เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 11
  พิมพ์  
อ่าน: 45647 ส่งท้ายปีเก่า ด้วยเพลงสากลเก่า(แก่)
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 17 ม.ค. 11, 14:30

             และ เคยอ่านเกร็ดเกี่ยวกับหนัง My Fair Lady ว่า Warner Bros.เลือก  Audrey Hepburn
ผู้โด่งดังจาก Breakfast at Tiffany's แทนนักแสดงผู้รับบทนี้บนเวทีบรอดเวย์แต่ไม่อาจประกันความเสี่ยง
เรื่องรายรับของหนังได้ - Julie Andrews และ
             บนเวทีลูกโลกทองคำ เมื่อ Julie Andrews ได้รางวัลแสดงนำจาก Marry Poppins
(ที่บางคนว่าเป็นรางวัลปลอบใจที่ไม่ได้แสดง My fair Lady) เธอได้กล่าวขอบคุณสตูดิโอวอร์เนอร์ด้วย
(ที่ไม่เลือกเธอแสดงบุษบาริมทาง ทำให้เธอได้มารับแสดง Mary Poppinsและได้รางวัลไป)

           "And, finally, my thanks to a man who made a wonderful movie and
who made all this possible in the first place, Mr. Jack Warner."

เพลงที่ได้รางวัลออสการ์ best original song จาก Mary Poppins     

                              Chim Chim Cher-ee

                                         
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 17 ม.ค. 11, 14:48

ตำนานเรื่องผู้รับบทนางเอกใน My Fair Lady เป็นตำนานอมตะแห่งความสะใจเรื่องหนึ่งของฮอลลีวู้ด    เพราะจูลี่ ซึ่งถูกประมาทคาดหน้าว่าไม่เด่นพอจะเล่นเรื่องนี้บนจอหนังได้  เป็นฝ่ายคว้ารางวัลตุ๊กตาทองไปจากหนังจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง Mary Poppins   ส่วนออเดรย์ก็อดไปตามระเบียบ

West Side Story เป็นตำนานหนังเพลงประจำยุค 60s    เอามาให้ฟังเสียงของ Marni Nixon


ส่วนเพลงต่อมาคือเพลงของวัยรุ่นนักเลงเจ้าถิ่นในนิวยอร์ค



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 17 ม.ค. 11, 18:38

จากหนังเพลง 1950s มาถึงยุค 1960s   ก็ขอนำคลิปจากหนังเพลงแห่งยุค มาให้ฟังกันอีก

ครึ่งแรกของ 1960s  หนังเพลงไพเราะระบำงามตาของเอลวิส เพรสลีย์ มีมาเป็นทิวแถว   เป็นช่วงขาขึ้นสูงสุดของราชาเพลงร็อคก็ว่าได้
เริ่มจาก G.I. Blues (1960) ไปจน  Harum Scarum (1965)



Girls! Girls!Girls!(1962)


Viva Las Vegas (1964)

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 08:40

ปี 1965  มีหนังใหญ่แห่งทศวรรษออกมาเรื่องหนึ่ง  คุณ SILA  คงเคยดู  ไม่ดูจากโรงหนังก็คงจากเทป หรือ DVD   
Dr. Zhivago
มีเพลงดังข้ามทศวรรษอยู่เพลงหนึ่ง  ฟังเมื่อไรก็ไพเราะ   Somewhere My Love , Lara's Theme 


ส่วนคลิปนี้ อัล มาติโน ร้อง  คนฟังล้นหลาม

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 10:37

              หนังใหญ่ในอดีต คุณภาพคับจอ ภาพเต็มตา เมื่อได้ดูในจอโทรทัศน์แล้ว
อยากย้อนกลับไปเกิดเร็วขึ้น เพื่อจะได้ดูหนังบางเรื่องในโรงใหญ่อย่างอิ่มตา อิ่มใจ ครับ

               เสียดายคนรุ่นหลังๆ ที่ไม่ได้ดูหนังใหญ่ 70 ม.ม. ในโรง  ไม่เห็นเต็มๆ กับฉากเปิดเรื่องที่
ให้ภาพราวกับคนดูเป็นนกบินฝ่าเมฆหมอก พ้นออกมาพบกับทัศนียภาพตื่นตาของเทือกเขา ลำเนาไพร
สายน้ำ ผ่านหมู่บ้าน ขึ้นเนินเขา แล้วก็    

                   The hills are alive with The Sound of Music

             เป็นหนึ่งในหนังที่คนรักมากที่สุด ดูกี่ครั้งก็ยังสุขสนุกเสมอ
             เพลงไพเราะทุกเพลง หลายคนร้องได้หมด
             เมื่อปรับอัตราเงินเฟ้อแล้ว หนังทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่สาม รองจาก Gone with the Wind
และ Star Wars

