำหรับที่น่านจะมารับลำเลียงส่งต่อไปถึงปากเงย และเมืองหลวงพระบาง


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 13 ก.พ. 11, 11:26

ภาพกราฟฟิค การยกทัพตะวันออก - ทัพตะวันตก


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 19 คำสั่ง