เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 113332 ๑๐๐ คำถามเรื่องรามเกียรติ์ (สำหรับแฟนพันธุ์แท้) ๑
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 07 ม.ค. 11, 21:07

จะกล่าวถึงโยธาพญามาร      อลหม่านเลิกทัพไปลับตา
มาพบองค์ทรงฤทธิ์วิรุณมาศ      ก็เกลื่อนกลาดอยู่ในกลีบพระเวหา
เจ้ากรุงมารตรัสการแก่เสนา      จะคิดฆ่าไพรินให้สิ้นปราณ
กูจะแกล้งแปลงกายเป็นโกสีย์      ขุนเสนีจงนิมิตเป็นคชสาร
พลกุมภัณฑ์นั้นแปลงเป็นบริวาร      พนักงานขับรำระบำกราย
ทั้งหน้าหลังสั่งกันให้พร้อมจิต      แม้นสมคิดวางศรประหารสาย
เห็นจะดีมีชัยด้วยง่ายดาย      จงแปลงกายเสียให้ทั่วทุกตัวตน
ขุนอำมาตย์รับราชบรรหาร      ก็จัดการกองทัพอยู่สับสน
ข้างหน้าช้างให้มีนางระบำกล      เข้าระคนกับเทเวศถวายกร
ทั้งสองข้างดุริยางคพิณพาทย์      เทวราชฤทธิรงค์องค์อักษร
ต่างตนต่างนิมิตด้วยฤทธิรอน      เป็นรูปเทพอักษรกัลยา
แล้วมนตรีมีฤทธิ์นิมิตพลัน      เป็นช้างเอราวัณอันเลขา
ทั้งสามเศียรสามหางสำอางตา      อลังการ์เครื่องประดับมณีดี
เหมือนช้างทรงองค์ท้าวหัสเนตร      งามวิเศษใหญ่ยิ่งคิรีศรี
ในลำงาคชสารประมาณมี      สระโบกขรณีในงางอน
ในสระศรีมีบัวขึ้นเจ็ดดอก      ดอกหนึ่งออกเจ็ดกลีบทรงเกสร
กลีบหนึ่งมีนางฟ้าพะงางอน      ร่ายรำฟ้อนอยู่ในกลีบทั้งเจ็ดองค์
องค์หนึ่งบริวารประมาณเจ็ด      ก็พร้อมเสร็จสุดงามตามประสงค์
วิรุญมาศขุนมารชาญณรงค์      ก็แปลงองค์เหมือนอมรินทรา
ถือเทพธำมรงค์ทรงสังข์         ขึ้นนั่งหลังคชสารด้วยหรรษา
สะพรั่งพร้อมล้อมล้วนแต่เทวา      สาวสวรรค์กัลยาประคองเคียง
ก็ยกทัพกลับเกลื่อนมากลางเมฆ      ฟังวิเวกแตรสังข์ประดังเสียง
ดุริยางค์วังเวงเพลงจำเรียง      สอดสำเนียงขับร้องบำเรออินทร์
ถึงที่รบพบองค์พระทรงศักดิ์      พญายักษ์สมจิตคิดถวิล
ให้เทวาบริวารประสานพิณ      จับระบำรำบินอยู่เบื้องบน ฯ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 07 ม.ค. 11, 21:30


ทำไมมีสามหางเล่าเจ้าข้าเอ๋ย
บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 07 ม.ค. 11, 21:37

