เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
  พิมพ์  
อ่าน: 42857 บทอาขยานที่ท่านสมัครใจท่องเอง
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 04 พ.ย. 10, 11:35

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน

   สวัสดีครับ คุณสองยิ้ม
   คุณเอ่ยถึง “รำพันพิลาป” ของท่านสุนทรภู่ เสมือนกระตุกกระตุ้นรอยร้าวรานเมื่อกาลเก่าของผม ทำให้นึกขึ้นมาได้ถึงบทอาขยานที่ท่องเอง ท่องเพราะชื่นชอบ แหละ.... ท่องเพื่อตอกย้ำซ้ำพิษแผลครับ

   คนตาบอดก็มีความรักเฉกคนทั่วไป แน่หละ ในเมื่อหัวใจสี่ห้องยังสูบฉีดโลหิต ลมหายใจแห่งชีวิตยังโคจร รู้ร้อน รู้หนาว สมัยผมอกหักเมื่อมัธยมปลาย เพราะบังอาจไปรักผู้หญิงตาดีเพื่อนร่วมชั้น ก็พร่ำบ่นบทกวีต่อไปนี้อยู่ในจินตนารมณ์อันขมขื่นครับ

   “เห็นโฉมยงองค์เอกเมขลา
ชูจินดาดวงสว่างมากลางสวรรค์
รัศมีสีเปล่งดังเพ็งจันทร์
พระรำพันกรุณาด้วยปรานี

   ว่านวลหงส์องค์นั้นอยู่ชั้นฟ้า
ชื่อโฉมเทพธิดามิ่งมารศรี
วิมานเรียงเคียงกันทุกวันนี้
เหมือนหนึ่งพี่น้องสนิทร่วมจิตใจ

   จะให้แก้วแล้วก็ว่าไปหาเถิด
มิให้เกิดการระแวงแหนงไฉน
ที่ขัดข้องหมองหมางเป็นอย่างไร
จะผันแปรแก้ไขด้วยใกล้เคียง

   สดับคำฉ่ำชื่นจะยื่นแก้ว
แล้วคลาดแคล้วคลับคล้ายเคลิ้มหายเสียง
ทรงปักษาการเวกแฝงเมฆเมียง
จึ่งหมายเสี่ยงวาสนาอุตส่าห์คอย

   เหมือนบุปผาปาริกชาติชื่น
สุดจะยื่นหยิบได้มีไม้สอย
ด้วยเดชะพระกุศลให้หล่นลอย
ลงมาหน่อยหนึ่งเถิดนะจะประคอง

   มิให้เคืองเปลื้องปลดเสียยศศักดิ์
สนอมรักร้อยปีไม่มีหมอง
แม้นมั่งมีพี่จะจ้างพวกช่างทอง
หล่อจำลองรูปวางไว้ข้างเคียง”

   อีกบทหนึ่งที่ผมท่องเพื่อซ้ำเติมตัวเองให้มันสะใจในความไม่เจียมเงาหัว ก็คือส่วนหนึ่งของงานกวีนิพนธ์ “ลำนำภูกระดึง” โดย ท่านอังคาร กัลป์ยาณพงศ์ แต่ตอนนี้หลงเลือนเฟือนไปแล้วส่วนใหญ่ครับ (ทว่าความเจ็บครั้งนั้นยังระลึกรสชาติได้)  ท่านใดมีหนังสือเล่มนี้ในมือ โปรดช่วยสานต่ออดีตรักคุดของผมให้สมบูรณ์ด้วยเถิดครับ ที่อยู่ในหัวผมนี่ เหลือแค่เล็กน้อยเท่านั้นครับ คือ:

   “วิเวกปุยเมฆลอยสร้อยเศร้า
ราวแพรขาวมาห่มดอกเหมย
เสมือนคู่สู่สมชมเชย
เพิ่งเคยเชยชิดสนิทกัน

   อนาถแต่ข้าน้อยหงอยเหงา
เดินกับเงาเปล่าเปลี่ยวเสียวขวัญ
เออหนอดวงใจในอกนั้น
วันนี้หนีไปไหนกันจริง

   คงเที่ยวไปสุดหล้าฟ้าเขียว
โดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นที่ยิ่ง
หนไหนอกใครให้พักพิง
ไฉนนิ่งขลาดเขลาเบาปัญญา”
บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 04 พ.ย. 10, 11:37