                                                          
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 10:56

คุณ SILA หยิบชิ้นปลามันในยุค 60s  ไปโพสต์เสียแล้ว  ยิงฟันยิ้ม

โชคดีที่เกิดทันดูหนังใหญ่เต็มความกว้างของโรงค่ะ      ฉากแรกใน The Sound of Music  ราวกับคนดูตัวเล็กๆในโรงหนังบินไปพร้อมกับนก  เหนือทุ่งนาป่าเขาของออสเตรีย  มองเห็นนางเอกกางแขนหมุนตัวอยู่เบื้องล่าง
เรื่องนี้เป็นหนังยอดนิยมตลอดกาล  ไม่ว่าเพลงไหนก็เพราะไปเสียหมด

หลังจากนั้น 40 ปี  มาเรียและพวกเด็กๆฟอนแทร็ปเป็นอย่างไรบ้าง   เอาคลิปมาให้ดูกัน

บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 11:24

The Sound of Music เป็นหนังที่ลงตัว
และมหัศจรรย์มากเรื่องหนึ่งครับ

ประเพณีนิยมอย่างหนึ่งของการทำหนังเพลงของตะวันตก
คือ การแต่งเพลงที่มีความเป็นนามธรรมสูง
และร้องเพลงนั้นอย่างน้อย 2 ครั้ง ด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน
แต่ต้องเข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง

ดูเหมือนว่า The Sound of Music จะทำได้มาก
และมากถึง 4 เพลง (หรืออาจจะมากกว่านั้น)

เพลงหนึ่งที่ผมมักยกตัวอย่างให้น้องๆที่ผมสอนร้องเพลงดูเป็นตัวอย่าง
เพราะสามารถสร้างปม และคลายปม ของบทละครด้วยเพลงๆเดียวกันได้
คือ How Do You Solve The Problem Like Maria

เพลงนี้ร้องครั้งแรกในโบสถ์ หลังจากสวดมนต์เช้าและ Maria มาเข้าโบสถ์ไม่ทัน
แม่ชีในวัดถึงได้บ่นกันว่าจะทำอย่างไรดีกับปัญหาของเด็กสาวคนนี้ ?

ในที่สุด คุณแม่อธิการก็เปรียบเทียบกับปัญหาของเธอว่า เหมือน
hold the moon's beam in your hand.
รั้งแสงจันทร์ไว้ในฝ่ามือ ก็คือ พูดง่ายๆว่าเป็นไปไม่ได้น่ะแหละ

คุณแม่อธิการถึงตัดสินใจส่งเธอไปดูแลเด็กทั้ง 7 ที่บ้านของพระเอก
แล้วในที่สุด Maria ก็ได้ดำเนินชีวิตตามประสาเด็กสาวคนนึง



ฉากถัดไปที่เหล่าแม่ชีมาร่วมกันร้องเพลงนี้อีกครั้ง
คือ ฉากส่งตัวนางเอกเข้าโบสถ์ เพื่อทำพิธีแต่งงาน
ตอนที่นางเอกเดินขึ้นบันไดมาถึงชาลาที่พระเอกยืนอยู่
เพลงที่ร้องอยู่จะจบลงที่คำว่า hold the moon's beam in your hand อีกเหมือนเคย
ก่อนที่พระเอกจะส่งมือให้นางเอกจับ เพื่อเข้าไปทำพิธีแต่งงานต่อไป...

ลองดูกันครับ ว่าคนแต่งใช้ความเป็นนามธรรมของเพลงได้ดีแค่ไหน!



บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 11:27

How Do You Solve The Problem Like Maria อีกฉบับหนึ่งครับ
ผมเอามาฝากสมาชิกเรือนไทยกัน
เพราะเห็นว่าคุณ Wandee มาชวนฟัง BBC กันอยู่



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 13:56

ปี 1967 เป็นปีที่หนังเล็กๆเรื่องหนึ่งดังเปรี้ยงขึ้นมา   เนื้อหาคือปัญหาชีวิตระหว่างสาวใหญ่กับหนุ่มน้อย  สมัยนี้อาจไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรก็ได้ 


ความทรงจำของคนดู นอกจากฝีมือดัสติน ฮอฟแมน ในวัยหนุ่ม แล้ว ยังมีเพลงประกอบหนังอีก 2 เพลงที่ดังข้ามทศวรรษเช่นกัน  ส่งชื่อของ Simon & Garfunkel ให้กังวานไปทั่วโลก





