จ้อ
|
ไม่ได้ตั้งใจจะให้เข้าบรรยากาศที่กำลังอึมครึมอยู่ตามแนวชายแดนนะครับ เพียงแต่นั่งสงสัยขึ้นมาเฉยๆ
เท่าที่ผมจำได้ รู้สึกว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเคยยกทัพเข้าไปในเขตพม่า และสามารถยึดเมือง(หลวง?)ได้ด้วย ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่าครับ เป็นเมืองอังวะ หรือว่า หงสาวดี ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 15 ก.พ. 01, 10:23
|
|
สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรง ยกทัพไปตีพม่า สองครั้งครับถ้าผมจำไม่ผิด ท่านไปตีเมืองหงสา แต่ว่า ปรากฎว่า พม่าตอนั้นได้ย้ายเมืองหนีไปเมืองตองอูแล้ว เพราะว่า พระเจ้านันทบุเรง นั้นได้เสียจริตไปเนื่องจากเสีย ลูกชายที่เป็นอุปราชไปน่ะครับ เลยถูกยึดอำนาจโดยเจ้าเมืองตองอูไป อีกครั้งนึงพระองค์ทรงคิดจะยกทัพไปตีเมืองตองอู รู้สึกจะยกทัพไปทางเมืองหาง หรือไงเนี่ย แต่ทรงสิ้นพระชนต์ ซะก่อน ทรงเป็นไข้ทรพิษ หรือไข้ป่านี่แหละผมจำไม่ค่อยได้แน่ชัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33423
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 15 ก.พ. 01, 15:31
|
|
อย่างที่คุณพระนายว่า ค่ะ สมเด็จพระนเรศวรทรงยกทัพไปถึงหงสาวดี แต่พระเจ้าหงสาวดีทิ้งเมืองไปแล้ว จึงไม่ได้รบกันโดยตรง เจ้าเมืองตองอูยึดเมืองได้ ก็ออกอุบายขอผัดผ่อนบอกว่าจะไปนำพระเจ้าหงสาวดีมาถวาย แต่ที่จริงเพื่อจะหน่วงกองทัพไทยไว้ พระนเรศวรเสด็จไปตีตองอู แต่ไม่ได้ จึงเลิกทัพกลับมา ศึกครั้งสุดท้ายในรัชกาล เสด็จไปตีอังวะซึ่งมีอำนาจขึ้นมาแทนหงสาวดี ยกทัพไปทางเมืองหาง ตั้งค่ายหลวงที่ทุ่งแก้ว ประชวรเป็นละลอกขึ้นที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษ เสด็จสวรรคตที่เมืองหางนั้นเอง
มีผู้แปลว่าเป็นฝีค่ะ แล้วคงจะติดเชื้ออักเสบลุกลามจนพระอาการหนักแก้ไขไม่ได้ เพราะตามตำรายาไทยโบราณ เกือบจะไม่มียารักษาโรคติดเชื้อ คนไทยที่ป่วยเป็นโรคติดเชื้อไม่ว่าทางไหน ถ้าเป็นมาก มักจะตายกันทั้งนั้น เดาว่าคงมีโรคอื่นแทรกด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 16 ก.พ. 01, 03:43
|
|
ขอบคุณครับ... ดีใจที่จำไม่ผิดครับ
คุณเทาชมพูครับ เมืองหางเนี่ยะคือเมืองอะไรหรือครับ? หรือว่าเป็นเมืองในพม่า ... แต่ทำไมชื่อไทยจัง
สงสัยเพิ่มครับ รู้สึกว่าตอนที่ไทยมีอำนาจเข้มเข็งก็ยกทัพออกไป ตีเมืองอื่นเขาเหมือนกัน เช่น ลาว เขมร หรือ แม้แต่มาเลเซีย แต่ทำไมไม่บุกไปทางตะวันตกบ้าง ผมเดาว่าอาจเป็นเพราะ มีเทือกเขา ( บรรทัด ? ) กั้นอยู่ทำให้เดินทัพลำบาก และเสียเปรียบ ( แต่ทำไมกองทัพอังวะเดินเอาเดินเอา )
หรือว่ามีแผนยุทธศาสตร์อื่น?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33423
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 16 ก.พ. 01, 10:10
|
|
เมืองหางเป็นเมืองชายแดนค่ะ ใน "ไทยรบพม่า" บอกเส้นทางไว้ว่า ทัพไทยยกไปถึงเชียงใหม่ แล้วไปข้ามแม่น้ำสาละวินที่เมืองหาง แล้วผ่านแว่นแคว้นไทยใหญ่ไปเข้าแดนพม่าที่ใกล้เมืองอังวะ เคยอ่านพบว่ามีการค้นพบเจดีย์ที่เข้าใจว่าสร้างเป็นอนุสรณ์การสวรรคตด้วย
การแผ่อำนาจของอาณาจักรในเอเชียอาคเนย์ เป็นนโยบายของแต่ละอาณาจักรที่ไม่เหมือนกัน พม่าถือคติ "จักรพรรดิราช" อาณาจักรของเขาเป็นศูนย์กลางอำนาจ แผ่อำนาจออกไปในเขตแดนใกล้เคียง อยุธยาอยู่ในเขตการแผ่อำนาจของเขา เช่นเดียวกับเชียงใหม่ และลงไปถึงมะริดตะนาวศรีซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญ แต่การแผ่อำนาจถึงอินเดียนั้น ทำได้ยาก เขาก็แผ่ความเป็นจักรพรรดิราชสู่อาณาจักรขนาดไล่เลี่ย หรือเล็กกว่า