เปรียบเทียบกับบทอินทรชิตแปลงกายของรามเกียรติ์

จึ่งสั่งรุทกาลผู้ร่วมใจ      เราจะไปชิงชัยด้วยไพรี
โดยเล่ห์กลศึกอุบาย      จะแปลงกายเป็นท้าวโกสีย์
อันหมู่พหลโยธี      ล้วนมีศักดาวราฤทธิ์
ให้เป็นคนธรรพ์วิทยา      เทวาสุรารักษ์นักสิทธิ์
อันการุญราชผู้ร่วมคิด      จงนิมิตเป็นเอราวัณ
เหล่าหนึ่งแปลงกายเป็นนางฟ้อน   ให้เหมือนอัปสรสาวสวรรค์
ดีดสีขับรำระบำบัน      พร้อมกันไปหน้าคชาธาร ฯ
.................................
ให้การุญราชกุมภัณฑ์      เป็นเอราวัณตัวกล้า
สามสิบสามเศียรอลงการ์   เศียรหนึ่งเจ็ดงางามงอน
งาหนึ่งเจ็ดสระโกสุม      สระหนึ่งมีปทุมเกสร
เจ็ดกอชูก้านอรชร      กอหนึ่งบานสลอนเจ็ดผกา
ดวงหนึ่งเจ็ดกลีบสุบงกช      กลิ่นรสซาบซ่านนาสา
กลีบหนึ่งมีเทพธิดา      เจ็ดนางกัลยายุพาพาล
แต่ละองค์ทรงโฉมอรชร      รำฟ้อนจำเรียงเสียงหวาน
นางหนึ่งล้วนมีบริวาร      เจ็ดองค์เยาวมาลย์วิไลวรรณ
เผือกผ่องพึงพิศอำไพ      เหมือนช้างเจ้าตรัยตรึงสวรรค์
มีวิมานทุกเศียรคชกรรม์      พรายพรรณล้วนแก้วมณี ฯ
อันนายสารถีที่ขับรถ      เป็นเทวัญท้ายคชสารศรี
เหล่าหมู่ประโคมดนตรี      ให้แปลงอินทรีย์เป็นนางฟ้า
สำหรับระบำรำเต้น      เล่นไปหน้าคชสารกล้า
ฝ่ายหมู่อสุรโยธา      แปลงเป็นเทวาสุราฤทธิ์
บ้างเป็นคนธรรพคนธรรพ์   ซ้อนซับแน่นนันต์อกนิษฐ์
กองหน้านั้นให้นิรมิต      แต่พื้นพวกพิทยาธร
ล้วนถือซึ่งสรรพสาตรา      ปืนยากำซาบธนูศร
...............................
เมื่อนั้น         อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี
ครั้นได้พิชัยนาที      อสุรีนิมิตกายา ฯ
เหมือนองค์สมเด็จสหัสนัยน์   ลงมาจากตรัยตรึงสา
................................
บ้างตีรำมะนาท้าทับ      ร้องรับรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน
ดีดสีตีเป่าบรรเลงลาน      จำเรียงเสียงหวานโอดพัน ฯ
บ้างจับระบำรำร่อน      ฟ้อนกรายย้ายเป็นเพลงสวรรค์
นวยนาดวาดกรเวียนวัน      บิดผันล่อเลี้ยวไปมา
แทรกเปลี่ยนเวียนวงดั่งกงจักร   เยื้องยักร่ายรำทำท่า
กระหวัดกรเป็นหงส์ลีลา      ฉวยยุดฉุดคร่ากันวุ่นไป
งามดั่งเทเวศร์กับอัปศร      คมค้อนป้องปัดกวัดไขว่
ใส่จริตให้หลงงงไป      ที่ในเล่ห์กลอสุรี ฯ

แต่อนิจจา... สงครามครั้งนี้ของทั้งสองเรื่องจบไม่เหมือนกัน
ฝ่ายรามเกียรติ์ เพราะพระลักษณ์และพลลิงมัวแต่ตะลึงงงงัน จึง "ต้องหอกดาบ ปืนยากำซาบธนูศร ตายกลาดดาษดิ้นทั้งดินดอน"
เหลือแต่หนุมานผู้เดียวทั้งระวังตัวอยู่จึงไม่เป็นอะไร (แต่สุดท้ายก็สลบเพราะถูกอินทรชิตฟาดศรใส่)

ส่วนฝ่ายลักษณวงศ์ แม้ลักษณวงศ์จะหลงใหลงได้ปลื้มกับขบวนของพระอินทร์ แต่เพราะความฉลาดของกัณฐัศว์ที่เห็นเขี้ยวของเทวดา
จึงบอกลักษณวงศ์ได้ทันท่วงทีไม่ให้ซ้ำรอยพระลักษณ์ พระเอกของเราจึงแผลงศรต้องท้าววิรุญมาศกระเด็นตกหลังช้างหล่นลงกลางภูเขาตาย

...เอวังด้วยประการฉะนี้ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 07 ม.ค. 11, 21:58


ขยันมาก  รับไป ๑/๔  คะแนน
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 07 ม.ค. 11, 22:18

