เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
อ่าน: 38323 ตุ๊กตาหิน อับเฉาจากจีน หรือ Made in Thailand
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


 เมื่อ 28 ต.ค. 10, 06:42

แยกมาจากกระทู้
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3546.msg73680;topicseen#msg73680
*********************
ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาช่วยสืบหาบ้านเกิดบรรพบุรุษไทยสายจีนสมัยอยุธยากัน
ผมเคยคิดจะคลำจากข้อที่ว่า ท่านเจ๊สัวขนตุ๊กตาหินจำนวนมาก ตั้ง๕ลำเรือเข้ามาในครั้งแรก

เมืองที่ท่านอยู่ กวางหนำ จึงน่าจะเป็นแหล่งผลิตหินแกะสลักจากหินแกรนิต ไม่น่าจะต้องเดินทางไกลๆไปขนจากแหล่งอื่น
แต่ความที่ไม่รู้ภาษาจีนเลย จึงตันไปหมด

เมืองที่ท่านกำลังถกกัน ปัจจุบันยังหาร่องรอยอาชีพสลักหิน(แบบแถวอ่างศิลา)ขนาดใหญ่เจอไหมครับ ในเนทมีอะไรเอ่ยถึงไหม

ตัวผมขอนั่งข้างเวทีอย่างเดียวนะครับ ยกนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 ต.ค. 10, 12:50 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 06:52

ข้อมูลของนายกุหลาบ  ส่วนใหญ่น่าจะจดจากคำบอกเล่าของลูกหลานสืบทอดกันมาในตระกูล     ต่อมามีข้อมูลเพิ่มก็จดต่อท้ายไปอีก   บางครั้งจึงพบว่าข้อมูลแตกต่างกันไปในรายละเอียด

ดิฉันเชื่อว่าที่แม่นที่สุดน่าจะเป็นชื่อแซ่ของบรรพบุรุษ  คืออ๋องเฮงฉ่วน   รองลงมาคือถิ่นกำเนิดเดิม     ส่วนเรื่องอื่นๆอาจจะผิดกันไปบ้าง เมื่อถ่ายทอดแบบปากต่อปากต่อเนื่องกันมา ๒-๓๐๐ ปี

เรื่องตุ๊กตาหินก็เหมือนกัน     น่าจะเป็นหินจากถิ่นเดิมของพ่อค้าคนขาย   แต่ขนหินมาตั้ง ๕ ลำเรือ ไม่มีสินค้าอื่นมาบ้างเลยหรือ  ทำไมท่านพ่อค้าดูมั่นใจนักว่าจะขายได้     ไม่เผื่อเหลือเผื่อขาด   
อีกอย่างสมัยอยุธยา  นิยมตุ๊กตาหินประดับวัดหรือวัง แบบเดียวกับรัชกาลที่ ๓ หรืออย่างไร   อยากรู้หลักฐานที่อื่นประกอบด้วย

ตุ๊กตาจีน ไม่ได้ทำจากหินแกรนิตนะคะคุณนวรัตน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 11:08

มาต่อค่ะ
ที่ว่าตุ๊กตาจีนไม่ได้ทำมาจากหินแกรนิต  เพราะจำได้ในกระทู้เก่า พูดกันเรื่องสิงโตจีน

มารู้ทีหลังว่า หินอย่างสิงโตและตุ๊กตาจีนพวกนี้ ทำจากหินชนิดหนึ่งเรียกว่าฮ่วยเส่งง้ำ    เดิมตอนมันอยู่ในดินเป็นหินเนื้ออ่อน
ขุดเอาขึ้นมาก็ยังอ่อนตัวอยู่   ช่างสามารถปั้นหรือแกะสลักได้ง่าย  เมื่อทำเสร็จเอามาตั้งโดนแดดลมหลายๆวัน  มันก็แข็งเป็นหินแกร่งอย่างที่เห็น

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1954.msg37037;topicseen#msg37037

ผิดถูกอย่างไร  ขอผูัรู้ช่วยแก้ไข หรือเพิ่มเติม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 13:21

       ของที่จีนอ๋องเฮงฉ่วนนำมานั้น มีตุ๊กตาแลรูปสัตว์(มหามุขมาตยานุกูลวงศ์หน้า ๒๗๖)