ส่วนไทยเรา ไม่มีคติแบบนั้น ในสมัยอยุธยาเชียงใหม่ก็เป็นอิสระ ลาวหรือล้านช้างก็เหมือนกัน มีการปรองดองกันเสียมากกว่าปกครอง หรือปกครองก็ทำอย่างหลวมๆ ส่งเครื่องบรรณาการสามปีครั้ง อย่างทางปัตตานีมลายู เว้นแต่ทางไหนฮึดสู้ก่อเรื่องขึ้นมา ทางเราก็ใช้กำลังเสียทีหนึ่ง อย่างกรณีพระยาละแวก มักจะเป็นในสมัยที่กษัตริย์ไทยเข้มแข็ง
ในเมื่อนโยบายเป็นแบบนี้ อยุธยาก็ไม่ได้ยึดถือการแผ่อำนาจกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เรียกว่าทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่เอาเป็นเอาตายที่จะทำ
ยิ่งหลังรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรแล้ว องค์ต่อๆมามักจะเน้นเรื่องการค้าขายนำความมั่งคั่งมาให้อาณาจักรเสียมากกว่า อย่างพระเจ้าปราสาททองและพระนารายณ์ในราชวงศ์ปราสาททอง เรื่องการรุกรานทำศึกหนักๆ ที่จะเปลืองสตางค์และไพร่พล ก็ไม่ค่อยมี
พอมาถึงราชวงศ์บ้านพลูหลวง ก็เกิดศึกภายในแย่งราชสมบัติกันบ่อยแทบไม่เว้นรัชกาล ไม่ค่อยจะได้ออกไปรบกับที่ไหนมากเท่าไหร่
อีกอย่างที่เคยได้ยินมาคือการแผ่อำนาจของพม่าหวังผลทางการค้าและการดึงทรัพยากรสู่อาณาจักรด้วย อยุธยาจึงอยู่ในสายตาของพม่า แต่ดิฉันไม่แน่ใจว่าอยุธยาเคยมีนโยบายจะไปตีพม่าเพื่อหวังผลทางขยายอำนาจการค้าสู่ทางฝั่งทะเลฝ่ายอ่าวเบงกอล เพราะเราค้าขายทางอ่าวไทย ไม่ว่าไปจีน ญี่ปุ่น ชวา มลายู ก็ทำได้ดีอยู่แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 16 ก.พ. 01, 16:16
|
|
ในยุคของพระไชยราชาธิราชอยุธยาเคยพยายามฉวยโอกาสในช่วงที่พม่าพยายามยึดครองพื้นที่ของมอญ เข้าตีเมืองเชียงกรานเพื่อเปิดช่องทางการค้าสู่อ่าวเมาะตะมะ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นฝรั่งยังไม่เข้ามามีอิทธิพลทางการค้าในละแวกนี้ พวกพ่อค้าจะเป็นพวกอินเดีย อิหร่าน มากกว่า และการเดินเรืออ้อมมาทางช่องแคบมะละกาก็ทั้งไกล และเสี่ยงต่อโจรสลัดด้วย หลังจากนั้นช่องทางเมืองท่าทวาย มะริด ก็ยังมีความสำคัญต่อมาจนถึงช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เนื่องจากว่าทางเดินทางทางบกระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของภาคใต้ทำได้ยากลำบากมาก การเดินทางโดยทางเรือจากเมืองท่าดังกล่าวทำให้การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเหมืองดีบุกที่ภูเก็ตทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในช่วงร.๑มีความพยายามที่จะยึดคืนจากพม่าแต่ก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 16 ก.พ. 01, 18:54
|
|
อือ... เชียงกราน ... ชื่อคล้ายๆ เมืองที่เคยได้ยินเมืองหนึ่งแฮะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33423
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 16 ก.พ. 01, 23:45
|
|
คุ้นๆเหมือนกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
B
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 17 ก.พ. 01, 13:45
|
|
How come I am also familiar with this name!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 17 ก.พ. 01, 22:56
|
|
ศึกเชียงกรานเป็นสงครามที่เชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่พม่ารุกรานไทยครับ(จากไทยรบพม่า) แต่จากหลักฐานปัจจุบัน คิดว่าไม่น่าจะใช่ ในยุคนั้นพม่ายังไม่สามารถปราบมอญได้(ยุคตะเบงชเวตี้) และถ้าเมืองเชียงกรานเป็นเมืองที่ถูกพม่ารุกรานจริง ก็ต้องผ่านพื้นที่ของมอญอีกหลายเมืองก่อน เหตุการณ์จริงคือไทยฉวยโอกาสตอนที่มอญกำลังกังวลกับการรุกรานจากพม่า เข้ายึดเมืองเชียงกรานเพื่อเปิดทางไปยึดทวายและมะริดซึ่งเป็นเมืองท่า แต่ต้องเจอกับการต่อต้านของมอญครับ อาจจะได้ยินกันในชื่อว่าศึกเชียงไกรเชียงกรานครับ เท่าที่ทราบอยู่ในหนังศรีสุริโยทัยที่คงเข้าฉายในปีนี้ด้วยครับ แต่เนื้อเรื่องน่าจะอิงไทยรบพม่าเป็นหลักครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|