อารมณ์รัก อารมณ์อกหัก ทำให้วันคืนที่ผ่านไป มีอะไรๆ มากกว่าวันธรรมดา นะคะ....
วันนี้มีกวีบทรักมาฝากค่ะ
บทนี้ก็ไม่ใช่อาขยาน แต่เป็นการนำเอาวรรคทองของกวีแต่ละท่าน มาร้อยเรียงเป็นกลอนรัก โดยท่านเนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์
ความจริงจำได้เลือนๆ น่ะค่ะ เคยอ่านแล้วชื่นชมที่ท่านช่างสามารถ นำวรรคทองของกวีแต่ละท่านมาแต่งใหม่ได้อย่างเพราะพริ้ง
มาเจออีกทีในเว็ป เลยเอามาฝากค่ะ ถ้าได้เคยอ่าน วรรคทองเหล่านี้มาแล้ว จะยิ่งมีอรรถรสเพิ่มขึ้นค่ะ

 "รวมกลอนรัก"
: เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์


หัวใจรักเจ้าเอยช่างเอ่ยเอื้อน                      
แว่วแว่วเหมือนมาตามมาถามข่าว
มีน้ำอย่างหยาดแก้วกลบแววดาว(๑)            
เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง(๒)

อารมณ์รักมักให้เห็นเป็นกวี                        
ถ้อยคำรักคือวลีที่เริงรุ่ง
ถึงไม่จำแต่ไม่ลืมยังปลื้มปรุง                      
หอมแห่งทุ่งดอกไม้รักรายรอง

อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ                
อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง(๓)
ทั้งคมคำคมความให้ตามตรอง                    
กระเทือนห้องหัวใจกันหลายชั้น

ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก                    
แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน(๔)
คนเคยรักเคยร้างเคยห่างกัน                      
ยังหวั่นหวั่นหวามหวามอยู่รำไร

โอ้นกเขาเจ้าขันกระชั้นแจ้ว                    
เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้(๕)
ถ้าไม่ไปหาเขาเราเสียใจ                        
แต่ถ้าไปหาเขาเราเสียตัว(๖)

ทั้งเสียวสะแสบไส้กระไรเลย                      
อุแม่เอ๋ยเอาหัวใจออกไขทั่ว
กล้าก็กล้าใจหนอกลัวก็กลัว                      
เหมือนมายั่วมาย้ำมานำชัก

ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด                      
เธอก็ใช้ลิ้นการฑูตพูดเสียหนัก
ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก                        
เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย(๗)

เหมือนระย้าผกาแก้วแววระยับ                
กระทั่งกับภูผาน่าใจหาย(๘)
คือดวงแก้วแห่งรักมักวับวาย                    
มีแต่จะตกกระจายไม่วายเว้น

หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้                        
สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น                
แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง(๙)

สารพันสารพัดจะสัตย์ซื่อ                          
ความรักคือความทุกข์ถูกทุกสิ่ง
ประเดี๋ยวสุขสมหมายก็พรายพริ้ง                
ประเดี๋ยวยิ่งปวดร้าวก็เศร้าทรุด

ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก                          
แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด                  
ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ(๑๐)

เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก                          
ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร                          
เอ๊ะ..น้ำตากูไหลทำไมฤๅ(๑๑)

ข้อยฉวยช้อนกลอนรักมาถักร้อย                  
เป็นสายสร้อยดอกไม้สร้อยลายสือ
มอบไว้เป็นของขวัญมั่นกับมือ                    
เสมอสื่อสารรู้...ใจสู่ใจ
____________________________________
วรรคทอง ของแต่ละท่าน ตามหมายเลข ดังนี้
๑  ตุลย์เทพ  สุวรรณจินดา
๒  อังคาร  กัลยาณพงศ์    
๓  สวัสดิ์  ธงศรีเจริญ
๔  เฉลิมศักดิ์  ศิลาพร
๕  นิภา  บางยี่ขัน
๖  กรรณิการ์  เฮงรัศมี
๗  รังษี  บางยี่ขัน
๘  อุชเชนี
๙  สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
๑๐  ขรรค์ชัย บุญปาน
๑๑  สุจิตต์ วงษ์เทศ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 04 พ.ย. 10, 12:01

ถ้าเป็นบทกลอนแห่งความรัก คุณ OBORO เคยรวบรวมลงไว้ในเรือนไทยหลายบทอยู่
 


 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 04 พ.ย. 10, 12:56

ขอบคุณคุณสองยิ้มอย่างยิ่งครับ สำหรับกลอนรักหลากรส ผลงานท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อ่านไปก็เคลิ้มไป ในความคิดเห็นที่ ๖๐ ผมลืมเล่าอีกแล้วครับว่าพักหลังๆนี่ผมก็ยังใจถลำพล้ำเผลอมอบรักให้ดอกฟ้าอีกจนได้ ไม่เข็ดครับ อกหักครั้งล่าสุด แปลก ที่มันทำให้เพียงหงอยซึมงึมเซื่องครู่เดียวเท่านั้น ผมมียาขนานเอกช่วย ครานี้เป็นเพลงครับ

