คำตอบนี้ จะได้รับประทานแห้วอีกหรือเปล่าหนอ...

คำถามข้อที่ ๑๐. จงดูภาพแล้วตอบคำถามต่อไปนี้
ภาพนี้คือตัวละครชื่ออะไร
ปรากฏในเนื้อเรื่องรามเกียรติ์ตอนใด
จงเล่าเนื้อเรื่องมาให้เต็มความสามารถ
- ตัวละครยักษ์ ถือศร หนูดีดี ขอตอบว่า อินทรชิต ค่ะ
อินทรชิต เป็นยักษ์มีกายสีเขียว เป็นโอรสของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ
เดิมชื่อรณพักตร์ เมื่อสามารถรบชนะพระอินทร์ได้
ทศกัณฐ์พอใจมากจึงเปลี่ยนชื่อให้ว่า อินทรชิต
อินทรชิตมีชายาชื่อ สุวรรณกันยุมา มีโอรส ๒ องค์ คือ ยามลิวันและกันยุเวก
มีศรนาคบาศ ศรพรหมาสตร์ และศรวิษณุปาฌัมเป็นอาวุธ
ทั้งยังสามารถแปลงกายเป็นพระอินทร์ได้อีกด้วย
พระพรหมเคยประทานพรให้ว่า เวลาจะตายต้องตายบนอากาศ
และอย่าให้ศีรษะขาดตกถึงพื้น มิฉะนั้นจะกลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก
ต้องใช้พานแว่นฟ้าของพระพรหมมารองรับ โลดจึงจะปลอดภัย
ดังนั้น เมื่อพระลักษมณ์จะแผลงศรไปตัดคออินทรชิต จึงตรัสสั่งให้องคตเอาพานแว่นฟ้ามาคอยรับ
- ปรากฏในเนื้อเรื่องรามเกียรติ์ตอน ศึกอินทรชิต
- จงเล่าเนื้อเรื่องมาให้เต็มความสามารถ.....
...(ต่อจากตอนศึกกุมภกรรณ)
ทศกัณฐ์ทราบว่ากุมภกรรณน้องรักถูกพระรามฆ่าตายแล้วจึงนึกถึงอินทรชิต
ซึ่งเคยได้รับศรสามเล่มจากพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามอีกทั้งยังเคยรบชนะพระอินทร์มาแล้ว
จึงให้นางกำนัลเชิญอินทรชิตมา แล้วแจ้งความให้ทราบว่าขอให้ออกไปรบกับฝ่ายพระราม
อินทรชิตรับคำและได้จัดทัพใหญ่ออกไปตั้งมั่นที่สมรภูมิเชิงเขาจักรวาลเพื่อคอยดูกำลังของ
ฝ่ายพระรามที่จะออกมาต่อสู้กัน
พิเภกทูลพระรามว่าผู้ที่เป็นแม่ทัพยกมาในวันนี้คืออินทรชิตเป็นโอรสของทศกัณฐ์มีฤทธิ์มาก
สมควรให้พระลักษณ์ยกทัพออกไปต่อสู้กับ อินทรชิต การสู้รบทั้งวันไม่ปรากฎผลแพ้ชนะ
จนกระทั่งพลบค่ำต่างฝ่ายต่างยกทัพกลับพลับพลา
อินทรชิตได้มารายงานให้ทศกัณฐ์ทราบและจะขอไปชุบศรนาคบาศมีกำหนดเจ็ดวัน
ระหว่างนั้นขอให้ส่งผู้อื่นไปขัดตาทัพก่อน
ระหว่างที่อินทรชิตได้ไปทำพิธีเป็นเวลาสามวันทศกัณฐ์ได้ส่งมังกรกัณฐ์เจ้าเมืองโรมคัล
ลูกพญาขรมาขัดตาทัพวันรุ่งขึ้นจนกว่าอินทรชิตจะทำพิธีเสร็จ
พิเภกทูลพระรามว่าพระรามควรออกไปสู้รบด้วยพระองค์เองในวันนี้