เนื้อเพลง ว่าด้วยความเงียบอันเกิดจากมนุษย์ไม่อาจมีปฏิสัมพันธ์กันได้   เป็นปรัชญาชีวิตของหนุ่มสาวอเมริกันเริ่มถามตัวเองในช่วงสงครามเวียตนาม

อีกเพลงหนึ่งที่คู่กันมากับเพลงแรก ในหนังเรื่องนี้  เป็นเพลงอกหักรักสลาย ที่แฝงกลิ่นอายของลำนำท้องถิ่น แตกต่างไปจากเพลงป๊อปในยุคเดียวกัน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 14:05

แต่เพลงที่ดิฉันชอบที่สุด ของนักร้องคู่นี้  กลับเป็นเพลงนี้


'เดอะคิง'  เอลวิส ก็นำมาร้องเหมือนกัน  เพราะมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับเจ้าของเพลง เชิญฟังกันเองค่ะ


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 17:35

              เพลงซ้ำใน มนต์รักเพลงสวรรค์ ที่คุณติบอกล่าวถึง นอกจาก Maria แล้วนึกดูก็มี
   
       The Sound of Music ตอนเปิดเรื่อง และ ตอนเปิดตัวกัปตันคนใหม่ที่แท้จริงแล้ว
เป็นผู้มีดนตรีในหัวใจ ต่อมากัปตันยังเล่นกีตาร์ร้องเพลง

       Edelweiss ให้ลูกๆ ฟัง กับร้องตอนท้ายในงานประกวดร้องเพลง

       Do Re Mi มาเรียสอนเด็กๆ ร้องเพลง และร้องในงานประกวด

       So Long Farewell เด็กๆ ร้องลาผู้ใหญ่ไปเข้านอน และร้องลาผู้คนในงานประกวด

       Climb Every Mountain คุณแม่อธิการร้องให้มาเรีย และเป็นเพลงสุดท้ายตอนที่ครอบครัวเดินทางข้ามเขาลี้ภัยนาซี

                  เพลงที่ร้องยากที่สุด เสียงสูงและใช้แรงเหมือนปีนเขาตามชื่อเพลง คุณติบอสอนวิธีร้อง
แบบสบายๆ ให้ที ยิ้ม
 
                                                                             
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 17:43

               ชอบเสียงสวรรค์ นุ่มๆ ของอาร์ท ในขณะที่เอลวิส ร้องลั่น โครมครามไป ครับ

                  ตอนยังเด็กดูหนังเรื่องนี้แล้ว "ไม่เห็น" อะไร จนเมื่อโตแล้วมองย้อนไปจึงได้พบว่า
เป็นหนังที่มีสัญญลักษณ์มากมาย 

                 ในหนัง (ถ้าจำชื่อไทย ไม่ผิด) พิษรักแรงสวาท ยังมีอีกเพลงสั้นๆ แต่ไพเราะมากมาย

                                   April Come She Will

           เนื้อเพลงมาจากเพลงกล่อมเด็กอังกฤษ บรรยายธรรมชาติฤดูกาลของความรักที่ผ่านพ้นไป
ในสายตาของชายหนุ่ม

    April come she will
When streams are ripe and swelled with rain;
May, she will stay,
Resting in my arms again.

    June, she'll change her tune,
In restless walks she'll prowl the night;
July, she will fly
And give no warning to her flight.

    August, die she must,
The autumn winds blow chilly and cold;
September I'll remember
A love once new has now grown old.   

คลิปการร้องสด Simon & Garfunkel in Central Park

                                                          
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 19:16

มีเพลงของ S&G มาฝากอีกเพลง  คุณ SILA และคอเพลงเก่าทั้งหลายคงรู้จักดี


I'd rather be a sparrow than a snail.
Yes I would.
If I could,
I surely would.
I'd rather be a hammer than a nail.
Yes I would.
If I could,
I surely would.
CHORUS
Away, I'd rather sail away
Like a swan that's here and gone
A man grows older every day
It gives the world
Its saddest sound,
Its saddest sound.
I'd rather be a forest than a street.
Yes I would.
If I could,
I surely would.
I'd rather feel the earth beneath my feet,
Yes I would.
If I could,
I surely would.