   เพลง “อาณาจักรความรัก” ฝีมือประพันธ์ของ ท่านจิตร ภูมิศักดิ์ ผมนั่งฟังแบบซึมซาบจนซึมทราบ มิใช่ฟังเพียงให้ผ่านหู แล้วมิช้า ความหดหู่ก็จรจากลาครับ

   “อันความรักแท้จริงจากใจ
ฝากไว้ในยอดยุพิน
รักทรยศเหมือนนกผกผิน
โผโบยบินจากรังลืมคู่ไปไม่คืนมา

   อันความรักแท้จริงจากใจ
แผ่กว้างไปในนภา
เหมือนนกน้อยร่อนเริงถลา
เผยอาณาจักรรักกว้างแผ่ไปถึงมวลชน

   รักชนชั้นลำเค็ญยากจน
ไร้ทรยศจากคนและชนชั้นที่ยิ่งใหญ่”

บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 04 พ.ย. 10, 13:01

ขอบคุณอาจารย์เพ็ญชมพูมากๆครับ ที่กรุณานำลิงค์กระทู้เก่าซึ่งผมยังมิได้อ่านมาลงไว้ วันใดอารมณ์ระรื่น ผมจะเข้าไปละเลียดอ่านครับ

บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 04 พ.ย. 10, 15:59

ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูค่ะ ตามลิงค์เข้าไปอ่านบทกลอนแห่งความรัก ที่คุณ OBORO รวบรวมไว้...
รู้สึกดีจังเลยค่ะ วันนี้มองอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด.... ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 09 พ.ย. 10, 02:19

                            พลังแห่งบทกวี
         
         เพราะไร้แสงแรงไฟให้ถ่ายภาพ
         จึงใช้วาบวาวแสงแห่งอักษร
         เพราะไร้เงาให้เห็นความเย็นร้อน
         จึงต้องย้อนเงาอดีตชีวิตกวี

         เพราะไร้สีสดใสจะให้เลือก
         ไร้แปรงเปลือกกระดังงาจะทาสี
         จึงใช้สีใสสดพจนี
         ใช้วลีแห่งอารมณ์พรมระบาย

         เพราะไร้เสียงเพลงร้องทำนองส่ง
         และไร้วงสังคีตดีดสีสาย
         จึงใช้เสียงแห่งภาษามาบรรยาย
         ให้พริ้งพรายสูงต่ำเป็นทำนอง

         เพราะไร้กายร่ายรำให้เริงร่า
         ไร้ปูนปั้นประติมาสง่าผยอง
         จึงใช้คำรำร่ายให้รังรอง
         ปั้นวรรคทองให้ประทับชั่วกัปกาล

         บทกวีไม่มีภาพให้จับต้อง
         แต่จับจองจับใจจับในสาร
         คือพลังแห่งชีวิตจิตวิญญาณ
         โลกร้าวรานถ้าไร้รสบทกวี

                     นภาลัย  สุวรรณธาดา

 

                            
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 09 พ.ย. 10, 10:34

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เทาชมพูครับ บทกวีของท่านอาจารย์นภาลัย สุวรรณธาดา ไพเราะเหลือเกิน ผมมองไม่เห็นตั้งแต่จำความได้ แต่...น่าแปลกครับ พอได้สัมผัสกับบทกวี ภาพในมโนวิถีก็ปรากฏ จะเหมือน หรือ ใกล้เคียงกับความจริงหรือไม่ ผมมิอาจรู้ ทว่า ผมตราตรึงกับภาพนั้นครับ
 
บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 11 พ.ย. 10, 10:24

มีเว็ปไซด์มาแนะนำคุณชูพงค์ และเพื่อนๆ นักอ่านค่ะ

http://olddreamz.com/

เว็ปนี้มี วรรณกรรม วรรณคดี เรื่องสั้น เรื่องแปล หนังสือเก่า บทกวี และอื่นๆ อีกมากมายค่ะ
และที่สำคัญที่สุดคือ เป็น text ค่ะ ไม่ใช่ pdf
และยังมี เพลงไพเราะ มากมายให้ฟังด้วยนะคะ

คุณชูพงค์ และเพื่อนๆ ลองเข้าไปดูนะคะ ขอให้เพลิดเพลินค่ะ
บันทึกการเข้า
chupong
พาลี
****
ตอบ: 319


ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 11 พ.ย. 10, 10:35

ขอบพระคุณครับคุณสองยิ้ม สำหรับเว็บไซต์ที่คุณกรุณาแนะนำ แหม ไม่เป็น pdf คนตาบอดก็รื่นรมย์ซีครับ อ่าน text ได้สบายๆอยู่แล้วครับ ผมจะนำไปบอกกล่าวป่าวร้องให้เพื่อนๆในโลกมืดด้วยกันเข้าไปอ่านดูด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 19 คำสั่ง