ในที่สุดพระรามยิงศรพรหมมาสตร์ไปตัดเศียรของมังกรกัณฐ์ขาดจากกาย
ต่อมาพระรามจึงถามพิเภกว่าเหตุใดวันนี้ อินทรชิตจึงไม่ออกมารบ
พิเภกจึงทูลว่าบัดนี้อินทรชิตไปซ่อนตัวในโพรงไม้โรทัน
เพื่อทำพิธีชุบศรนาคบาศอยู่ที่เขาอากาศ ขณะนี้นาคกำลังคายพิษใส่ศร
หากครบเจ็ดวันศรจะมีพิษร้ายแรง สามารถเอาชนะได้ทั้งสามโลก
คือ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกบาดาล
ฉะนั้นต้องทำลายพิธี และจำเพาะจะต้องเป็นหมีกัดต้นโรทันเท่านั้น
ชามพูวาช(เมื่อชาติก่อนเป็นหมีคอยรับใช้พระอิศวร)จึงขออาสาไปทำลายพิธี
พระรามจึงยินดีเป็นยิ่งนักและอนุญาต ชามพูวราชจึงเหาะไปยังเขาอากาศ
แล้วร่ายเวทมนตร์กลายร่างเป็นหมีใหญ่ กระโจนขึ้นกัดต้นไม้โรทันหักสะบั้นลงมา
ท้องฟ้าก็มืดด้วยควัน เหล่านาคพากันตกใจนึกว่าครุฑจึงพากันเลื้อยหนีแทรกลงดินหายไปหมด
อินทรชิตโกรธมากตามหมีจะฆ่า แต่ชามพูวราชกลายเป็นลิงหนีไป
เมื่อพิธีถูกทำลาย อินทรชิตตัดสินใจไม่กลับลงกาแต่ตามไปยังสนามรบ
พบวิรูญมุขลูกของวิรูญจำบังซึ่งทศกัณฐ์ส่งมาขัดทัพภายหลังจากที่มังกรกัณฐ์ถูกฆ่าตาย
อินทรชิตจึงขอเวลาหนึ่งชั่วโมงในการทำพิธีปลุกนาคบาศอยู่บนรถแล้วให้วิรุญมุขไปสู้รบก่อน
ซึ่งวิรุญมุขมีเวทมนตร์กล้าหาญ กำบังกายหายตัวได้ขี่ม้าถือหอกสุรกานต์เข้าแทงฟันพวกลิงล้มตายเป็นจำนวนมาก
พิเภกแนะนำให้พระลักษณ์แผลงศรเป็นข่ายไปรัดตัววิรุญมุขไว้
พระลักษณ์จึงแผลงศรพาลจันทร์ไป ปรากฎว่า วิรุญมุขถูกข่ายเพชรรัดไว้จนถึงกับนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดิน
เมื่อถูกจับได้พระลักษณ์จึงถามว่าอินทรชิตอยู่ที่ใด วิรุญมุขตอบว่าอยู่บนรถ
พระลักษณ์จึงสั่งให้เอาตัววิรุญมุขไปตระเวนหน้าทัพ สักหน้าเฆี่ยนตี
และตระเวนมาถึงหน้าทัพยักษ์แล้วปล่อยตัวไป
วิรุญมุขจึงตรงไปหา อินทรชิตกราบที่เท้าแล้วร้องไห้พร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟัง
อินทรชิตซึ่งอ่านเวทไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโกรธมาก จึงคิดแผนให้ วิรุญมุขแปลงเป็นอินทรชิต
ออกไปสู้รบกับพระลักษณ์ ส่วนตนจะแอบอยู่ในกลีบเมฆแล้วแผลงศรนาคบาศมากมาย
เข้าพ่นพิษและมัดกองทัพวานรจนหมดสิ้น กองทัพ
พระรามตามมา สมทบทีหลังก็ตกใจที่เห็นทหารวานรต้องศรนาคบาศนอนเกลื่อนกลาด
