เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 9088 สิบสามห้าง ถนนข้าวสาร และคลองรามบุตรี
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



 เมื่อ 31 ต.ค. 10, 11:53

วันนี้ไปได้ภาพของสิบสามห้างมาจากหนังสือ "กระเบื้องถ้วยกะลาแตก ชีวิตเบื้องหลังสมบัติผู้ดี" ของคุณพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร มาให้ชม

ส่วนหนังสือเล่มจริง ผมคงต้องไปซื้อมาไว้ต่อไป ขออนุญาตเจ้าของหนัสือและสำนักพิมพ์ผู้ถือลิขสิทธิ์หนังสือนำภาพมาลงไว้ตรงนี้ด้วยครับ

ส่วนเรื่องของถนนข้าวสาร และคลองรามบุตรี ก็จะค้นหารายละเอียดนำมาเสนอกันต่อไป



บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 31 ต.ค. 10, 12:01

เคยอ่านพบในเวปหนึ่งว่ามีภาพเขียนของตึกสิบสามห้างที่ก่อสร้างจริงที่บางลำพูเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดสมุทรสงคราม ลักษณะเป็นอาคารตึกสองชั้นมีระเบียงชั้นบนยื่นออกมา

ผมพยายามเดินหาอาคารเก่าจนทั่วบางลำพูที่มีลักษณะใกล้เคียงก็หาไม่พบ ที่มีลักษณใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะเป็นตึกแถวชั้นเดียวที่ถนนดินสอ ติดกับรั้วโรงเรียนวัดบวนิเวศ ตรงป้ายรถเมล์เลยประตูโรงเรียนสตรีวิทยามานิดนึง แล้วจินตนาการใส่ชั้นสองเข้าไปก็พอจะเดาลักษณะอาคารได้

ผมเคยเก็บภาพนี้ไว้ แต่ก็สลายไปแล้วด้วยไวรัสมันมากัดกินซะหมด ไม่ใช่ปลวก ถ้าหาพบจะนำมาลงเสนอครับ







บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 01 พ.ย. 10, 16:07

สิบสามห้าง เป็นบริเวณพื้นที่ที่ชาวต่างประเทศขอเช่าจากจักรพรรดิ์จีน เพื่อทำการค้า เป็นท่าเรือ เป็นโกดังสินค้า ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองกวางตุ้ง (วงกลมสีแดง) ซึ่งชาวจีนเรียกชาวยุโรปว่าเป็นพวกป่าเถื่อน


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 01 พ.ย. 10, 16:19

จะเรียกได้ว่าเป็นที่ตั้งของสำนักงานการค้าของห้างฝรั่งก็ได้ครับ ซึ่งรวมตัวกันอยู่ในย่านนี้ (ปัจจุบันไม่มีแล้ว กลายเป็นสวนสาธารณะและชื่อถนนเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง) จำนวนห้างร้านของยุโรปมีทั้งสิ้น ๑๓ ห้างร้านดังนี้ ไล่จากภาพซ้ายไปขวา
๑. ห้างเดนมาร์ก
๒. ห้างสเปญ
๓. ห้างฝรั่งเศส
๔. ห้าง Mingqua
๕. ห้างอเมริกัน
๖. ห้าง Paoushun
๗. ห้าง Imerial
๘. ห้างสวีเดน
๙. ห้าง Old English
๑๐. ห้าง Chowchow (Miscellaneous)
๑๑. ห้าง New English
๑๒. ห้างดัชท์
๑๓. ห้างกรีก

ด้านหน้าของห้างจะมีสวนตั้งอยู่สองสวน คือ ด้านซ้ายเป็นพื้นที่สวนของอเมริกา และพื้นที่ขวามือเป็นพื้นที่สวนของอังกฤษ และปักธงชาติของแต่ละประเทศ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 01 พ.ย. 10, 16:23

ภาพห้องแถวซ้ายมือ ถ่ายที่มาเก๊ายุคเดียวกับสมัยรัชกาลที่ ๔


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 01 พ.ย. 10, 16:30

ตึกแถวแบบนี้ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างมีประตูใหญ่ ด้านบนเจาะเป็นหน้าต่าง ช่วงเสาก็แบ่งกันคนละห้องๆ แยกกันไป ภาพนี้ถ่ายที่ท่าเรือ มาเก๊า ช่วงรัชกาลที่ ๔ อีกเช่นกัน


บันทึกการเข้า
Kingkong
อสุรผัด
*
ตอบ: 4



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 17 พ.ย. 10, 21:48

ในฐานะเด็กบางลำภู ขออนุญาติระบายความหลังนิดส์ เพื่อคลายอาการสวิงสวาย ขอรับ.

