เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 38375 เรื่องจีนฮ่อ และสงครามปราบฮ่อ
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 08 ก.พ. 11, 14:39

กบฏพันเธย์ “ตู้เหวินซิ่ว”

พ.ศ. ๒๓๙๖ (ค.ศ. 1853) ยูนนานเกิดกบฏพวกมุสลิม ซึ่งต้องการสร้างอาณาจักรทางใต้สันติสุข – ผิงหนานกั๋ว ( P’ing Nan Kuo ) เกิดจากกรณีชาวจีนได้ฆ่าชาวหุยและชาวจีนมุสลิม ซึ่งเป็นคนมุสลิมในยูนนาน ทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงได้มีแกนนำชื่อ ตู้เหวินซิ้ว รวมตัวกันเป็นกบฏเพื่อต่อต้านอำนาจการกดขี่จากอำนาจแมนจู จึงได้เข้ายึดเมืองต้าหลี่ นอกจากนี้ชนกลุ่มน้อยอย่างเผ่าไป๋ อาหนี หยีและไตก็ได้เข้าร่วมก่อการกบฏในครั้งนี้ด้วย แต่ในที่สุดก็ถูกรัฐบาลแมนจูเข้ากวาดล้างได้หมดใน พ.ศ. ๒๔๑๖ (ค.ศ. 1873) อันเป็นปีเดียวกับพวกฮ่อได้เริ่มทำการปล้นสะดมภ์ลงมาในแถบเมืองเลากาย
บรรดาพวกชาวมุสลิมก็ต่างพากันหนีตายลงมายังเมืองมัณฑเลย์ –ลาว-ไทย ตามแต่เส้นทางที่หนีลงมา


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 09 ก.พ. 11, 09:30

การศึกฮ่อ ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๑๘

เมื่อลิวตายัน (ฮ่อธงดำ) และปวงนันซี (ฮ่อธงเหลือง) ได้เกิดเป็นอริกันแล้ว ปวงนันซี ก็ทำตัวเยี่ยงโจร ไล่ปล้นสดมภ์และปล้นเมืองในดินแดนสิบสองจุไทยและเมืองพวน
ปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ (ค.ศ. 1873) ท้าวขันตีเจ้าเมืองเชียงขวางได้ขอกำลังฝ่ายญวน เข้าร่วมต้านทัพฮ่อที่ตีเมืองพวน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไป ทำให้ฮ่อได้เมืองเชียงขวาง และได้ตั้งมั้นกองทัพไว้ที่ทุ่งเชียงคำ

ปีจอ พ.ศ. ๒๔๑๗ (ค.ศ. 1874) อันเป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลที่ ๕ ฮ่อเตรียมทัพจากทุ่งเชียงคำ
-   จะยกมาทางเมืองเวียนจันทน์ มาตีเมืองหนองคาย ทัพ ๑
-   จะมาทางเมืองหัวพันห้าทั้งหก มาตีเมืองหลวงพระบาง ทัพ ๑


ข่าวนี้ได้ทราบจากท้าวขุนเมืองพวนที่หนีภัยสงครามมาอยู่ที่หนองคาย จึงบอกเข้ามายังกรุงเทพฯ พร้อมกับใบบอกเจ้านครหลวงพระบาง


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 09 ก.พ. 11, 09:36

ในเวลาเดียวกัน พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) กำลังทำการสักเลขที่มณฑลอุบล จึงได้โปรดเกล้าฯให้เกณฑ์กำลังมณฑลอุดร – มณฑลร้อยเอ็ด – มณฑลอุบล รวมขึ้นเป็นกองทัพ ๑

พระยานครราชสีมา (เมฆ) เกณฑ์กำลังนครราชสีมาเป็นกองทัพอีก ๑

พระยาพิไชย (ดิศ) เกณฑ์กำลังมณฑลพิษณุโลกเป็นกองทัพ ๑ เพื่อขึ้นไปป้องกันเมืองหลวงพระบาง
เหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ

พระยาภูธราภัย (สมุหนายก) เกณฑ์พลเข้ากองทัพ ๑ ยกทัพขึ้นไปร่วมปราบฮ่อที่เมืองหลวงพระบาง ออกเดินทางเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ไปตั้งประชุมพลที่เมืองพิไชย

เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง เป็นแม่ทัพ ๑ ยกไปทางเมืองหนองคาย ออกเดินทางโดยทางเรือ เมือวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๘ ค่ำ พ.ศ. ๒๔๑๘ (ค.ศ. 1875) เสด็จส่งกองทัพที่ท่าราชวรดิษฐ์ กองทัพขึ้นไปรวมพลที่สระบุรี ตำบลหาดพระยา แล้วจึงยกทัพไปยังนครราชสีมาทางดงพระยาไฟ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 09 ก.พ. 11, 09:38

เหตุการณ์ที่หนองคาย

พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) ได้นำทัพยกไปถึงเมืองหนองคาย พวกฝ่ายฮ่อก็ได้ยกทัพลงมายังเมืองเวียงจันทน์เช่นกัน ฮ่อตั้งค่ายอยู่ที่วัดจันทน์ ในเมือง ๑ แห่ง, ที่บ้านสีฐาน ๑ แห่ง, ที่บ้านโพนทานาเลา ๑ แห่ง แล้วข้ามฟากมาตีเมืองปากเหือง แตกเมือง ๑ พระยามหาอำมาตย์กับพระยานครราชสีมา (เมฆ) พระพรหมภักดี (กาจ สิงห์เสนี) ยกกระบัตรเมืองนครราชสีมา ได้เข้ารบพุ่งกับพวกฮ่อ ต่อสู้กันอยู่ ๑ วัน ทัพฮ่อก็แตกหนีไปหมดและจับตัวได้เป็นอันมาก
(เมืองปากเหือง คือเมืองอยู่ตรงข้ามเมืองเชียงคาน ปากแม่น้ำเหือง)


เหตุการณ์ทัพจากกรุงเทพฯ

หลังจากมีชัยต่อทัพฮ่อแล้วทางกรุงเทพฯ ก็มีใบบอกให้เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ที่กำลังอยู่ที่เมืองผไทยสงฆ์
ฝ่ายกองทัพพระยาพิไชย (ดิศ) ซึ่งได้ยกกองทัพไปหลวงพระบางล่วงหน้า เมื่อไปถึงพบว่าทัพฮ่อมาตั้งค่ายที่เมืองเวียงกัด ในแขวงหัวพันห้าทั้งหก และรีบยกพลไปจากเมืองหลวงพระบางไปพบทัพฮ่อและเข้ารบกันในเดือน ๑๒ ปีกุน แต่กำลังของพระยาพิไชย (ดิศ) กำลังไม่พอ จึงได้ตั้งทัพรักษาที่มั่นไว้
เมื่อทัพของเจ้าพระยาภูธราภัยขึ้นไปถึงเมืองพิไชยทราบว่า กำลังมีการรบที่อยู่ จึงได้จัดกองทัพให้พระสุริยภักดี (เวก บุณยรัตพันธุ์) เจ้ากรมพระตำรวจรีบยกทัพหลวงพระบางเพื่อช่วยพระยาพิไชย
 
เจ้าพระยาภูธราภัยจึงได้สั่งให้ทัพของพระสุริยภักดี และทัพของพระยามหาอำมาตย์ ตามตีฮ่อไปจนถึงทุ่งเชียงคำ พวกฮ่อก็พากันอพยบหนีไปจากเมืองพวน เป็นอันเสร็จศึกปราบฮ่อ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ ซึ่งกองทัพของเจ้าพระยาภูธราภัย ตั้งมั่นที่เมืองปากลาย จนมีใบบอกให้กลับมา


บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 09 ก.พ. 11, 11:08

ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับปืน Gatling เพิ่มเติมมา จะไปขยายความในกระทู้เดิมก็จะไปขัดกับเรื่องเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ที่กำลังดำเนินเรื่องอย่างต่อเนื่อง

ผมจะรอลงในกระทู้นี้นะครับ

บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 09 ก.พ. 11, 11:36

ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับปืน Gatling เพิ่มเติมมา จะไปขยายความในกระทู้เดิมก็จะไปขัดกับเรื่องเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ที่กำลังดำเนินเรื่องอย่างต่อเนื่อง

ผมจะรอลงในกระทู้นี้นะครับ



ขอรับ ลุงไก่ เรื่องปืน Gatling ก็เป็นยุทธโปกรณ์หนึ่งซึ่งทางกองทัพได้จัดซื้อไว้ เป็นปืนที่มีพลานุภาพมากในสมัยนั้น
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 09 ก.พ. 11, 14:42