พระลักษณ์ก็โดนมัดตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงยอดอก
พิเภกจึงแนะนำว่าให้พระรามยิงศรพลายวาตเรียกพญาสุบรรณราชซึ่งเป็นพญาครุฑ
เหาะลงมาช่วยไล่จิกตีนาคแตกหนีกระจัดกระจายแทรกแผ่นดินหนีไปจนหมด
เหล่าทัพวานรและพระลักษณ์จึงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ฝ่ายสารัณทูตกองคอยเหตุของกรุงลงกาเห็นพญาครุฑมาไล่พวกนาคหนีไป
พระลักษณ์ที่ต้องศรนาคบาศก็ฟื้นขึ้นมาได้ จึงรีบเข้ามาทูลทศกัณฐ์
ทศกัณฐ์จึงรีบตามอินทรชิตมาแล้วเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟัง
อินทรชิตจึงขอลาทศกัณฐ์ไปทำพิธีชุบศรพรหมมาสตร์ของพระอิศวรมีกำหนดสามวันจะกลับมา
ระหว่างนั้นขอให้ทศกัณฐ์ส่งหัวหน้ายักษ์ไปขัดตาทัพไว้
แล้วอินทรชิตก็ลาไปตั้งโรงพิธีบริเวณใต้ต้นกร่าง ริมหาดมณีมรกต ใกล้ทะเลสีทันดร อยู่ในหว่างเขายุคนธร
ในระหว่างที่อินทรชิตกำลังทำพิธีชุบศรพรหมมาสตร์ ทศกัณฐ์ได้ส่งกำปั่นออกรบ
ซึ่งมาต่อสู้กับหนุมานเป็นทัพหน้าของกองทัพ พระลักษณ์ และในที่สุดกำปั่นก็ตาย
ทศกัณฐ์ทราบเรื่องก็ตกใจจนลืมเรื่องที่อินทรชิตสั่งไว้ว่าไม่ให้ผู้ใดมารบกวนระหว่างทำพิธี
จึงส่งไวยกาสูรไปบอกข่าวการตายของกำปั่นให้แก่อินทรชิตทราบ
และขอให้ อินทรชิตกลับมาสู้กับพระรามต่อไป
ฝ่ายอินทรชิตเมื่อทราบเรื่องกำปั่นตายก็รู้สึกโกรธและเสียใจมาก
จึงจัดการเสริมกำลังให้ศรพรหมมาสตร์โดยให้จูงแพะดำและโคดำมาผูกไว้ตรงหน้า
แล้วอินทรชิตร่ายเวทครบพันจบก็จับฝูงสัตว์ที่มัดไว้ฆ่าตายหมด
แล้วเอาถาดทองรองรับโลหิตให้ศรพรหมมาสตร์สูบกินด้วยฤทธิ์เป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากนั้นอินทรชิตจึงสั่งรุทกาลคนสนิทว่าตนจะใช้เล่ห์กลอุบายแปลงกายเป็นพระอินทร์
ให้ยักษ์ชื่อการุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ สารถีที่ขับรถแปลงเป็นควาญท้ายช้าง
ส่วนพวกทหารยักษ์ทุกตนให้แปลงเป็นเทพบุตรถืออาวุธกับให้หมู่ประโคมดนตรีแปลงเป็นนางฟ้า
จับระบำรำเต้นเล่นไปหน้าช้างเอราวัณ
ฝ่ายพระลักษณ์เห็นพระอินทร์กับเทพบุตรนางฟ้าลอยมาในอากาศจึงถามว่าพระอินทร์เสด็จมาทำไม
หนุมานตอบว่า ไม่เคยเห็นมาก่อน และอาจเป็นเล่ห์อุบายของพวกยักษ์ขอเตือนพระลักษณ์
ให้ระวังพระองค์ให้จงดี แต่พระลักษณ์กลับตะลึงเพ่งมองดูพระอินทร์และบริวารแปลงอย่างเพลิดเพลิน