แลเสาโคมแลของศิลาทั้งสิ้น     ได้กราบเรียนเจ้าพระยาพระคลังว่ายอมขาดทุนครึ่งหนึ่ง

และขอรับของป่าซึ่งเป็นสินค้าไปขายเมืองจีนได้ คือ

ฝาง
ไม้แดง
ไม้แก่น
เขา
หนัง
งาช้าง
นรมาต
กำยาน
ครั่งไหม
รง
เร่ว
กระวาน
ดีบุก
เนื้อแห้ง
ปลาแห้ง
ข้าว  และ  เกลือ


       ในการนี้อ๋องเฮงฉ่วนน่าจะยังได้กำไรโข  เพราะต้นทุนจะถึง ๓๐% หรือก็ไม่แน่

เรือตั้ง ๕ ลำนั้นก็ได้หยุดขายสินค้าที่สิงคโปร์มาแล้ว       ศิลาเหล่านี้ก็เป็นอับเฉามา

สินค้าจริงๆอาจเป็นมนุษย์   เพราะเมืองจีนขาดแคลนอาหารอยู่ตลอดเวลา   หนุ่มจีนถืออีแปะพวงเดียว

ก็โดยสารมาได้  ค่าโดยสารไปเก็บที่เจ้าสัวที่ไปสมัตรทำงานอยู่ด้วย

บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 13:39

ฮ่วยเส่งง้ำ 火成岩 แปลตรงตัวว่าหินอัคนีครับ เป็นหินที่เกิดจากการเย็นตัวของแม็กมา หินแกรนิตก็จัดเป็นหินอัคนีชนิดหนึ่งครับ

ผมลองเสิร์ชชื่อ ฮ่วยเส่งง้ำ เจอข้อมูลเรื่องหินที่ใช้ทำตุ๊กตาจีนจากเว็บสองสามแห่งซึ่งมีที่มาเดียวกัน ให้ข้อมูลแยกเป็นประเด็นดังนี้ครับ
- ชื่อจีนว่าฮ่วยเส่งง้ำ
- ชื่อฝรั่ง Agalmatolite
- เมื่อนำขึ้นมาจากดินเนื้ออ่อนปั้นได้ จะแข็งตัวเมื่อทิ้งไว้

เรื่องชื่อจีนนั้นชัดเจนว่าคือหินอัคนี ส่วนชื่อฝรั่ง Agalmalite เป็นสินแร่ชนิดหนึ่ง เนื้ออ่อน แกะสลักง่ายครับ มีชื่อที่เกี่ยวเนื่องกันคือ Pagodite, Steatite(Soapstone), Pyrophillite

และทั้งหินอัคนีและ Agalmalite ไม่น่าจะเนื้ออ่อนขนาดปั้นได้แน่ๆครับ ข้อมูลในเว็บเหล่านี้ผมคิดว่าเชื่อถือไม่ได้ครับ

ตุ๊กตาจีนเหล่านี้ทำจากหินอะไร? ผมไม่มีความรู้ที่จะตอบได้ครับ

แต่การแกะสลักลูกแก้วในปากสิงโตหิน เขาค่อยๆสลักแยกออกจากเนื้อหินชิ้นเดียวกับตัวสิงโตครับ เป็นฝีมือของช่างครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 14:18

เรื่องตุ๊กตาหิน ผมเข้าใจมาตลอดว่าเป็นพระราชนิยมของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ครับ ไม่ทราบว่าก่อน ร.๒ มีการนำตุ๊กตาหินเข้ามาขายหรือไม่ เรื่องนี้ผมยังหาหลักฐานไม่ได้ แต่โดยธรรมชาติของพ่อค้า จะขนของที่มีกำไรมาขายครับ ถ้าเป็นตลาดใหม่ที่ไม่รู้จัก (อย่างจีนกั๊กไปค้าบาหลี) ถึงเป็นไปได้ว่าจะเสี่ยงบรรทุกของไปอย่างสุ่มๆ เพราะไม่รู้ว่าตลาดต้องการอะไร ซึ่งไม่สอดคล้องกับกรณีนี้แน่ครับ เพราะพ่อค้าจีนทำการค้ากับสยามมานาน รู้ดีว่าเราต้องการอะไรบ้าง