คุณ art47 สุดยอดมากขอบำเรอด้วย ขบวนชมช้างเอราวัณ ห้อยพุ่จามรีอันงามงด ให้สำราญใจ ก่อนจะเจอคุณหลวงเล็ก (หลวงเหล็ก) ในวันทำการ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 07 ม.ค. 11, 22:22

ฉากรบ ที่ขบวนเหล่ายักษ์แปลงเป็นนางฟ้า นางสวรรค์ ร่ายรำเพื่อให้ทัพพระรามหลงลืม

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 08 ม.ค. 11, 12:24



         เชิญชม     http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2908.0     จากชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 08 ม.ค. 11, 12:53



       นี่พวกเราต้องมาทำศึกกันจนถึงฤดูฝนกระนั้นฤา         อาทิตย์ละ ๑๐ คำถาม   อีก ๙  อาทิตย์โดยประมาณ

หรืออาจจะนานกว่านั้นอีก         

        คุณหลวงเหล็ก aka เล็กที่นับถือก็ได้รับเกียรติเป็นจุดรวมของความสามัคคีไปแล้ว


       สหายทั้งปวงที่ยืนม้ายืนช้างอยู่นอกสมรภูมิ  จะช้าอยู่ไย   เชิญออกมาสำแดงฝีมือ   ต่อไปคงไม่มีศึกใหญ่เยี่ยงนี้อีกช้านาน

       อย่าให้เสียวันเสียเดือนไปเลย(สำนวนครูเหม)



(aka =  as known as)


สหายแถวนี้กระซิบช้างกัน

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 08 ม.ค. 11, 14:56

สะกดรอยตามคุณอาร์ต

คุณชลอ ช่วยบำรุงเขียนไว้ในบทความเรื่อง ช-ช้าง อึ๊บอั๊บฤดูร้อน จาก ต่วยตูน ปักษ์แรก เดือนธันวาคม ๒๕๔๐ ปีที่ ๒๗ ฉบับที่ ๗  

              ช้างในหนังสือวรรณคดี ไม่มีตัวไหนใหญ่และพิลึกกึกกือเท่าช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นช้างทรงของพระอินทร์ ลองมาพิจารณางานของท่านมหากวีเอก สุนทรภู่ หรือ พระสุนทรโวหาร (ภู่) จากเรื่องลักษณวงศ์ตอน วิรุณมาศต้องศรตาย ซึ่งมีคำกลอนดังนี้

                        แล้วมนตรีมีฤทธิ์นิมิตพลัน
                เป็นเอราวัณอันเลขา
                ทั้งสามเศียรสามหางสำอางตา
                อลังการ์เครื่องประดับมณีดี
                        เหมือนช้างทรงองค์ท้าวสหัสเนตร
                งามวิเศษใหญ่ยิ่งกีรีศรี
                ในลำงาคชสารประมาณมี
                สระโบกขรณีในงางอน
                        ในสระศรีมีบัวขึ้นเจ็ดดอก
                ดอกหนึ่งออกเจ็ดกลีบทรงเกสร
                กลีบหนึ่งมีนางฟ้าพงางอน
                ร่ายรำฟ้อนอยู่ในกลีบทั้งเจ็ดองค์
    
            ลองพิจารณาบทพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งเป็นบทละครตอนอินทรชิตแปลง
    
                        อินทรชิตบิดเบือนกายิน
                เหมือนองค์อมรินทร์
                ทรงคชเอราวัณ
                        ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน
                เผือกผ่องผิวพรรณ
                สีสังข์สะอาดโอฬาร์
                        สามสิบสามเศียรโสภา
                เศียรหนึ่งเจ็ดงา
                ดังเพชรรัตน์รูจี
                        งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี
                สระหนึ่งย่อมมี
                เจ็ดกออุบลบันดาล
                        กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์
                ดอกหนึ่งเบ่งบาน
                มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา
                        กลีบหนึ่งมีเทพธิดา
                เจ็ดองค์โสภา
                แน่งน้อยลำเพานงพาล
                        นางหนึ่งย่อมมีบริวาร
                อีกเจ็ดเยาวมาลย์
                ล้วนรูปนิรมิตมายา
                        จับระบำรำร่ายส่ายหา
                ชำเลืองหางตา
                ทำทีดังเทพอัปสร
                        มีวิมานแก้วงามบวร
                ทุกเกศกุญชร
                ดังเวไชยันต์อมรินทร์