โดยมิได้ระวังพระองค์
ฝ่ายอินทรชิตเห็นพระลักษณ์และพวกลิงเคลิบเคลิ้มจึงแผลงศรพรหมมาสตร์ลงมาที่กองทัพของพระลักษณ์
เหล่าพลลิงทั้งหลายตายกลาดเกลื่อน หนุมานเห็นดังนั้นจึงเหาะขึ้นฟ้าเอาเท้าเหยียบงาช้างเอราวัณแปลง
มือซ้ายหักคอช้าง มือขวาชิงศรจากอินทรชิต อินทรชิตจึงใช้คันศรหวดถูกหนุมานกระเด็นไปกับคอช้าง
สลบอยู่บนพื้นดิน แล้วอินทรชิตก็แปลงกายกลับเป็นยักษ์ดังเดิมแล้วสั่ง
สารัญทูตว่า ถ้าพระรามมาเยี่ยมน้องแล้วสลบไปขอให้รีบมารายงาน
แล้วตนก็ยกทัพกลับกรุงลงกามารายงานให้ทศกัณฐ์ทราบ ทศกัณฐ์ดีใจมากและกล่าวชมเชยอินทรชิต
ฝ่ายพระรามเห็นพลบค่ำแล้วทัพพระลักษณ์ยังไม่กลับมาอีกทั้งได้ยินเสียงโห่ร้องของพวกยักษ์จากสนามรบ
พระราม ชมพูพาน และพิเภกจึงเดินทางไปยังสนามรบแล้วพบพระลักษณ์ต้องศรพรหมมาสตร์นอนสลบอยู่กับพื้นดิน
หนุมานตายติดหัวช้าง เหล่าวานรตายเกลื่อนกลาด ก็ทรงกันแสงด้วยความเสียใจจนสลบไป
สารัณทูตกองคอยเหตุเห็นดังนั้นจึงรีบนำความไปทูลทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์สั่งนางตรีชาดา
นำนางสีดาขึ้นบุษบกแก้วจากสวนขวัญเพื่อนำไปเยี่ยมดูศพพระราม พระลักษณ์ที่สนามรบ
เมื่อบุษบกแก้วไปถึงสนามรบก็ร่อนลงจากฟ้าสู่ผืนดิน ทั้งสองนางเดินลงจากบุษบกเห็นหนุมานนอนตายทับหัวช้าง
แล้วต่อมาก็เห็นพระรามนอนกอดองค์พระลักษณ์ ซบอยู่กับผืนดิน
นางสีดาจึงตรงเข้าไปกอดพระบาทของพระรามและร่ำไห้ นางตรีชาดาจึงปลอบว่า
อันบุษบกนี้มีมาแต่ดึกดำบรรพ์เปรียบดั่งจักรแก้วมีฤทธิ์ขององค์จักรพรรดิเป็นที่เสี่ยงทายสำคัญ
หากหญิงเป็นม่ายแม้ขี่ก็ไม่พาจรขึ้นเวหา นางสีดาจึงเดินไปที่บุษบกแก้วแล้วอธิษฐานว่า
หากพระรามสิ้นชีพขอให้บุษบกแก้วอย่าพาข้าขึ้นไปบนชั้นฟ้าได้
เมื่อขึ้นปรากฏว่าบุษบกแก้วก็เลื่อนลอยขึ้นชั้นฟ้าอย่างรวดเร็ว
ภายหลังที่นางสีดาและตรีชาดาได้มาเยี่ยมพระรามและพระลักษณ์ที่สนามรบแล้วนั่งบุษบกแก้วกลับไปแล้ว
พิเภกซึ่งพระรามใช้ให้ไปเก็บผลไม้ในป่าเพื่อเอามาเลี้ยงพวกลิงทหารกลับมาถึงค่าย
ทราบจากทหารลิงว่าพระรามไปตามพระลักษณ์ที่สนามรบแล้วยังไม่กลับมา
พิเภกจึงตรงไปยังสนามรบทันที พบหนุมานนอนทับช้างแต่แน่ใจว่ายังไม่ตาย
จึงเป่ามนตร์แล้วพ่นเข้าไปในปากหนุมานจึงฟื้นขึ้นมา