- ถนนสิบสามห้างเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน เรียงรายไปด้วยมิเตอร์หยอดเหรียญจอดรถ จำได้ว่ามีร้านขายผ้าหลายร้าน ร้านเดียวที่จำแม่นคือร้านหลีแซ เพราะหลานชายร้านนี้เรียนห้องเดียวกันกับผม

- สมัยนั้นคอกาแฟยามเช้า จะไปป๊ะกันที่ร้านไต้จง ถนนตานี

- ปากซอยรามบุตรี ติดกับร้านไอสครีมฮาวาย จะเป็นบ้านทรงไทยยกพื้น หน้าบ้านมีบันไดและซุ้มประตูแบบบ้านๆ ที่นี่ในยามเช้าจะมีคุณยายนั่งแคะขนมครกขาย ขนมครกที่นี่ฝาใหญ่กว่าทั่วไปและไม่ใส่น้ำตาล โดยจะมีน้ำตาลทรายแยกใส่ห่อกระดาษให้จิ้มต่างหาก ขอบอกว่ามันส์สุดๆ แถมเปลือกนอกกรอบอร่อย ใช้ฝาดินเผาในแต่ละเต้าขนมครก และใช้กระบวยทำด้วยกะลามะพร้าวหยอด ไม่ได้ใช้ฝาโอ่งปิด และกาน้ำร้อนหยอดเหมือนสมัยนี้ เฮ้อ...

- ร้านพรชัยบนถนนตะนาว ที่ปัจจุบันโด่งดังเรื่องขนมปังใส้ต่างๆจนต้องรอคิวซื้อ เมื่อก่อนขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ฝีมือระดับเทพเชียวร้านนี้ น่าเสียดายที่ปัจจุบันหันมาเอาดีทางขายขนม

- ตรอกข้าวสารในสมัยนี้ สมัยก่อนเรียกถนนข้าวสาร เงียบมากๆ นานๆจะมีรถผ่านสักคัน จำได้ว่าบริเวณหัวถนนที่ตัดกับถนนตะนาวจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อร่อยเด็ด น้ำซุปที่นี่หอมเอามากๆ ผมเดินผ่านทีไรก็ต้องสูดหายใจลึกๆ เก็บความหอมไปกินกับข้าวเปล่าที่บ้านทุกที

- บนถนนข้าวสารจะมีร้านขายสังฆภัณฑ์ร้านใหญ่ไม่ต่ำกว่า 3 ห้องตึกแถว ฝาผนังแขวนรูปนรกสวรรค์ใบโตรอบร้าน เดินผ่านทีไรอดแอบมองไม่ได้ทุกที

- โรงเรียนวัดชนะสงคราม โรงเรียนสามัญต้นแบบของกระทรวงศึกษาธิการ สมัยผมมี ผอ.ชื่อคุณครูอารีย์ ใจดีมาก ตรงข้ามกับคุณครูสอนวิชาช่างไม้, เขียนแบบ, จัดสวน ชื่อคุณครูจำรัส หรือเราเรียกกันติดปากว่าป๋า ซึ่งดุเอามากๆ วันหลังหากมีศิษย์เก่าเข้ามาในนี้บ้าง จะขยายเรื่องของป๋าให้ํฟัง แล้วคุณจะอดอมยิ้มไม่ได้กับวิธีสอนเด็กเฮี้ยวให้เป็นเด็กดีในสมัยนั้น

วันนี้ขอระบายอาการสวิงสวายแค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณครับที่อ่าน  ยิ้ม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 18 พ.ย. 10, 05:03


       สวิงออกมาต้อนรับคุณ คิงคอง สู่เรือนไทยด้วยความยินดี


       บางลำภูในความทรงจำของดิฉันกลับไปนานกว่า ๔๐ ปีมาก 

คงเป็นสมัยตาปุ๊ ('รงค์) เหน็บลูกขวานนั่งจมอยู่ในร้านกาแฟ      เมื่อคุณเล่าถึงกระบวย