โดยทั่วไปสินค้าที่ขนไปขายในแต่ละเที่ยวเรือ จะมีข้อพิจารณาดังนี้ครับ
- ทุน
- ขนาดระวาง
- กำไรของสินค้าแต่ละชนิด ซึ่งต้องพิจารณาทั้งกำไรต่อทุน และกำไรต่อระวาง เพื่อให้ได้กำไรต่อเที่ยวสูงสุดครับ
สินค้าที่สยามต้องการจากจีน โดยมากเป็นพวกเครื่องถ้วยชามคุณภาพสูง พวกผ้าไหม ผ้าแพร ชนิดต่างๆ และโลหะบางชนิด ของพวกนี้มีราคาสูง ทำกำไรได้มาก แต่กินระวางน้อย ซื้อจนทุนหมดก็ยังเบาไปมาก ต้องหาสินค้าน้ำหนักมากกำไรน้อย(หรืออาจไม่ได้กำไรเลย)มาเป็นอับเฉาถ่วงเรือ

ดังนั้นเรื่องที่ ก.ศ.ร. ว่าอ๋องเฮงฉ่วนขนตุ๊กตาจีนมาขาย เรื่องนี้จึงไม่น่าเชื่อถือเอามากๆ ครับ เพราะคงไม่มีใครขนตุ๊กตาจีนมาขายแต่อย่างเดียวแน่ หรือถ้าขนอย่างอื่นมาขายด้วยเหลือแต่ตุ๊กตาจีน ก็คงฟันกำไรไปมากแล้วครับ ความจริงที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ อาจรับฟังได้เพียงว่าอ๋องเฮงฉ่วนนำเรือเข้ามาค้าที่อยุธยา และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระเจ้าท้ายสระทรงตั้งให้มีตำแหน่งขุนนางค้าขายกับเมืองจีนต่อไป
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 16:25


     ก.ศ.ร. กุหลาบทำงานเป็นเสมียนโรงสีอยู่ ๑๐ ปี  เป็นกัมปะดอร์อยู่อีก ๑๕ ปี

คือซื้อสินค้าต่างๆลงเรือ   เรื่องจะไม่รู้เรื่องสินค้าเข้าและออกคงไม่ใช่

ถ้ากลิ่นหมึกพิมพ์ไม่ยั่วท่านจนหลงผิดออกมาพิมพ์หนังสือ  ป่านนี้ท่านคงมีสตังค์เหลือ

สินค้าที่เหลือมากับเรือคงโดนค่าเปิดระวางไปแล้วไม่น้อย

แล้วเข้าของที่ต้องนำไปกราบเท้าเจ้าพระยาพระคลังให้กราบทูลให้ก็น่าจะหลายกอง

ผ้าแพรหลิน ๔๐ ไม้จะอยู่หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้

ตุ๊กตาหินเป็นอับเฉาค่ะ  เพราะสินค้าที่นำมาจากจีนไม่หนักเหมือนข้าวที่นำออก
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 20:24

ผมเข้ามาอ่านที่ท่านทั้งหลายช่วยเสริมกระทู้นี้ตั้งแต่กลางวัน  ความเห็นของคุณม้า ผมก็ขอฟังไปทีนึงก่อนก็แล้วกัน ยังไม่มีเวลาตอบให้สั้นๆได้ ส่วนเรื่องหินของท่านอาจารย์เทาชมพู ที่ทักว่าตุ๊กตาที่มาจากเมืองจีนไม่ใช่หินแกรนิต เป็นหินที่คนจีนเรียกว่าหินฮ่วยเส่งง้ำ  อันนี้คงหาความจริงได้ไม่ยาก
อันที่จริงที่ผมว่าไปว่าป็นหินแกรนิตนั้น ก็ว่าไปตามความรู้เก่าสมัยเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ปีหนึ่ง ของสถาปัตย์จุฬา ครูบาอาจารย์ท่านว่าแกรนิต สมองของผมตอนนั้นยังดีอยู่ก็บันทึกลงไปว่าแกรนิตตามท่าน เมื่อไม่มีข้อมูลใหม่ๆอะไรผ่านเข้ามาอีก ก็คงเข้าใจไปอย่างนี้จนตาย
ในเมื่อบัดนี้มีข้อมูลใหม่มาว่าเป็นหินฮ่วยเส่งง้ำผ่านเข้ามา  ผมก็ได้เข้าเวปตามไปดูว่าเจ้าหินที่ว่านี้มันเป็นเช่นไร

