ระเบง - ระเบ็ง
เป็นการละเล่นในชุดพระราชพิธีที่แปลกกว่าอย่างอื่น คือแสดงเป็นเรื่องมาจากเทพนิยาย
เนื้อร้องกล่าวถึงเทวดามาบอกให้บรรดากษัตริย์ร้อยเอ็ดเจ็ดพระนครไปเขาไกรลาสระหว่างเดินทาง
ก็เดินชมนกชมไม้ไปจนพบพระกาลมาขวางทางไว้ กษัตริย์เหล่านั้นไม่รู้จักก็ไล่ให้หลีกทางไปเงื้อธนูจะยิง
พระกาลกริ้วมากจึงสาปให้สลบ แล้วพระกาลเกิดสงสารจึงถอนคำสาบให้ฟื้นดังเดิม แล้วขอร้องให้กลับเมืองดังเดิม
กษัตริย์ก็เชื่อฟังกลับเมือง
การแต่งกาย ผู้เล่นเป็นกษัตริย์น้อยใหญ่แต่งกายเหมือนกันทุกคน นุ่งสนับเพลา นุ่งผ้าเกี้ยวสวมเสื้อคอตั้ง
แขนยาว ปล่อยชายไว้นอกผ้านุ่ง มีผ้าคาดพุง ศีรษะสวมเทริด มือถือธนู
ผู้เล่นเป็นพระกาลแต่งกายได้ ๒ แบบ คือ เครื่องแต่งตัวเหมือนผู้เล่นเป็นกษัตริย์น้อยใหญ่
สวมเสื้อครุยทับ ศีรษะสวมลอมพอก (ชฎาเทวดา ตลก สีขาว ยอดแหลมสูง) หรือแต่งตัวยืนเครื่อง
ทรงเครื่องเหมือนกษัตริย์ในละครรำ แต่ไม่สวมเสื้อ
การเล่นในสมัยก่อนใช้ฆ้อง ๓ ใบเถาเรียกว่า "ฆ้องระเบง" ตีรับท้ายคำร้องทุก ๆ วรรค
โดยตีลูกเสียงสูงมาหาต่ำ จากต่ำมาหาสูง ปรากฏในพระราชนิพนธ์โคลงดั้น เรื่อง "โสกันต์" ต่อมาใช้ปี่พาทย์บรรเลง
เริ่มต้นจะบรรเลงเพลง "แทงวิสัย" ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะกับการเต้นของผู้เล่นเป็นกษัตริย์น้อยใหญ่
ซึ่งจะมีจำนวนเท่าไรก็ได้ให้พอกับเวทีหรือสนามที่เล่น เมื่อเต้นไปสุดเวที ผู้เล่นที่อยู่หัวแถวจะร้องต้นบทว่า
"โอละพ่อถวายบังคม" ผู้เล่นทั้งหมดจะร้องรับพร้อมๆ กันว่า "โอละพ่อถวายบังคม" ผู้เล่นทำท่าถวายบังคมไปด้วย
เป็นการรำถวายบังคมพระเจ้าแผ่นดิน
ต่อจากรำถวายบังคมแล้ว ผู้เล่นจะแปรแถวอย่างเป็นระเบียบ แล้วผู้เล่นก็ร้องบทต่อไปลุกขึ้นเต้น
ปากก็ร้องบทไปเรื่อย ๆ เมื่อยกขาขวาจะทำท่าเอาลูกธนูตีลงไปบนคันธนู วางขาขวายกขาซ้าย เหยียดมือขวาออกไป
ข้างตัวจนสุดแขนเป็นท่าง้างธนู จนกระทั่งมาพบพระกาล
ตัวอย่างบทถวายบังคมตอนหนึ่งมีว่า
โอละพ่อขอถวายบังคม
โอละพ่อประนมกรทั้งปวง
โอละพ่อบัวตูมทั้งปวง
โอละพ่อบัวบานทั้งปวง ฯลฯ
มีบทเดินดง ชมนก ชมไม้ บทปะทะ พบพระกาล บทพระกาลสาป และบทคืนเมือง
ข้อมูล
http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK13/chapter7/t13-7-l6.htmภาพสีจาก ผู้จัดการออนไลน์
กระทู้ ประชุมพระรูปพระราชพิธีโสกันต์ เกศากันต์ และโกนจุก
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7650627/K7650627.html