ฟังเรื่องนกสดายุอยากกินพระอาทิตย์ ทำให้นึกถึงนิทานกรีกโรมันเรื่องหนึ่ง
ใครพอรู้บ้างว่าคือเรื่องอะไร (ใครตอบได้ มีคะแนนให้ ๕ คะแนน)

เรื่องอิคารัสกับปีกเทียนไข
กาลครั้งหนึ่งมีเด็กชายผู้หนึ่งนามว่าอิคารัส กับบิดาของเขานามว่า เดดาลัส ทั้งสองถูกจองจำอยู่ ณ หอคอยเเห่งหนึ่งบนเกาะครีต
จากช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ของหอคอย สองพ่อลูกก็สามารถมองออกไปเห็นท้องสมุทรสีน้ำเงินเเละเฝ้ามองหมู่นกนางนวลกับนกอินทรี
โผบินไปมาในท้องฟ้าเหนือเกาะ
แม้ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น อิคารัสก็ค่อนข้างมีความสุข นอกจากท้องทะเลสีน้ำเงิน เรือทั้งหลาย เเละเหล่านกกา
ซึ่งเขาชอบเฝ้ามองเเล้วเขาก็ยังเที่ยวหาจับหอยจับกุ้งตามชายฝั่ง หาจับปูตามซอกหิน รวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย
เเต่เดดาลัสกลับรู้สึกเดียวดายเเละเศร้าหมองยิ่งขึ้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเฝ้ามองหมู่นกนางนวลโผบินไปในท้องฟ้าพล่างครุ่น
คิดหาหนทางที่เขากับอิคารัสจะสามารถหลบลี้หนีไปจากเกาะเเห่งนี้
ในที่สุดเดดาลัสสามารถหาวิธีหลบหนีออกจากหอคอยได้...
วันหนึ่งเมื่ออิคารัสเอาก้อนหินขว่างฝูงนกนางนวล เขาก็สามารถสังหารนกได้ตัวหนึ่งจึงนำกลับมาให้พ่อ
เดดาลัสรับนกไปถือไว้ในมือ เขาพลิกไปพลิกมาอย่างช้า ๆ พลางพินิจพิจารณาดูปีกของมัน
พลางคิดว่าคราวนี้หากเรามีปีก ก็สามารถโบยบินออกไปสู่อิสรภาพได้
นับเเต่นั้นมาเดดาลัสก็ไม่นิ่งเฉยเซื่องซึมอีกต่อไปเเล้ว เขาถอนขนนกออกจากนกทุกตัวที่อิคารัสสามารถล่ามาได้
เเล้วลงมือทำปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งเขายึดขนนกติดเข้ากับโครงปีกด้วยขี้ผึ้งละลายเเละเส้นด้ายที่ดึงออกมาจากเสื้อคลุมของเขา
เมื่อปีกทั้งสองเสร็จเรียบร้อย เดดาลัสก็นำมันมามัดเข้ากับเเขนของตนเเละเมื่อกระพือเเขนขึ้น ๆ ลง ๆ
เขาก็สามารถลอยตัวขึ้นไปในอากาศ เเล้วเขาก็โผบินไกลออกไปเหนือท้องน้ำ
อิคารัสกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ พลางตะโกนเรียกให้พ่อกลับมาทำปีกอีกคู่หนึ่งเพื่อเขากับพ่อจะได้โบยบินออกไปจากเกาะครีต
เมื่อเดดาลัสทำปีกคู่ที่สองซึ่งเล็กกว่าเสร็จเรียบร้อย เขาก็เอามันมามัดเข้ากับเเขนของลูกชาย เขาย้ำเตือนอิคารัสว่า
อย่าบินปลีกตัวออกไปตามลำพังในท้องฟ้า เเต่จะต้องบินเคียงข้างเขาไปโดยตลอด