ปรากฏข้อมูลชั้นต้นที่มาจากพจนานุกรมศัพท์ศิลปะ  อังกฤษ-ไทย
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน  พ.ศ.  2530 หน้า  6-8 ความว่า

agalmatolite  หินตุ๊กตาจีน

หินเนื้ออ่อน  สีเขียวอมเทา (ภาษาแต้จิ๋วเรียก  หินฮ่วยเส่งง้ำ) มีมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น

หินชนิดนี้เมื่อขุดขึ้นมาใหม่ๆ จะมีเนื้ออ่อน  มีความร้อน  และเมื่อกระทบกับอากาศภายนอกจะขึ้นไอ  เหมาะสำหรับแกะสลักเป็นรูปต่างๆเมื่อทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์จะแข็งตัว  ตัวอย่างที่เห็นได้ในประเทศไทยได้แก่  ตุ๊กตาและสิงโตในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  วัดอรุณราชวราราม  วัดเทพธิดาราม  ที่สั่งทำในประเทศจีนและนำเข้ามาเป็นเครื่องบรรณาการในรัชกาลที่ 2 และที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  และในขณะขนส่งมานั้นได้ใช้ประโยชน์เป็นอับเฉาเรือด้วย

ในประเทศญี่ปุ่น ได้ผลิตเป็นเหมืองหินขนาดใหญ่เพราะใช้เป็นคานวางบนพื้นดิน เพื่อรองรับโครงสร้างของอาคาร  รวมทั้งใช้สร้างกำแพงด้วย  บางแห่งได้มีการแกะสลักหินนี้จากภูเขาทั้งลูก  เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ก็มีเช่น  ที่ใกล้กับตำบลมาชิโกะ ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร

อนึ่ง  เนื่องจากหินชนิดนี้มีสารประกอบของเหล็กเป็นส่วนผสมอยู่มาก  จึงใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำยาเคลือบเครื่องดินเผา  ได้สีน้ำตาลที่สวยงามเป็นพิเศษ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 20:26

ข้อมูลเรื่องหินฮ่วยเส่งง้ำในภาษาไทยมีอยู่เวปเดียวเท่านั้น แต่ดีที่ให้ศัพท์ภาษาอังกฤษของหินดังกล่าวไว้ ผมเลยติดตามเข้าไปดูต่อได้ คราวนี้มีข้อมูลเพียบ ก็คล้ายๆกับข้างบนที่ว่าตอนนำขึ้นมาใหม่ๆจะอ่อน แกะสลักง่าย แห้งแล้วจึงแข็ง (เหมือนศิลาแลงของบ้านเรา) แต่เปราะคล้ายหินอ่อนอย่างที่คุณม้าว่า ทำได้แต่ก้อนเล็กๆ แต่การที่มีสีสรรแปลกๆสวยงาม จึงเหมาะสำหรับงานแบบประณีตศิลป์ ดูรูปข้างล่างเขาเอามาแกะเป็นรูปผักหรือปลาทองให้เหมือนจริงยังได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่นิยมมากที่สุดคือเอาแกะอักษรจีนมาทำตราประทับชื่อคน หรือยี่ห้อบริษัท

แต่ที่สำคัญหินพวกนี้มีค่ามากราวกับเป็นอัญมณี ไม่ใช่เอามาทำหินอับเฉาของเรือสำเภาโบราณแน่นอนครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 22:34

ถ้าหินฮ่วยเส่งง้ำเอามาทำผักกาดและตัวสัตว์สวยๆอย่างในรูปที่คุณนวรัตนนำมาให้ดู  ก็เป็นหินคนละอย่างกับสิงโตจีนตามวัด

ดิฉันยังหาหลักฐานไม่พบว่าสมัยอยุธยาตอนปลาย  มีการนำตุ๊กตาจีนมาประดับวัง(หรือวัด)เช่นในรัชกาลที่ ๒ และ ๓   ถ้ามี น่าจะบันทึกไว้ในจดหมายเหตุ หรือหนังสือเช่นคำให้การชาวกรุงเก่า  คำให้การขุนหลวงหาวัด   ตลอดจนภาพผนังโบสถ์สมัยอยุธยาตอนปลาย น่าจะมีรูปตุ๊กตาจีนวาดประกอบไว้บ้าง