I'd rather be a forest than a street. เห็นภาพต้นไม้ใหญ่ๆตามป่าตามสวน ถูกโค่นเพื่อตัดถนนสายใหญ่เข้าไป   แล้วชอบคำนี้จริงๆ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 22:23

ขอบคุณ คุณ SILA ที่ช่วยหาเพลงให้ครับ
ลองนึกกันดูเล่นๆ ว่าเพลงที่คุณ SILA จับคู่มากันนั่น
ถ้าใครจะลองเอาหนังเรื่องเก่ามาดูใหม่
แล้วนึกตามไปว่ามีความเป็นนามธรรมมากขนาดไหนดู
ผมก็ว่าเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ของคนแต่งนะครับ

ยกตัวอย่าง Elderwise แล้วกัน
เพลงนี้เป็นเพลงที่พระเอก (ที่ไม่ได้ร้องเพลงมานานมาก)
ร้องกับลูกสาวเป็นครั้งแรก เหมือนคนที่ 'เคาะสนิม' จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำมานาน

ในหนังจะใช้เป็นครั้งที่ 2 เป็นเพลงบรรเลงในงานเต้นรำ
แสดงให้เห็นถึงความหรูหราของชนชั้นสูงในสมัยนั้น

ส่วนการร้องครั้งที่ 3 หลังจากออสเตรียโดนยึดแล้ว
พระเอกถึงกับร้องเพลงไม่ออกต้องให้นางเอกและลูกๆมาช่วยร้อง
เพราะคำว่า Bless my homeland forever มันบาดใจคนร้องจนพูดออกมาไม่ไหว
มีหรือ บ้านเมืองโดนยึดไปเรียบร้อยแล้ว ยังต้องมาพูดคำนี้ให้ใครฟังอีก ?


เพลงอื่นๆที่ใช้ในหนังก็ใช้ได้ดีไม่แพ้กัน
So long farewell เองก็ร้องตอนอำลาแขกในงานเลี้ยง
กับอำลาประเทศที่กำลังจะหนีออกไปอีกเหมือนกัน
แถมยังกลายเป็นเพลงบรรเลงอารมณ์ตื่นเต้นในสุสาน
ที่ทำให้คนดูลุ้นกับหนังต่อไปอีกว่าคุณพ่อ คุณแม่เลี้ยง
กับเด็กๆอีก 7 คนจะหนีออกนอกประเทศไปได้ไหม


หรือเพลงร้องยากของคุณ SILA ที่คุณแม่อธิการร้อง
ที่กลายมาเป็นเพลงประกอบตอนครอบครัวเดินข้ามภูเขาจริงๆอีกรอบนึงด้วย

ผมชอบฉากมืดๆ ที่ถ่ายหนังตอนนี้มากเลยครับ
มันทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าคุณแม่อธิการตัวโตบะเริ่มเทิ่ม
ในขณะที่ Maria เหมือนเด็กน้อย ตัวเล็กกระจิ๊ดเดียว...

ที่จริงเพลงนี้ร้องไม่ยากครับ แต่คนไทยไม่คุ้นกับช่องเสียงของการออกเสียงแบบนี้เท่าไหร่
ถ้าคุณ SILA อยากร้อง จะลองฟังให้คุ้นหู แล้วร้องดู
ผมเชื่อว่าไม่ได้ยากเย็นอะไรครับ
ดีกรีความยากน่าจะเหมือนตอนหัดอ่านทำนองเสนาะครั้งแรกน่ะล่ะครับ




เสียดาย ยังไม่มีโอกาสเห็นอะไรไทยๆที่เล่นลูกเล่นแบบนี้เป็น
ลองนึกดูว่าถ้ามีคนแต่งเสภาซักเรื่อง เอากลอนบทเดิมมาใช้ซ้ำ
แต่เปลี่ยนความหมายโดยตัวนามธรรมของกลอนได้ดีแบบนี้
เราจะฟังเสภากันสนุกขึ้นอีกเป็นกองเลยนะครับ


ปล. เอาเพลงที่ร้อง 2 ครั้ง 2 อารมณ์มาให้ฟังอีกเพลงหนึ่งครับ
ถ้าผมจำไม่ผิด หนูน้อยโดโรธีร้องเพลงนี้ 2 รอบใช่ไหมครับ
ร้องแบบฝันๆรอบนึง กับร้องแบบร้องไห้ไปอีกรอบนึง (หรือผมจำผิดหว่า ?)

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 18 ม.ค. 11, 22:41

เสียดาย ยังไม่มีโอกาสเห็นอะไรไทยๆที่เล่นลูกเล่นแบบนี้เป็น
ลองนึกดูว่าถ้ามีคนแต่งเสภาซักเรื่อง เอากลอนบทเดิมมาใช้ซ้ำ
แต่เปลี่ยนความหมายโดยตัวนามธรรมของกลอนได้ดีแบบนี้
เราจะฟังเสภากันสนุกขึ้นอีกเป็นกองเลยนะครับ


ติบอลองหานวนิยายเรื่อง "ปลายเทียน" ของ "แก้วเก้า" มาอ่านสักครั้ง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 20 คำสั่ง