ต่อ...
(ตอนนี้ พวกหม่อมพนักงานทำบายศรีเขาสนทนากัน)
หม่อมฉิมยิ้มแย้ม ว่าดูแจ่มเจียวนะหม่อมจัน
เหมือนสิ้นสิ่งสรรพ์ เสียแต่ตรงนั้นแหละไม่มี
(ไม่มีอะไรหว่า

)
หม่อมผ่องร้องว่าไฮ้ ขออภัยเถอะหม่อมพี่
หัวใจโลกี จะให้มีไปทำไม
หม่อมอำภาว่าจริงๆ แม้นว่าลิงจับได้
จะพิสูจน์ซักไซ้ ถ้าค้นได้ก็ไม่ดี
หม่อมฉิมยิ้มแหะ ว่าฉันจะแกะเป็นพระจักรี
เมื่อกำสรดโศกี อยู่ในที่พลับพลา
(เข้าเรื่องนางลอย)
เชิงเขาแก้วมรกต ภูมิบรรพตภูผา
บริเวณอรัญวา ด้วยอนุชาฤทธิแรง
พร้อมโยธาวานร สองนครเข้มแข็ง
มากมายหลายตำแหน่ง คอยจัดแจงป้องกัน
จักรฏฟษณ์จิตตรอม พักตร์ผอมเผือดพรรณ
ตรงทรวงโศกกระสัน คะนึงขวัญนัยนา
แสงทองส่องประเทือง ลอยดวงเหลืองเด่นหล้า
ตรัสชวนอนุชา มายังท่านที
ถึงฉนวนชวนพระน้อง ลงสู่ท้องชลธี
ผลัดภูษาผ้าสี ลงว่ายรี่ลอยเรียง
แสนร่างสัตว์ร้าย ไม่ระคายเข้าเคียง
ซอนซอกสุดเสียง หลีกเลี่ยงเลยลอย
เหลียวพักตร์เหลือบพบ ยลสบยอดสร้อย
รูปนางร่างน้อย แฉล้มลอยหลังชลา
ผิวพักตร์ผ่องผุด สวยดุจสีดา
ไม่เพี้ยนตนผิดตา ทั้งเนื้อหน้าเนตรนม
ตั้งเต้าเต่งตึง ดังแกล้งกลึงกล่อมกลม
คอคางขำคม อ่อนสมอินทรีย์
(ขอตัดลงตรงนี้ก่อน กลอนแหล่บทนี้
เล่นสลับเสียงพยัญชนะไพเราะมาก และยาวมากด้วย
ชื่นชมคนแต่ง ช่างคิดสร้างสรรค์เสียจริง)