อ้างถึง
ปรากฏข้อมูลชั้นต้นที่มาจากพจนานุกรมศัพท์ศิลปะ  อังกฤษ-ไทย
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน  พ.ศ.  2530 หน้า  6-8 ความว่า

agalmatolite  หินตุ๊กตาจีน
หินเนื้ออ่อน  สีเขียวอมเทา (ภาษาแต้จิ๋วเรียก  หินฮ่วยเส่งง้ำ) มีมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น

หินชนิดนี้เมื่อขุดขึ้นมาใหม่ๆ จะมีเนื้ออ่อน  มีความร้อน  และเมื่อกระทบกับอากาศภายนอกจะขึ้นไอ  เหมาะสำหรับแกะสลักเป็นรูปต่างๆเมื่อทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์จะแข็งตัว  ตัวอย่างที่เห็นได้ในประเทศไทยได้แก่  ตุ๊กตาและสิงโตในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  วัดอรุณราชวราราม  วัดเทพธิดาราม  ที่สั่งทำในประเทศจีนและนำเข้ามาเป็นเครื่องบรรณาการในรัชกาลที่ 2 และที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  และในขณะขนส่งมานั้นได้ใช้ประโยชน์เป็นอับเฉาเรือด้วย

ตัวแดงนั้น หมายความว่าตุ๊กตาจีนไม่ใช่อับเฉาเรือ   แต่เป็นสินค้าตามสั่ง และนำเข้าเป็นเครื่องบรรณาการ    การเป็นอับเฉาเรือถือเป็นผลพลอยได้ในการขนส่ง   
ก็ถ้ามันเป็นสินค้าธรรมดา มาตั้งแต่สมัยอยุธาตอนปลาย   ก็น่าจะเป็นสินค้าธรรมดาต่อเนื่องกันมาถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น     เมื่อสถาปนาอาณาจักรใหม่ การค้าก็จะเฟื่องฟูขึ้นมา  อะไรที่เคยขายได้ก็น่าจะนำมากันอีก เพราะดีมานด์ยังมีอยู่   แต่นี่ก็ดูว่าจะไม่ใช่เช่นนั้น

นอกจากนี้ได้ข้อสังเกตอีกอย่างว่า ประวัติขุนนางของนายกุหลาบ มีแพทเทิร์นซ้ำกัน ๒ ตระกูลแล้วเท่าที่ได้อ่านมา คือตระกูลบุนนาคและตระกูลบรรพชนของเจ้าคุณจอมมารดาเอม
เป็นขุนนางต่างชาติ เดินเรือเข้ามาสมัยอยุธยา  เข้ามาสวามิภักดิ์กับกษัตริย์อยุธยา  เลยอยู่ที่อยุธยา ได้เป็นขุนนางไทย   ต่อมามีความดีความชอบปราบกบฎได้ จึงเลื่อนเป็นขุนนางใหญ่   
กำลังหาประวัติตระกูลอื่นๆอยู่ว่าจะมีแบบนี้คล้ายๆกันหรือไม่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 22:38

ขอหมายเหตุเรื่องรูปสัตว์ที่ท่านนวรัตนนำมาลงให้ดู อีกครั้ง
เข้าใจว่าเป็นหินที่คนไทยเรียกว่า หยก   ตุ๊กตาพวกนี้ดิฉันเคยเห็น คิดว่าหลายๆท่านก็เคยเห็นเหมือนกัน เพราะส่งมาขายที่เมืองไทยก็มี  อยากจะไปดูของจริงที่จีนและไต้หวันก็ได้      ไม่ใช่แก้ว แต่เป็นหิน เนื้อละเอียดใส และมีหลายสีในเนื้อ
เห็นคนขายเขาบอกว่าเป็นหยกสีต่างๆ    เนื้อมันคนละอย่างกับสิงโตจีนกับตุ๊กตาจีนตามวัด   ห่างกันหลายขุม
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 28 ต.ค. 10, 23:54

wiki มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับ agalmatolite อยู่บ้างครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Pagodite
http://en.wikipedia.org/wiki/Steatite อันนี้มีตัวอย่างให้ดู น่าสนใจครับ

เรื่องตุ๊กตาหิน เป็นอย่างที่อาจารย์ว่าครับ ถ้าก่อน ร.๒ ขึ้นไป มีการนำเข้าตุ๊กตาหิน ก็น่าจะมีให้เห็นบ้าง แต่ผมยังหาไม่พบเลย จะฟันธงว่าไม่มีก็ไม่กล้าครับ

