
ยี่สิบสามตุลาอาลัย
1....ฝนกระหน่ำในวันนี้อย่างปีนั้น
ทรงนิราศสู่สวรรค์ วันเวียนถึง
ยี่สิบสามตุลายังตราตรึง
หนึ่งร้อยปีประหนึ่งไม่กี่วัน
ยังจดจำตำนานที่ขานเล่า
พระผ่านเกล้าเสด็จล่วงสรวงสวรรค์
วันนั้นเมืองมืดคลุ้มเหมือนคลุมควัน
ม่านเมฆกลั่นเป็นฝนหลั่งดังน้ำตา
อกแผ่นดินหมองคล้ำด้วยร่ำไห้
หยาดน้ำนองทั่วไปใต้แหล่งหล้า
ณ ที่ใด เห็นสายใสธารา
ก็รู้ว่าคือน้ำตาบนหน้าคน
ทรงจำหลักในดวงใจไทยทั้งชาติ
ถวายบังคมบรมบาท ณ เวหน
พระบารมีอันสว่างกลางสกล
โปรดคุ้มครองไทยให้พ้นจากผองภัย
มิให้มีคนไทยกลายเป็นทาส
มิให้สยบแก่อำนาจถือบาตรใหญ่
มิให้มีผู้คิดร้ายทำลายไทย
มิให้แบ่งแผ่นดินไปแม้ธุลี
ขอให้สามสถาบันยังมั่นคง
อยู่ธำรงเอกลักษณ์ด้วยศักดิ์ศรี
ถวายคำกลอนบูชาแทนมาลี
แด่พระจักรีปิยมหาราชา
“ ณ ปลายฟ้า”
2....เกิดไม่ทันยุคสมัยอันใหญ่ยิ่ง
แต่ทุกสิ่งสถิตอยู่ก็รู้ค่า
รู้ว่า ธ ทรงวางรากนครา
ด้วยพระมหาปรีชาญาณ
ที่โน่น ที่ไหนไหน ในแผ่นดิน
คือจารึกมิรู้สิ้นให้สืบสาน
ทุกมือทาสที่พ้นพันธนาการ
ยังหอมหวานในเสน่ห์แห่งเสรี
ธ พิทักษ์ยุติธรรมสยามประเทศ
ลบเทวษและลดการกดขี่
ปลดโซ่ตรวนแต่ละข้อต่อชีวี
ด้วยพระบารมีพระปรีชา
วันที่สูรย์ดับแสงอันแรงร้อน
ทั้งนครคือทุกข์โทมนัสา
แผ่นดินรายสีดำและน้ำตา
เป็นวันแห่งมิ่งมหาปิยาลัย
พระทรงม้า ทรงเมือง ประเทืองประเทศ
สดับเหตุแห่งบ้านเมืองชั่วกาลสมัย
ด้วยปีต่อปี แม้ผ่านไป
ธ ยังประทับอยู่ในหัวใจคน
อัคนี หฤทัย