หนุมานจึงเล่าเรื่องที่สู้รบกับอินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์มาให้พิเภกฟัง
แล้วจึงเดินตามหาพระราม พระลักษณ์ เมื่อพบก็นวดเฟ้นพระรามจนฟื้นแล้วได้สติคืนมา
พระรามถามพิเภกว่าจะแก้ไขการณ์นี้อย่างไรดี
พิเภกทูลว่า ยาสำหรับแก้ศรพรหมมาสตร์ตนนั้นไม่รู้แน่ชัดแต่ขอให้ถามชมพูพาน
ซึ่งพระอิศวรเคยใช้ให้ไปตรวจสรรพยาทั้งสี่ทวีป
ชมพูพานทูลพระรามว่ายาแก้นี้มีที่เขาอาวุธ แต่ที่นั่นมีจักรกรดพัดอยู่ไม่หยุดสักเวลา
ใครเข้าไปก็จะตายด้วยจักรกรดนั้น แต่พระอิศวรสั่งการไว้ว่า
ถ้าพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระราม แล้วพระลักษณ์ต้องศรยักษ์
ให้ใช้หนุมานลูกพระพายไปที่เขาอาวุธเพื่อเก็บยามารักษาพระลักษณ์
โดยที่ต้องยกทั้งภูเขามาแล้วเหาะอยู่เหนือลมเพื่อให้ลมพัดเอาละอองยาโชยมา
โดนเหล่าทหารวานรและพระลักษณ์ แล้วก็ฟื้นตื่นขึ้นมา
พระรามดีใจที่พระลักษณ์ตื่นขึ้นมาจึงพากันยกทัพกลับค่ายที่เขามรกต
ภายหลังที่สารัณทูต กองคอยเหตุฝ่ายกรุงลงกาได้มารายงานให้ทราบว่า
พระลักษณ์และทหารลิงได้ฟื้นคนชีพจากศรพรหมมาสตร์ของอินทรชิต และยกทัพกลับไปแล้ว
อินทรชิตจึงคิดอุบายเอาสุขาจารซึ่งต้องโทษหนีทัพสมัยศึกกุมภกรรณและต้องโทษถูกจำคุกตลอดชีวิต
มาแปลงเป็นนางสีดา และให้นั่งท้ายรถไปสู่สนามรบ แล้วตัดศีรษะนางสีดาปลอมให้แก่ฝ่ายพระราม
จากนั้น หลอกว่าจะยกทัพไปรบเมืองอยุธยา แต่ความจริงย้อนกลับมาทำพิธีกุมภนิยาที่เขาจักรวาล
และถ้าพระราม พระลักษณ์ไม่เลิกทัพกลับไปก็จะกลับมาสู้รบกันใหม่
เมื่อพระลักษณ์เห็นนางสีดาแปลงถูกตัดศีรษะก็ร้องไห้สงสารนาง สีดา
แล้วสั่งให้เลิกทัพกลับมายังพลับพลามารายงานให้พระรามทราบ
พระรามจึงถามพิเภกว่าที่พระลักษณ์กล่าวว่านางสีดาสิ้นชีวิตแล้วมีความจริงประการใด
พิเภกจับยามดูแล้วทูลว่า เหล่านี้เป็นแผนของอินทรชิต ผู้ที่สิ้นชีวิตคือชายนักโทษแปลงมา
องค์นางสีดายังอยู่ดี พระรามดีใจที่นางสีดายังอยู่ดี จึงให้หนุมานและองคตไปดูศพที่สมรภูมิ
ก็ปรากฎว่าเป็นจริงตามที่พิเภกทำนาย
วันรุ่งขึ้นพระรามถามพิเภกว่าที่อินทรชิตจะยกทัพไปกรุงอโยธยาจริงหรือไม่
พิเภกบอกว่าไม่ใช่แต่อินทรชิตไปทำพิธีกุมภนิยาของท้าวธาดาพรหมในดงไม้ไผ่ที่เนินเขาจักรวาล
และหากครบเจ็ดวันตามตำราฆ่าอย่างไรก็จะไม่ตาย เห็นควรให้พระลักษณ์ยกทัพ