เรื่องอับเฉา น่าสนใจว่าปลายอยุธยา เรือที่ขนเครื่องราชบรรณาการ มีการขนสินค้าอื่นๆ ไปด้วย โดยแจ้งกับทางการจีนว่าเป็น "อับเฉา" ครับ

ไปดูข้อมูลราคาข้าวช่วงรัชกาลพระเจ้าท้ายสระ อยู่ที่หาบละ 2 สลึงกว่า อ๋องเฮงฉ่วน (หนังสือ จิ้มก้องและกำไร กำกับตัวจีนไว้ว่า 王兴全 จีนกลางอ่าน หวังซิ่งฉวน ฮกเกี้ยนว่า อ๋องฮิงจ๋วน ก็เข้าเค้าอยู่ครับ) ถวายหินอ่อนสองหมื่นแผ่นมูลค่า 5,000 บาท ถือว่าไม่เบา มูลค่าเท่าข้าวถึงหมื่นหาบ 600 ตันทีเดียวครับ

ราคาหินอ่อนตกแผ่นละสลึง ก็ข้าวครึ่งหาบ ไม่รู้ว่าแผ่นใหญ่แค่ไหนนะครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 29 ต.ค. 10, 05:19

อ้างถึง
ดิฉันยังหาหลักฐานไม่พบว่าสมัยอยุธยาตอนปลาย  มีการนำตุ๊กตาจีนมาประดับวัง(หรือวัด)เช่นในรัชกาลที่ ๒ และ ๓   ถ้ามี น่าจะบันทึกไว้ในจดหมายเหตุ หรือหนังสือเช่นคำให้การชาวกรุงเก่า  คำให้การขุนหลวงหาวัด   ตลอดจนภาพผนังโบสถ์สมัยอยุธยาตอนปลาย น่าจะมีรูปตุ๊กตาจีนวาดประกอบไว้บ้าง

จัดให้ครับ

http://books.google.co.th/books?id=unBnoL8XwroC&pg=PT179&lpg=PT179&dq=%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2+%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99&source=bl&ots=QvI4pI_9_i&sig=79ETa7y7dmhhQi0WJvuMWhEC1ag&hl=th&ei=6vXJTKDuKYj5ccn4oZQO&sa=X&oi=book_result&ct=result&resnum=3&ved=0CCYQ6AEwAg#v=onepage&q=%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2%20%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99&f=false
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 29 ต.ค. 10, 10:04

ขอบคุณมากค่ะ
เดาว่าอาจารย์วิบูลย์ คงวิเคราะห์จากลักษณะศิลปะของตุ๊กตาจีนว่าเป็นแบบราชวงศ์เหม็ง   เป็นที่มาของคำว่า "กล่าวกันว่าเข้ามาตั้งแต่สมัยอยุธยา"  ละมังคะ?


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 29 ต.ค. 10, 10:21

ได้อะไรเกี่ยวกับกวางหนำมาอีกนิดหน่อยครับ

ในหนังสือ จิ้มก้องและกำไร ของคุณสารสิน วีระผล ใน ภาคผนวก ก. รายการเรือสยามที่ได้รายงานว่าไปค้าขายยังนางาซากิ หน้า 257

ปี 2251/1708 เรือสยามลำหนึ่งเดินทางมาถึง นับเป็นหนึ่งในขบวนเรือ 4 ลำที่จะเดินทางไปยังนางาซากิ เมื่อ พ.ศ. 2250/1707 แต่เรือลำอื่นๆ ต้องแวะจอดฉุกเฉินเพื่อซ่อมแซมที่กวางหนำ (กว่างหนาน/อันนัม) เรือกวางตุ้งลำหนึ่งยังรายงานด้วยว่าเรือสยามลำหนึ่งซึ่งไปเยือนญี่ปุ่นในปีก่อน ได้หยุดพักที่กวางตุ้งเพื่อซื้อสินค้าจากกวางตุ้ง เรือลำดังกล่าวมีลูกเรือชาวจีน 82 คน


ชี้กลับไปที่เวียดนามอีกแล้วครับ ในหนังสือระบุว่ารายการนี้มาจากหนังสือ Kai Hentai ของ Hayashi Harunobu อาจจะต้องตามไปดูว่า Harunobu ได้ข้อมูลนี้มาจากที่ไหน ถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 19 คำสั่ง