ทำด้วยกระลามะพร้าว  ก็จับใจ    เลยตีวงเช้ามาด้วยคน


       บ้านที่อยู่ติดกับบ้านดิฉันเป็นคุณหลวงและแน่นอนที่ภริยาท่านเป็นคุณนาย

ห้องแพนทรีของท่านอยู่ติดครัวที่เปิดโล่งสามด้านแบบหับเผย   มีเตาอบเหล็ก

โบราณที่ฝาปิดเป็นช่อง ๆ    และมีท่อระบายควันทะลุหลังคาขึ้นไป   เข้าใจเอาเอง

ว่าคุณหลวงนำกลับมาจากสหรัฐอเมริกาเมื่อท่านไปศึกษาที่คอร์แนล   ตั้งแต่จำความได้

เตานี้ไม่มีการใช้งานเลย  แต่ขัดถูไว้มันแผล็บ    ผนังของครัวที่ติดกับแพนทรีมีชั้นยาวตลอด   ในลิ้นชักหนึ่ง

มีเครื่องใช้ในครัวเป็นทัพพีขนาดต่าง ๆ ทำจากกระลามะพร้าว    และอีกในลิ้นชักหนึ่งมีพัดใบตาล

ขนาดต่างๆ             บ้านหลังนี้เป็นมาตราฐานสูงสุดในชีวิตดิฉันอยู่สิบกว่าปี  เพราะในสมัยนู้น

ไม่เห็นใครมีแพนทรีที่มีสมบัติมากมายปานนั้น


       ขนมครกที่มีฝาดินเฉพาะตัวเบ้า  เป็นที่น่าสนใจ   สมัยเป็นเด็กไปซื้อขนมครก  แม่ค้าจะใส่กระทง

ใบตองให้  เวลาแม่ค้าแซะขนมโดยเปิดฝานั้น แคะฝานี้  ปิดฝาโน้น   ดิฉันรู้สึกว่าแม่ค้าฉลาดที่สุดที่จำได้ว่า

ขนมเบ้าไหนกำลังจะสุก


       บางลำภูมีก๊วยเตี๋ยวอร่อยมากในตลาด  อยู่ใกล้ๆ กับขนมเบื้องกุฎีจีน     ผู้ปกครองไปซื้อลูกชิ้น  เต้าหู้ยัดไส้

มาทำเกาเหลาที่บ้าน


       เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว  มีเนื้อเค็มดีเลิศแพงลิบขาย  แม่ค้าพูดเพราะมากสำหรับลูกค้าประจำ   ถ้าคนแปลกหน้าผ่านมาและ

ทำท่าจะล้มสลบด้วยลมสว้านตีขึ้นเมื่อได้ยินราคาเนื้อเค็ม   ก็จะได้รับแจกความรู้เรื่องศัพท์ไทยเพิ่มเติม

       ขนมใส่ไส้และขนมกล้วยก็อร่อยลือชื่อ

บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 18 พ.ย. 10, 07:33

จัดความงามย้อนอดีตให้ครับ ร้านขนมครกด้วยฝาละมี แต่ตัวเบ้าทำจากเหล็กแล้ว ก็ได้อารมณ์อดีตสักเล็กน้อยครับ

สำหรับขนมครก แล้วใส่น้ำตาลไว้ข้างๆ ในภาคอีสานยังหาทานกันได้แบบนี้ครับ โดยจะปรุงแป้งให้จืดไว้ แล้วเอาน้ำตาลทรายหยอดไว้ข้างๆ หรืองานบุญตักบาตรขนมครก ก็ใส่น้ำตาลทรายไว้ข้างๆเช่นกัน


บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 18 พ.ย. 10, 08:39

มัวแต่ไปหาเรื่องของคลองรามบุตรีก่อนที่จะกลายมาเป็นถนนในปัจจุบัน ความแย่ของตัวผมเองคือการเก็บหนังสือระเกะระกะไม่เป็นหมวดหมู่ จะหาหนังสือ หาไฟล์แต่ละที หาไม่พบ
บ้านทรงไทย ปากซอยรามบุตรี ผ่านไปเมื่อก่อน ตั้งใจจะถ่ายรูปเก็บไว้ก็ไม่ได้ถ่าย จนเมื่อสองปีก่อนมีการบูรณะซ่อมแซมด้วยของใหม่ จนเสียรูปแบบเดิมไป ... แสนเสียดาย