ไปทำลายพิธีกุมภนิยาของอินทรชิต และมอบศรสามเล่มให้ไปด้วยคือ
ศรอัคนิวาต ศรพลายวาต และศรพรหมมาสตร์ รวมทั้งวันนี้เป็นวันที่อินทรชิตชะตาขาดด้วย
ฝ่ายอินทรชิตซึ่งกำลังทำพิธีกุมภนิยาอยู่ที่เนินเขาจักรวาลนั่งอยู่เหนือบัลลังก์อาสน์
สั่งให้ทหารโหมกองไฟ 108 กองให้ครบเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วอินทรชิตก็จุดเทียน ธูป
บูชาพระเวทและจับศรสามเล่ม คือ วิษณุปาณัม นาคบาศ และพรหมมาสตร์ ขึ้นพาดตัก
หลังจากนั้นก็หลับตาสำรวมใจร่ายพระเวทไป
เมื่อพระลักษณ์ยกทัพมาถึงเขาจักรวาลเห็นอินทรชิตกำลังนั่งทำพิธีจึงจับศรพรหมมาสตร์แผลงไปทำลายพิธี
แล้วเหล่าทหารลิงก็เข้ารบสู้โรมรันกับทหารยักษ์ ทั้งสองต่างแรกศรกันและกันอยู่เป็นเวลานาน
ในที่สุดอินทรชิตรู้ว่าขืนสู้รบต่อไปตนต้องตายแน่จึงคิดหนีกลับกรุงลงกา
เพื่อลาพ่อแม่และนางสุวรรณกันยุมาผู้เป็นเมีย แล้วจึงยกทัพกลับมาสู้รบอีกต่อไปเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วอินทรชิตก็ขว้างจักรเมฆสูรขว้างไปปิดแสงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดไปทั่วแล้วเหาะหนีกลับกรุงลงกา
อินทรชิตกลับมาเล่าให้นางมณโฑผู้เป็นมารดาทราบเรื่อง นางมณโฑเห็นลูกกายบอบช้ำ
เลือดไหลโทรมกายก็เศร้าโศกเสียใจ นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครั้งที่นางรับใช้พระอุมาเทวี
มเหสีพระอิศวรนั้นให้นางได้รับพรน้ำนมในถันเป็นน้ำทิพย์ เมื่อดื่มจะชุบชีวิตได้
นางจึงให้อินทรชิตดูดดื่มนม อินทรชิตก็ฟื้นกายหายเป็นปกติ
นางมณโฑไปขอให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดาเสีย ทศกัณฐ์ไม่ยอมคืนและยังโมโหนางอย่างมาก
จากนั้นอินทรชิตก็ลาแม่ ลาพ่อ ลาเมียเพื่อออกรบครั้งสุดท้าย
พระลักษณ์ยิงด้วยศรตัดคอขาด องคตนำพานแว่นฟ้าที่ขอมาจากพระพรหม
รองศีรษะเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดไฟบรรลัยกัลป์ จากนั้นพระรามก็แผลงศรเผาศีรษะนั้นเสีย
ทศกัณฐ์ไปยังสนามรบอุ้มศพอินทรชิตวางเหนือบัลลังก์รถทรง แล้วเลิกทัพกลับคืนเข้าลงกา
เมื่อมาถึงวังก็อุ้มขึ้นมหาปราสาท นางมณโฑและนางสุวรรณกันยุมา ออกมารับศพก็ร้องไห้เศร้าโศก
ทศกัณฐ์โกรธกริ้วคิดจะฆ่านางสีดาแต่เสนาผู้ใหญ่ห้ามไว้จนได้สติ
หลังจากนั้นทศกัณฐ์ก็เอาศพของอินทรชิตไปเผายังยอดเขานิลกาลา...