นำการจัดกระบวนทัพและอาวุธ ยกมาบางส่วนจากนิราศหนองคาย

นิราศหนองคาย

๏ ครั้นวันอาทิตย์ขึ้นหนึ่งค่ำเดือนอ้าย      พระสุริยฉายส่องฟ้าขึ้นฝ่าฝืน
ยกกระบัตรจัดทวนกระบวนปืน      ต่างก็ยืนคอยอยู่ทุกหมู่กอง
ทัพหน้าแล้วก็มาถึงทัพขันธ์      เข้ารวมกันประดังอยู่ทั้งสอง
ปีกขวาปีกซ้ายก็จัดไว้ถัดรอง      ตามทำนองพยุหบาตรเยื้องยาตรา
ล้วนทหารถือปืนยืนสะพรั่ง      ถือโล่ห์ดั้งหลาวแหลนดูแน่นหนา
ปืนปื่นพื้นนกสับอันดับมา                      รวมทั้งห้ากองทัพพร้อมสรรพกัน
ล้วนสวมเสื้อเขียวแดงแสงระยับ      พร้อมเสร็จสรรพพหลพลขันธ์
เหล่าตัวนายขี่ช้างพลายตัวสำคัญ      ล้วนแต่กั้นสัปทนทุกคนไป
ธงสำหรับนายทัพทั้งหลายนั้น      ต่างสีสันแลเป็นทิวปลิวไสว
บ้างสีเขียวแดงเหลืองเรืองประไพ      บางคนใช้ต่างสีมีสำคัญ
แล้วถึงกองทัพใหญ่วิไลเหลือ      ล้วนสวมเสื้อดีดีต่างสีสัน

ยกกระบัตรจัดทัพอันดับกัน      ถึงธงไทยใหญ่สนั่นแดงประทาน
แล้วถึงหม่อมราชวงศ์กระจ่าง      ขี่ม้าสะบัดย่างนำทหาร
ดูท่วงทีเจนจัดหัดชำนาญ                      ล้วนถือขวานฝรั่งทั้งกระบวน
แล้วถึงปืนปะเหรี่ยมล้อเทียมลาก      คนกระชากล้อหันไปผันผวน
อยู่เรียงรายข้างทางห่างพอควร      แต่แล้วล้วนปืนใหญ่ไสวตา
แล้วถึงกองขุนสิทธิ์ติดกระชั้น      มีซายันคองกระบองคล่องหนักหนา
ทหารแถวสองข้างหนทางมา      ล้วนถืออาวุธสิ้นดูภิญโญ
แล้วถึงกอโปราลภมดูคมขำ      ขี่มานำทหารประมาณโหล
คุมปืนแคทะริงกันสนั่นโต้      มีเดโชยิ่งกว่าปืนอื่นทั้งปวง

แล้วก็ถึงธงทหารสะอ้านแท้      ถัดก็แตรขลุ่ยกลองล้วนของหลวง
ยกกระบัตรจัดงามตามกระทรวง      เดินทักท้วงเตรียมตรวจทุกหมวดกอง
แล้วถึงทหารอย่างยุโรปครบทหาร      งามตระการเสื้อสีไม่มีสอง
ทั้งข้างแขนพู่บ่าระย้าทอง      ล้วนแต่ของใหม่ใหม่ได้ประทาน
ทั้งตัวนายขี่ม้าอาชาชาติ                      ดูองอาจสมกายนายทหาร
ประดุจดังยังพยัคฆ์จักทะยาน      ศัตรูพานพ้องพบรบระอา
ช้างน้ำมันกอโปราลเกศขี่คอ      พลายสัดอท่วงทีดีหนักหนา
สวมเสื้อยศอย่างทหารประทานมา      ดูสง่าท่วงทีเห็นดีควร
เหล่าทหารเดินข้างช้างเป็นแถว      แต่ล้วนแล้วถือปืนยืนอยู่ถ้วน
และขุนหมื่นดาบตะพายรายกระบวน      ตามจำนวนริ้วทัพอันดับมา
กระบวนช้างตั้งเชือกเป็นเทือกแถว      ถัดมาแล้วช้างเขนคเชนทร์กล้า
อีกช้างทรงองค์พระปฏิมา      แล้วถึงช้างเจ้าพระยากระโจมแดง
เหล่าผู้คนคั่งคับอันดับมา                      ขุนบำรุงโยธาตัวเข้มแข็ง
คุมขุนหมื่นเหล่าพวกเสื้อหมวกแดง      คอยเดินแซงสองข้างหนทางมา
สี่เท้าช้างเจ้าคุณคือขุนรักษ์      ขุนอินทรภักดีเนื่องอยู่เบื้องขวา
ขุนนราจุมพลคนปัญญา                      กับขุนราชเมธาอยู่ซ้ายมือ
พวกขุนหมื่นทนายเรียงรายเดิน      ล้วนแต่เชิญสมรสเครื่องยศถือ
ใส่เสื้อดำริ้วเข้มดูเต็มลือ                      ล้วนขุนหมื่นมีชื่อทุกตัวนาย
หลวงพิชัยเสนาสง่าเหลือ                      สอดสวมเสื้อแดงสีมณีฉาย
เข็มกลัดคาดสายกระบี่มีตะพาย      ขี่คอพลายประชญมารชาญศักดา
กรกุมขอข้อขึงดูผึ่งผาย                      แล้วยักย้ายท่วงทีดีหนักหนา
ว่าที่แอดดิกงยงศักดา                      เผ็นผู้รักษาแม่ทัพรบไพรี
แล้วถึงช้างคุณบุตรแอดดิกง      สวมเสื้อส่งสดแสงดูแดงสี
ขี่ช้างพลายโพยมกระโจมมี      ดูท่วงทีผุดผาดสะอาดตา