"หากลูกบินต่ำเกินไปความชื้นจากน้ำทะเลจะทำให้ขนนกหนักขึ้น เเล้วลูกก็จะร่วงลงไปเเละจมลงในทะเล"
"เเต่หากลูกบินสูงขึ้นไปใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจะเเผดเผาให้ขี้ผึ้งละลาย เเล้วลูกก็จะร่วงลงไปเช่นกัน"
อิคารัสจึงรับปากว่าจะปฎิบัติตามดังที่พ่อกำชับไว้ เเล้วสองพ่อลูกก็พากันโผกระโจนจากชะง่อนผาที่สูงที่สุดบนเกาะเเห่งนั้นเเละโบยบินมุ่งหน้าไป
ตอนเเรก ๆ อิคารัสก็เชื่อฟังคำสั่งของพ่อเเละบินติดตามไปในระยะกระชั้นชิด
เเต่ไม่ช้าต่อมา เขาก็เริ่มเพลิดเพลินกับการโบยบินกระทั่งลืมคำที่พ่อกำชับไว้จนหมดสิ้นเขาเหยียดเเขนสูงขึ้น
เเล้วก็บินสูงขึ้นเเละสูงขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบน
เดดาลัสตะโกนเรียกลูกชายกลับลงมา เเต่กระเเสลมพักกระหน่ำอย่างรุนเเรงเเละพัดพาถ้อยคำของเขาไกลห่างออกไป
อิคารัสจึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของบิดาปีกทั้งสองยังคงพาเขาสูงขึ้นเเละสูงขี้นไป กระทั่งขึ้นไปถึงเขตเเดนของหมู่เมฆ
เเละขณะที่บินสูงขึ้นเเละสูงขึ้นไปเขาก็รู้สึกอบอุ่นเเละอบอุ่นขึ้น เเต่เขาก็ลืมคำเตือนของพ่อ เเละยังมุ่งหน้าบินสูงขึ้นไปอีก
สักครู่ต่อมาเขาก็มองเห็นขนนกปลิวว่อนอยู่รอบตัว ในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำเตือนของพ่อขึ้นมาได้ เขาจึงรู้ว่า
ความร้อนของดวงตะวันได้เเผดเผาขี้ผึ้งที่ยึดขนนกติดกับโครงปีกละลายเเล้ว ในที่สุดอิคารัสก็ร่วงละลิ่วลงไป
เขาพยายามที่จะกระพือปีกเพื่อบินต่อ เเต่กระเเสลมก็พัดกระหน่ำให้ขนนกปลิวว่อนอยู่รอบตัวจึงทำให้เขามองไม่เห็นอะไร
เขาส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ร่างของเขาหมุนคว้างร่วงจากท้องฟ้า
เเล้วอิคารัสผู้น่าสงสารก็ดิ่งลงไปสู่ห้วงน้ำสีน้ำเงินของทะเลซึ่งได้รับการขนานนามว่าอิคาเรียนนับเเต่บัดนั้นมา
เดดาลัสได้ยินเสียงกรีดร้องจึงรีบบินตรงไปยังตำเเหน่งที่มาของเสียง หากเขาก็ไม่พบเเม้เเต่อิราคัสหรือปีกของลูกน้อย
นอกจากขนนกสีขาวจำนวนหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ผู้เป็นพ่อจึงจำต้องเดินทางต่อไปด้วยความโศกเศร้า
ในที่สุดเขาก็มาถึงชายฝั่งของเกาะใกล้เคียงเเห่งหนึ่ง บนเกาะเเห่งนั้น เขาสร้างวิหารหลังหนึ่งขึ้นมาถวายเเด่เทพเจ้าอพอลโล
เเล้วก็เเขวนปีกของตรเป็นเครื่องสักการะบูชาพระองค์ภายหลังที่คร่ำครวญทุกข์โศกถึงลูกชายที่จากไปเเล้วเขาก็ไม่เคยพยายามที่จะบินอีกเลย