                    ช้างเอราวัณที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงนิพนธ์ จะแตกต่างไปจากท่านสุนทรภู่บ้างในรายละเอียด แต่เนื้อหาไม่แตกต่างกันเลย ทั้งราชกวี และกวี ต่างเอาแบบอย่างมาจากไหน จากเรื่องรามเกียรติ์ อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ ใช่หรือไม่ ลองพิจารณากันดู

                        ให้การุณราชกุมภัณฑ์
                เป็นเอราวัณตัวกล้า
                สามสิบสามเศียรอลงการ์
                เศียรหนึ่งเจ็ดงางามงอน
                        งาหนึ่งเจ็ดสระโกสุม
                เศียรหนึ่งมีประทุมเกสร
                เจ็ดกอชูก้านอรชร
                กอหนึ่งบานสลอนเจ็ดผกา
                        ดวงหนึ่งเจ็ดกลีบสุบงกช
                กลิ่นรสซาบซ่านนาสา
                กลีบหนึ่งมีเทพธิดา
                เจ็ดนางกัลยายุพาพาล
                        แต่ละองค์ทรงโฉมอรชร
                รำฟ้อนจำเรียงเสียงหวาน
                นางหนึ่งล้วนมีบริวาร
                เจ็ดองค์เยาวมาลย์วิไลวรรณ
                        เผือกผ่องพึงพิศอำไพ
                เหมือนช้างเจ้าตรัยตรึงศ์สวรรค์
                มีวิมานทุกเศียรคชกรรม์
                พรายพรรณล้วนแก้วมณี

            จากสามเศียร  เป็นสามสิบเศียร และสามสิบสามเศียร ตามลำดับ นี่เป็นเรื่องของช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นช้างของพระอินทร์เหมือนกัน ที่กล่าวมาแต่ต้นว่า รัชกาลที่ ๒ และท่านสุนทรภู่ คัดลอกมาจากเรื่องรามเกียรติ์ ในรัชกาลที่ ๑ คาดว่าคงจะไม่ถูกต้อง  เพราะมีหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเรื่องช้างเอราวัณมาก่อนเรื่องลักษณวงศ์ และรามเกียรติ์


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 08 ม.ค. 11, 15:00

           ช้างเอราวัณ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นช้างปลอมแปลงทั้งสิ้น (รามเกียรติ์ อินทรชิตแปลงเป็นพระอินทร์ จำเป็นต้องให้พหลพลโยธาแปลงเป็นอราวัณด้วย) หวนมาดูช้างเอราวัณตัวจริงกันบ้างดังนี้