ขนมครกเบ้าเหล็ก ฝาปิดดินเผา ก่อนหยอดน้ำแป้งก็ใช้น้ำมันเช็ดก้นเบ้าก่อน ที่เช็ดน้ำมัน ใช้ผ้าขาวบางห่อกากมะพร้าวไว้เป็นก้อน หยอดด้วยกระบวยกะลามะพร้าว แคะขนมครกที่สุกแล้วด้วยช้อนสังกะสี กระทงใบตองกลัดปลายด้วยไม้กลัด เหลาจากก้านมะพร้าว เตาถ่าน คอยเกลี่ยถ่านไปด้วย ให้ควมร้อนพอดี

การหยอด จะหยอดครั้งละครึ่งเตา หยอดแป้ง  แคะเบ้าที่แป้งสุกแล้วออกวางบนถาด กลับมาเปิดฝา กลับมาหยอดหัวกะทิ ปิดฝา
แคะเศษแป้งในเบ้าออก ทาน้ำมัน หยอดแป้ง ... หยิบขนมครกใส่กระทง รับ-ทอนสตางต์ ... กลับมาหยอดแป้งต่อ ...
วนเวียนไปมาอย่างนี้

อธิบายจากที่ผมเห็นเกือบทุกเช้า สมัยเด็ก ที่ไปซื้อกาแฟ ปาท่องโก๋ให้พ่อ เวียนมาซื้อขนมครกให้แม่ ยืนรอขนมครกสุก จนจำได้ ...
ขนมครกสองเตา ขายส่งจนลูกสีคนเรียนจบ ...
สมัยนี้ .. จะทำได้ไหมหนอ ...




บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 18 พ.ย. 10, 09:00


ขอบคุณคุณไซมีสค่ะ  ได้กลิ่นมันของแป้งผสมกะทิที่กำลังจะสุกหอมฉุยมาเตะจมูก

ที่บ้านไม่ค่อยกินอาหารหรือขนมที่ออกหวานค่ะ 

ปีหน้าน้ำตาลจะแพงอีกแล้วก็คงไม่เดือดร้อนมากนัก


คุณลุงไก่คะ     หน้าเตาเป็นงานที่ลำบากนะคะ  เพราะรับความร้อนอยู่ตลอด

เคยปิ้งทองม้วนค่ะ    กว่าจะชิมจนได้ที่    มือก็พองไปหมดเพราะความร้อนที่เผลอจับพิมพ์

ทำขนมไทย ๆ  ราคาต้นทุนต่ำมาก   น่าทำขาย  เหนื่อยและลำบาก  แต่พอมีกำไร

ที่ศูนย์การค้าใกล้บ้าน   มีทองม้วนสดขาย  ๖ แผ่น  ๓๓ บาท   แป้งหนาเหมือนขากบที่นางสร้อยฟ้าทำเลยค่ะ
บันทึกการเข้า
Kingkong
อสุรผัด
*
ตอบ: 4



ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 18 พ.ย. 10, 21:24

เมื่อกลอนลงท้ายด้วยขนมครก ผมก็ด้นบทต่อไปด้วยขนมครก ขอรับ

- (เมื่อก่อน) บนถนนตานี บริเวณหน้าร้านเสริมสวยเกศวิไลมีขนมครกที่เรียกตัวเองว่าขนมครกชาววังขาย หน้าตาก็คล้ายขนมครกชาวบ้านเรา แตกต่างกันตรงที่มีโรยหน้ากุ้ง และอีกสองสามหน้า (ขอโทษทีครับจำไม่ได้ เพราะล่อแต่หน้ากุ้งอย่างเดียว )

- สมัยนั้นคุณสุภาพสตรี ยังไม่นิยมซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปใส่หรือไงมิทราบครับ จึงมีร้านตัดเสื้อสุภาพสตรีใหญ่ๆหลายร้าน ที่ดังๆในบางลำภูก็มีร้านมาลัย ชั้นล่างทำผม ชั้นสองเป็นชั้นของช่างตัดเย็บมีจักรพร้อมช่างสุภาพสตรีนั่งเรียงเป็นแถวน่าจะเป็นสิบตัว ส่วนชั้นสามเป็นชั้นสอนตัดเสื้อมีอาจารย์อยู่สองคน กับลูกศิษย์หลายคน โดยสรุปแล้วร้านมาลัยนี้นอกจากผมซึ่งเป็นสุภาพบุรุษตัวน้อยแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ชายเลยสักคน ( ทำให้ผมกล้าพูดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดของที่นี่ อิอิ )