แล้วถึงทหารหัดใหม่สไนเด้อร์      ไม่เซอะเซ่อท่วงทีดีหนักหนา
เดินในทางสองข้างมรคา                      จ้างมาเป็นนายไม่ร้ายรอง
แล้วถึงคุณพลอยกับคุณนิล      ดูเฉิดฉินท่วงทีดีทั้งสอง
ใส่เสื้อดำสักหลาดปักคาดทอง      ดูเรืองรองรจนาโอฬาฬาร
แล้วถึงช้างคุณขาวกับคุณพิน      ล้วนขี่คอทั้งสิ้นดูอาจหาญ
มือจับขอยอเยื้องเปรื่องชำนาญ      ล้วนเป็นหลานแม่ทัพกำกับพล
แล้วถึงกองปลัดทัพดูขับขัน      พร้อมด้วยพันพวกเหล่าชาวพหล
ล้วนแต่ถือเครื่องรบครบทุกคน      เสื้อสวมตนต่างต่างสำอางตา
แล้วถึงกองยกกระบัตรช่างจัดสรร      ทหารอย่างวาลันเตียซ้ายขวา
ล้วนถือเครื่องอาวุธยุทธนา      ทั้งปืนผาครบเครื่องกระบวนพล
หลวงภักดีขี่คอพลายจักรกรด      ถือขอจดตั้งใจไม่ฉงน
ตั้งขอขึงผึ่งผายหมายประจญ      เหล่าพหลเดินทางข้างสัตว์โต
ถึงกองจเรทัพอันดับมา                      ทหารหน้าท่วงทีเห็นดีโข
สวมเสื้อดำเฉิดฉินดูภิญโญ      ล้วนใส่หมวกกะโล่ผ้าขาวคลุม
ตัวขุนสกลสารบาญจเรทัพ      ขี่คอพลายประดับแก้วโกสุม
ดูผายผึ่งขึงข้อมือขอกุม                      ก็ควบคุมเหล่าพหลพลฉกรรจ์