            "อันว่า ในเมืองฟ้าโพ้นบ่มีสัตว์เดรัจฉาน ตัวน้อยก็ดีตัวใหญ่ก็ดีหาบ่มิได้ เทียรย่อมเทพยดาสิ้นไส้ แลว่ายังมีเทพยดาองค์หนึ่งชื่อ ไอยราพัณเทวบุตร ผิแลเมื่อพระอินทร์เจ้าแลมีทีเสด็จไปเหล้นแห่งใดๆก็ดี แล ธ จะใคร่ขี่ช้างไปเหล้นจิงไอยราพัณเทพบุตร ก็นฤมิตตัวเป็นช้างเผือกตัวหนึ่งใหญ่นัก โดยสูงได้ ๑,๒๐๐,๐๐๐ วา แลมีหัวได้ ๓๓ หัว หัวน้อยๆอยู่ ๒ หัว อยู่ ๒ ข้างนอกหัวทั้งหลายนั้น แลว่า หัวใหญ่ได้ ๒,๐๐๐ วา แลหัวนั้นถัดเข้าไปทั้งสองข้างแล หัวแล ๓,๐๐๐ วา ถัดนั้นเข้าไปแลหัวแล ๔,๐๐๐ วา ถัดนั้นเข้าไปแลหัวแล ๕,๐๐๐ วา ถัดนั้นเข้าไปกว้างแลหัวแล ๖,๐๐๐ วา แร่งเข้าไปก็แร่งใหญ่ถัดกันเข้าไปดังกล่าวนี้แล ส่วนหัวใหญ่อันที่อยู่ท่ามกลางทั้งหลาย ชื่อสุทัศน์ เป็นพระที่นั่งพระอินทร์ โดยกว้างได้ ๒๔๐,๐๐๐ วา (ฉบับพระมหาจันทร์ว่า ๒,๒๐๐,๐๐๐) เหนือหัวนั้นแล มีแท่นแก้วอันหนึ่งกว้างได้ ๙๖,๐๐๐ วา และมีปราสาทกลางแท่นแก้วนั้นมีธง (ทั้งหลายแลธง) แก้วฝูงนั้นโดยสูงได้ ๘,๐๐๐ วา ธงฝูงนั้นเทียรย่อมแก้ว ๗ สิ่ง แลมีพรวนทองคำห้อยย้อยลงทุกแห่งแกว่งไปมา แลมีเสียงนั้นไพเราะนักหนา ดั่งเสียงพาทย์พิณในเมืองฟ้า ในปราสาทนั้นเทียรย่อมดัดเพดานผ้าทิพย์  แลมีแท่นนอนอยู่ในนั้นกว้างได้ ๘,๐๐๐ วา แลมีราชอาสนาหมอนใหญ่ หมอนน้อยหมอนอิงค์ องค์พระอินทร์นั้นสูงได้ ๖,๐๐๐ วา และประดับด้วยแก้วถนิมอาภรณ์ทั้งหลาย แล ธ นั่งเหนือแท่นแก้วนั้นหัวช้างได้ ๓๓ หัวไส้ พระอินทร์ ธ ให้เทพยดาทั้งหลายขี่ ๒๒ หัวนั้น มีบุญเพียงประดุจพระอินทร์ไส้ อันว่าหัวช้างทั้ง ๓๓ หัว แลหัวแลมีงา ๗ อัน แลงาอันยาวได้ ๔๐๐,๐๐๐ วา แลงานั้นมีสระได้ ๗ สระ สระแลสระนั้นมีบัวได้ ๗ กอ กอบัวแลกอนั้นมีดอกแล ๗ ดอก ดอกแลอันนั้นมีกลีบ ๗ อัน กลีบแลอันแลอันนั้นมีนางฟ้ายืนรำระบำบัพพะแล ๗ คน นางแลคนแลคนนั้นมีสาวใช้ได้ ๗ คน โสดช้าง ๓๓ หัวนั้น ๒๓๑ งา และสระนั้นได้ ๑,๖๑๗ สระ แลกอบัวนั้นได้ ๑๑,๓๑๙ กอ แลดอกบัวนั้นได้ ๗๙,๒๓๓ ดอก แลกลีบดอกบัวนั้นไส้ได้ ๕๕๔,๖๓๑ กลีบ แลนางฟ้ารำระบำนั้นได้ ๓,๘๘๒,๔๑๗ นาง แลสาวใช้นางระบำนั้นได้ ๒๗,๑๗๖,๙๑๙ คน แลมีอยู่ในงาช้างไอยราพัณ แลมีสถานที่แห่งหนึ่งโดยกว้างได้ ๕๐ โยชน์ เป็นที่อยู่แห่งนางระบำและบริวารของนางทั้งหลายนั้นด้วย"

           ทั้งหมดนั้นเป็นลักษณะของช้างไอยราพัณ หรือ เอราวัณ ซึ่งเราๆต่างทราบดีว่าเป็นช้างทรงของพระอินทร์ ใหญ้โตมโหฬารขนาดไหน ความทั้งหมดนั้นอยู่ในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง หรือ ไตรภูมิกถา ที่พญาลิไททรงนิพนธ์ขึ้นในสมัยสุโขทัย

            เพราะหนังสือเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในสมัยสุโขทัยนั้นเอง จึงเป็นแบบฉบับและมีอิทธิพลต่อราชกวีและกวีรุ่นหลัง เอาแบบอย่าง เช่นในเรื่องรามเกียรติ์ และลักษณวงศ์ ดังกล่าวมาแล้ว

http://onknow.blogspot.com/2010/03/blog-post_2197.html
           
บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 08 ม.ค. 11, 22:32

สหายร่วมยุทธจักรให้เสี่ยงเทียนทายดู

คำถามข้อที่ ๘.  ที่เมืองโบราณ  บางปู  จังหวัดสมุทรปราการ
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์อยู่ ๒ ภาพ
อยากทราบว่า  ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ทั้ง ๒ ภาพนั้น
เป็นภาพรามเกียรติ์ตอนอะไรกับตอนอะไร
ภาพดังกล่าวอยู่ที่ไหน (ระบุชื่อสิ่งก่อสร้าง)
และใครเป็นคนวาด