- บริเวณฝั่งตรงข้ามร้านสหกรณ์กรุงเทพสาขาบางลำภู เมื่อก่อนถ้าจำไม่ผิดเป็นร้านขายยากับร้านขายเนื้อวัว ( อันนี้ขอตั้งข้อสังเกตุไว้นิดนึงครับ ผมเห็นมาหลายแห่งแล้วว่าทำไมร้านขายยาจึงมีร้านขายเนื้อวัวอยู่หน้าร้านหรืออยู่ใกล้ ทั้งที่สองอย่างนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันสักเท่าไหร่ ที่บางรักผมก็เคยเห็น ) อยู่มาวันหนึ่งเกิดไฟไหม้ร้านขายเนื้อนี่เข้า ด้วยอารามตกใจกลัวสมาชิกในร้านท่านหนึ่งได้ลงไปหลบในที่กักเก็บน้ำที่ชาวจีนเรียกจุ๋ยตี้ ปรากฏว่าสุกอยู่ในนี้

- ป้อมพระสุเมรุ เมื่อก่อนดูวังเวงชอบกล มีศาลเพียงตาเก่าๆในศาลมีเศษซากหัวกะโหลกจรเข้ พวกผมขึ้นไปอาศัยเตะฟุตบอลกันบนนี้เป็นประจำ และก็ไม่เคยรู้เลยว่ามีต้นลำภูเก่าแก่ในตำนานอยู่บริเวณนี้ อย่างนี้เองกระมังที่เขาเรียกว่าใกล้เกลือกินด่าง

- ที่โรงเรียนวัดชนะสงครามของผม อาคารเรียนด้านหน้าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบเก่า คือยกพื้นไม่เกินเมตรและมีช่องลมปิดด้วยลูกกรงปูนปั้น ผมและเพื่อนช่วยกันงัดช่องลมนี้ก่อนจะมุดเข้าไปเล่นซ่อนแอบกันในนี้ ใต้อาคารเรียนจะมีบ่อน้ำทรงกลม ปากบ่อเป็นบัวปูนปั้นน่าจะกว้างกว่า 4 เมตร ในบ่อยังมีน้ำขังอยู่ ( ผมค่อนข้างแน่ใจว่านอกจากเด็กซนๆอย่างพวกผมแล้ว แม้แต่คุณครูที่นี่บางท่านก็คงไม่ทราบว่าได้สร้างอาคารเรียนคร่อมบ่อน้ำนี้ )  มีบ่อลักษณะนี้อีกในบริเวณวัดก่อนออกไปถนนพระอาทิตย์ ชาวบ้านเรียกบ่อเต่า  แต่บ่อใต้อาคารเรียนผมซึ่งผมคาดเดาว่าอาจมีความสำคัญสอดคล้องกับความเป็นมาของวัดนี้กลับไม่มีใครทราบ เคยได้ยินมาว่าเป็นวัดที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทในสมัยรัชกาลที่ 1 ใช้เป็นที่ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายหลังกลับจากออกรบก่อนเข้าเฝ้า ท่านยังได้ถวายเสื้อยันต์ของท่านคลุมองค์พระประธานในโบสถ์และเอาปูนพอกทับ ส่วนฝักดาบของท่านได้ถวายเป็นเชิงเทียนในวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์

ขออนุญาติลาไปนอนฝันก่อนครับ. ลังเล
บันทึกการเข้า
POJA
พาลี
****
ตอบ: 298


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 22 พ.ย. 10, 09:52

ติดใจร้านไอศครีมฮาวายค่ะ
รุ่นเล็กแต่ก่อน ต้องไปนั่งกัน

เดี๋ยวนี้กลายเป็น ไอศครีม Swensens ไปเสียแล้ว
บันทึกการเข้า
Kingkong
อสุรผัด
*
ตอบ: 4



ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 22 พ.ย. 10, 21:20

ร้านข้าวขาหมู " แม่จ๋า " ก็กลายเป็นร้าน " Berger King " ไปในบัดดล.
บันทึกการเข้า
s_boon
อสุรผัด
*
ตอบ: 8


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 23 พ.ย. 10, 02:20

สวัสดีครับลุงไก่
ดีใจมากครับที่ได้พบ Web.นี้
ผมก็เด็ก ส.ช.ส. ครับ
ครูจำรัส ก็ครูผมครับ
ลุงไก่อยู่รุ่นไหนครับ
s_boon
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 19 คำสั่ง