ถึงกองซีเกร็ตตอรี่ที่เสมียน      สำหรับเขียนหนังสือมือขยัน
ใส่เสื้อริ้วทองสวยหมดด้วยกัน      ดูเฉิดฉันแลพิศสนิทเนียน
ขุนวิสูตร์เสนีขุนศรีกระดาลพล      ทั้งสองคนขวาซ้ายนายเสมียน
ตามยกกระบัตรจัดพลไม่วนเวียน      ด้วยว่าเขียนฉลากไว้ปักไม้ราย
แล้วถึงท่านขุนอินทรวิเชียรชาติ      ขุนพรหมราชปัญญาโยธาหลาย
ยังขุนศรภักดีมีอีกนาย                      ขุนสัจจวาทีรายอยู่รวมกัน
ล้วนแต่คุมทหารกองด้านใน      ขุนหมื่นไพร่ยกกระบัตรช่างจัดสรร
เหล่าพหลล้นหลามมาครามครัน      ล้วนถือมั่นอาวุธยุทธนา
กองหลังถัดหลวงจัตุรงค์นั้น      ขี่คอพลายกุมภัณฑ์คเชนทร์กล้า
ดูท่วงทีองอาจประหลาดตา      คุมโยธากองหลังตั้งกระบวน
ขุนนราฤทธิไกรผู้ใจอาจ                      ขี่คอพลายสีประหลาดงามผาดผวน
รูปขำคมสมทหารชำนาญทวน      เห็นสมควรท่วงทีมีศักดา
ขุนพิชัยชาญยุทธ์ก็สุดใจ                      ขี่คอพลายประลัยดูแกล้วกล้า
สมควรเป็นกองหลังตั้งปีกกา      อยู่เบื้องขวาเบื้องซ้ายเรียงรายกัน
ท่านหลวงทรงศักดาก็กล้าหลาย      ขี่ช้างพลายทองแดงเข้มแข็งขัน
คุมทหารด้านนอกหอกทั้งนั้น      ถือปืนสั้นใหญ่น้อยหลายร้อยคน
ซึ่งขุนสัตยากรผ่อนลำเลียง      กองเสบียงคุมกระบวนล้วนพหล
ทั้งโคต่างช้างมีพร้อมรี้พล      สำหรับขนจัดจบครบกระบวน
ดูนายกองนายทัพอันดับมา      พรรณนาจัดสรรไม่ผันผวน
บ้างถือหอกพู่ขาวถือง้าวทวน      ถือง้าวญวนถือตรีกระบี่ยาว

ภาพการจัดกระบวนทัพอย่างโบราณ ม้ากั้นสัปทน และกองทหาร และขบวนช้างกั้นสัปทนและกองทหาร


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 15:06

เห็นกระทู้นิ่งกันไป   ไม่ทราบว่าจบเรื่องสงครามปราบฮ่อหรือยังคะ   

ยังอยากรู้เรื่องจีนฮ่อ   โดยเฉพาะเรื่องขุนส่า  รู้พอเลาๆ ว่าเป็นจีนฮ่อ แต่ยังไม่มีเวลาไปค้นหารายละเอียดว่าเป็นอะไรมาแต่ไหน
ใครจะเล่าให้ฟังในกระทู้นี้  ขอขอบคุณล่วงหน้า
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 15:25

เห็นกระทู้นิ่งกันไป   ไม่ทราบว่าจบเรื่องสงครามปราบฮ่อหรือยังคะ   

ยังอยากรู้เรื่องจีนฮ่อ   โดยเฉพาะเรื่องขุนส่า  รู้พอเลาๆ ว่าเป็นจีนฮ่อ แต่ยังไม่มีเวลาไปค้นหารายละเอียดว่าเป็นอะไรมาแต่ไหน
ใครจะเล่าให้ฟังในกระทู้นี้  ขอขอบคุณล่วงหน้า

ยังครับผม ยังเขียนร่างอยู่ ตอนที่ ๒ และ ๓ เรียบร้อยแล้ว กำลังแต่งภาพ ครับผม 

สำหรับขุนส่า เป็นนักค้ายาเสพติดระดับโลกเลยนิครับ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 15:35

ในนิราศหนองคาย มีอาวุธของไทยและอาวุธต่างประเทศ เข้ามาใช้ในราชการ อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งยกตัวอย่าง