คำถามนี้ คุณsiamese นำว่าผลงานนี้เป็นของอาจารย์สนั่น ศิลากร เขียนที่พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท
ส่วนคุณวันดี ตอบแล้วว่า หนึ่งในภาพนั้นคือปางรามาวตาร พระนารายณ์แปลงเป็นพระรามปราบทศกัณฐ์ (ซึ่งผมเชื่อว่าถูกต้อง)

คำตอบของผมจึงเหลือเพียงอีกภาพหนึ่ง ..... คือภาพพระนารายณ์แปลงเป็นหมูป่าเขี้ยวเพชรกำลังไล่ขวิดหิรัญยักษ์ที่หนีบแผ่นดินอยู่ใต้รักแร้
จนหิรัญยักษ์ล้มลุกคลุกคลาน (ในน้ำ ฮืม) ถือเป็นปางที่ 1 ของนารายณ์ 10 ปาง มีชื่อว่า "วราหาวตาร"
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 08 ม.ค. 11, 23:00


อ่านมาจากหนังสือ พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท   ของ ศรีศักดิ์  วัลลิโภดม  และ มานิต  วัลลิโภดม
สำนักพิมพ์โบราณ  ๒๕๓๘  หน้า ๑๑๐ ค่ะ

แสดงไว้รูปเดียวค่ะ

ยังมีเวลาให้...เสี่ยงได้อีกวันกว่า
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 09 ม.ค. 11, 00:33

คำถามข้อที่ ๘.  ที่เมืองโบราณ  บางปู  จังหวัดสมุทรปราการ
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์อยู่ ๒ ภาพ
อยากทราบว่า  ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ทั้ง ๒ ภาพนั้น
เป็นภาพรามเกียรติ์ตอนอะไรกับตอนอะไร
ภาพดังกล่าวอยู่ที่ไหน (ระบุชื่อสิ่งก่อสร้าง)
และใครเป็นคนวาด
+++

ขอตอบเพิ่มเติมภาพจิตรกรรมฝาผนัง (หมดปัญหาที่จะหาคำตอบแล้ว) ได้มาภาพนี้คือ พระนารายณ์บรรทมสินธ์ เปรียบเทียบภาพในพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระแก้ว มาเปรียบเทียบกันเลย ก็มีอยู่เหมือนกันทั้งสองภาพ

เพียงแต่ถือคติและการวาดภาพศิลปะต่างกัน ซึ่งพระพรหมเกิดจากพระนาภีพระนารายณ์และปรากฎในรามเกียรติ์ฉบับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชว่า พระองค์นำมาเป็นต้นเรื่องกำเนิดวงศ์พระรามในรามเกียรติ์โดยกวีตั้งใจตัดพระพรหมออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นอโนมาตันแทน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 09 ม.ค. 11, 19:51


คำถามข้อที่ ๘.  ที่เมืองโบราณ  บางปู  จังหวัดสมุทรปราการ
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์อยู่ ๒ ภาพ
อยากทราบว่า  ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ทั้ง ๒ ภาพนั้น
เป็นภาพรามเกียรติ์ตอนอะไรกับตอนอะไร
ภาพดังกล่าวอยู่ที่ไหน (ระบุชื่อสิ่งก่อสร้าง)
และใครเป็นคนวาด
+++

เสนอ  ปรศุรามาวตาร  ซึ่งปรศุนั้นคือรามสูรนั่นเอง 
เรื่องอธิบายนั้นมีอยู่ในหน้า ๔๒๐ - ๔๓๐  จบตรงเทวดาและนางฟ้ามามุง
บทละครรามเกียรติ์ เล่ม ๑  พิมพ์ ​๒๕๑๔  และ

บ่อเกิดรามเกียรติ์ ๒๕๑๓  พิมพ์ครั้งที่ ๙    พระราชนิพนธ์ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  หน้า ๔๗ - ๕๕

บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 10 ม.ค. 11, 08:38

คำถามข้อที่ ๖. เป็นของคุณart47 ไปโดยพลัน

นับว่าอุตสาหะมาก  อยากจะให้คะแนนสักอักโขภิณีหนึ่ง
แต่เกรงว่าท่านผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจะเขม่นเข่นเขี้ยวใส่ ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 19 คำสั่ง