สันนิษฐานว่า เริ่มมีใช้ในกองทัพบกไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยพระราเมศวร (พ.ศ. 1931 - พ.ศ. 1938) คราวยกทัพไปล้อมนครเชียงใหม่ ตามพระราชพงศาวดารกล่าวว่า “ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยิงปืนใหญ่ออกมา กำแพงพังกว้าง 5 วา” คำอธิบายของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในหนังสือพระราชพงศาวดารกล่าวว่า “สมเด็จพระราเมศวรตีเมืองเชียงใหม่ครั้งนี้ ปรากฏว่า ใช้ปืนใหญ่ยิงกำแพงเมืองเชียงใหม่ ข้าพเจ้าสอบหนังสือเอนไซโคลบิเดีย บริตนิคะ ได้ความว่า “ปืนใหญ่พึ่งมีใช้ในยุโรป เมื่อ ค.ศ.1375 ตรงกับปีเถาะ จ.ศ.737 (พ.ศ.1918) ก่อนตีเมืองเชียงใหม่คราวนี้ 9 ปี” เรื่องนี้พอที่จะอวดเกียรติภูมิของไทยว่า เรามีฝีมือสร้างปืนใหญ่ได้รุ่นราวคราวเดียวกับฝรั่งแสดงให้เห็นประจักร ซึ่งวัฒนธรรมทางอาวุธของไทยเราอย่างยอดเยี่ยม ปืนใหญ่ของกองทัพบกไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเรียกตามชนิดและขนาดของมัน เช่น ปืนบะเหรี่ยม ปืนจ่ารงค์ ปืนมนทก ปืนนกกลับ ปืนจินดา ปืนหามแล่น และปืนตระแบงแก้ว ปืนเหล่านี้เป็นปืนใหญ่วิถีกระสุนตรงคล้ายปืนใหญ่ทหารราบสมัยใหม่ กระสุนทำด้วยโลหะบ้างและไม้บ้าง เป็นลูกกลมขนาดต่าง ๆ เวลายิงยัดดินดำเข้าไปทางปากกระบอกก่อน แล้วยัดหมอนและบรรจุกระสุนตามเข้าไป ใช้ไม้กระทุ้งให้แน่นสนิท เมื่อเล็งวิถีกระสุนแล้วก็จุดชนวน ยิงไปยังจุดหมาย แม้ว่าอำนาจปืนในสมัยนี้ไม่สู้จะร้ายแรงนัก แต่ถึงกระนั้นก็ยังสำแดงพิษสงน่าสะพึงกลัว การรบชั้นประจันบาน ปืนใหญ่คงใช้ยิงไม่ได้เพราะไม่อาจบรรจุกระสุนดินดำได้ทันท่วงที การยิงแต่ละนัดต้องเลือกยิงให้เหมาะและเล็งว่าจะต้องถูกจุดหมายจริง ๆ ปืนใหญ่ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมีรูปร่างและลักษณะดังนี้ คือ

ปืนบะเหรียม หรือบะเรียม เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ท้ายปืนมีรูปมน ปากกระบอก เรียวและแคบ
ปืนจ่ารงค์ เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ใช้ลาก
ปืนมนทก เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ใช้ลาก
ปืนนกลับ เป็นปืนใหญ่ทหารราบ มีขาหยั่ง 2 ขา คล้ายขานกกระยาง บางแห่งจึงเรียกว่า ปืนขานกกระยาง
ปืนจินดา เป็นปืนทหารราบ ปัจจุบันนี้ใช้เป็นปืนยิงในพิธีตรุษ

ที่มา http://www.navy.mi.th/navalmuseum/002_history/html/his_od_gun_thai.htm
 
ภาพปืนขานกกระยาง


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 15:41

ปืนแก้ทลิ่ง มีแบบขาหยั่ง และแบบใส่ล้อเกวียน ได้เข้าร่วมการปราบฮ่อในครั้ง พ.ศ. ๒๔๑๘ ด้วย เป็นปืนอัตโนมัต หมุนด้วยมือ เพื่อยิงกระสุน


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 15:50

ลักษณะการแต่งกายของทหาร ยศจ่านายสิบ - นายสิบ - พลทหารแต่งครึ่งยศ ถือปืนชไนเดอร์ ยุค พ.ศ. ๒๔๑๕


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 15:57

อาวุธโบราณก็นำเข้าร่วมด้วย เช่น หอก ง้าว และ ตรี

ภาพตรี


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 18:50

ปืนกล "Gatling" ครับ เป็นผลงานประดิษฐ์โดยนาย Richard Jordan Gatling ครับ เป็นต้นแบบให้ปืนกลหลายลำกล้องยุคนี้ด้วย ส่วนกระสุนยังใช้การอัดหัวกระสุนพร้อมดินปืนและแก็ปลงไปในปลอกแล้วเอาหมอนอุดไว้ จากนั้นก็นำกระสุนมาบรรจุลงแมกกาซีนอีกที เวลาจะยิงก็นำแมกกาซีนมาใส่ตรงช่องใส่ทางด้านบนของปืน ตอนยิงก็ต้องใช้มือหมุนข้อเหวี่ยง (อยู่ทางด้านซ้ายของรูป) ปืนถึงจะเริ่มยิงครับ (ดูวิธีการทำงานจาก http://science.howstuffworks.com/machine-gun.htm/printable)


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 10 ก.พ. 11, 19:57

เอาปืนหามแล่นมาช่วยงานครับ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 19 คำสั่ง